วันอีดิ้ลอัฎฮา หรืออีดใหญ่ ตรงกับวันที่ 10 เดือนซุลฮิจญะฮฺ เป็นเดือนที่ 12 ของเดือนในศาสนาอิสลาม โดยถือทางจันทรคติ
วิธีละหมาดสุนัต วันอีดิ้ลอัฎฮา(อีดใหญ่)
วันอีดิ้ลอัฎฮา หรืออีดใหญ่ ตรงกับวันที่ 10 เดือนซุลฮิจญะฮฺ เป็นเดือนที่ 12 ของเดือนในศาสนาอิสลาม โดยถือทางจันทรคติ
การละหมาดอีด เป็นซุนนะฮฺมุอักดะฮฺ คือท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กระทำเป็นประจำ ท่านได้สั่งให้ชายและหญิงออกไปร่วมละหมาดโดยพร้อมเพรียงกัน
คำเหนียตละหมาดวันอีดิ้ลอัฎฮา
อ่านว่า " อุซ็อลลีซุนนะตะอีดิ้ลอัฎฮา ร๊อกอะไตนิมะมูมัน ลิ้ลลาฮีตะอาลา "
นึกในใจ "ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตอีดิ้ลอัฎฮา 2 ร่อก้าอัต เป็นมะอ์มูม เพื่ออัลลอฮ์ต้าอาลา"
วิธีละหมาดอีดิ้ลอัฎฮา
1.ผู้ละหมาดเข้าแถวพร้อมกัน ตั้งเจตนาละหมาดอีดิ้ลอัฎฮา
2. ตักบีรร่อตุลเอียะรอม (คือ กล่าว อัลลอฮุอักบักร พร้อมยกมือกอดอก ยกมือครั้งเดียวในร็อกอะฮฺแรกเท่านั้น)
3. ตักบีรอีก 7 ครั้ง (อัลลอฮุอักบักร) (จากบันทึกของอบูดาวูด และอัดดารุกุฏนี) โดยไม่ต้องยกมือ เมื่อเสร็จแต่ละตักบีร ควรเว้นระยะสัก ขณะหนึ่ง ไม่ต้องอ่านอะไร
4. อ่านดุอาอฺอิฟติตา (คำวิงวอนเปิดการละหมาด)บทใดบทหนึ่ง
5. อ่านอัลฟาติฮะฮฺแล้วกล่าว อามีน ให้กล่าวเสียงดัง
6. มีซุนนะฮฺให้อ่าน กอฟ วัลกุรอานิลมะญีด หรือสับบิฮิสม่าร็อบบิกัลอะลาฯ ซูเราะฮฺใดซูเราะฮฺหนึ่ง และมีซุนนะฮฺให้อ่านทั้งซูเราะฮฺเสียงดังเช่นกัน หรือถ้าจำซูเราะฮฺดังกล่าวไม่ได้จะอ่านซูเราะฮฺอื่นก็ได้
7. จากนี้ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับการละหมาดทั่วๆไปจนกระทั่งถึงการสุญูด
(จบร็อกอะฮฺที่ 1)
ร็อกอะฮฺที่ 2
8. เมื่อสุญูดครั้งที่ 2 เสร็จแล้ว กล่าว “อัลลอฮุ อักบักร” พร้อมเงยขึ้นจากสุญูด ใช้มือทั้งสองช่วยในการลุกขึ้นทำร็อกอะฮฺที่ 2 เอามือกอดอกดังเดิม โดยไม่ต้องยกมือ
9. ให้กล่าวตักบีร อีก 5 ครั้ง เหมือนร็อกอะฮฺแรกระหว่างตักบีร ควรนิ่งสักขณะหนึ่ง
10. อ่านอัลฟาติฮะฮฺ แล้วกล่าวอามีนเสียงดัง
11. อ่านสูเราะฮฺอัลเกาะมัรฺ หรือจะอ่านสูเราะฮฺอัลฆอชิยะฮฺ หรือจะอ่านสูเราะฮฺอื่น หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของอัลกุรฺอานก็ได้
*ข้อ ควรระวังในการอ่านซูเราะฮฺ ถ้าร็อกอัตแรกด้วยซูเราะฮฺ อัลอะอฺลา และในร็อกอัตที่สองด้วยซูเราะฮฺอัลฆอชิยะฮฺ หรือ จะอ่านซูเราะฮฺ กอฟ ในร็อกอัตแรกและซูเราะฮฺ อัลเกาะมัร ในร็อกอัตที่สอง ซึ่งทั้งสองซูเราะฮฺนี้มีหลักฐานอ้างจากหะดีษของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม
12. จากนี้ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับการละหมาดทั่วๆไปจนกระทั่งถึงการให้สล่าม
13. เมื่อให้สลามแล้ว สำหรับละหมาดอีดิ้ลฟิตรฺก็หมดเขตการกล่าวตักบีร ส่วนอีดิ้ลอัฏฮานั้น จะต้องกล่าวตักบีรจนกว่าค่อเตบจะขึ้นมิมบัร
(จบวิธีละหมาดอีด)
การกล่าวตักบัรฺในวันอีดุลอัฎฮา เริ่มต้นให้กล่าวภายหลังนมาซศุบหฺของวันที่ 9 ซุลหิจญะฮฺ (คือ วันอะเราะฟะฮฺ ซึ่งจะกล่าวเรื่อยไปจนกระทั่งไปถึงเวลานมาซอัศริของวันที่ 13 ซุลหิจญะฮฺ (นี่เป็นทัศนะของท่านอฺลีย์ และท่านอิบนุมัสอูด ซึ่งถือว่าเป็นทัศนะที่ถูกต้องที่สุด)
ที่มา : จากหนังสือ วิธีละหมาดตามบัญญัติอิสลาม ของอัล-อิศลาหฺสมาคม
บทบัญญัติและมารยาทของอีดิ้ลอัฎฮาอัลมุบาร็อก
เชคริฎอ อะหมัด สมะดี
พี่น้องมุอฺมินผู้ศรัทธาทั้งหลาย ความดีงามต่างๆ นั้นขึ้นอยู่กับการปฏิบัติแนวทางของท่านร่อซูล มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และทุกเรื่องในการดำเนินชีวิตของเรา และความหายนะนั้นมักจะอยู่กับการฝ่าฝืนแนวทางที่ถูกต้องของท่านนบีของเรา (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ดังนั้นใคร่ที่จะตักเตือนท่านในบางเรื่องที่ชอบให้กระทำก่อนวันอีดิ้ลอัฎฮา ซึ่งจะมีกิจกรรมการทำอิบาดะฮฺใน 10 วันแรกของเดือนซุลฮิจญะฮฺ โดยมีคำเรียกร้องจากท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ให้ขยันทำอิบาดะฮฺใน 10 วันแรกของซุลฮิจญะฮฺ อันมีความประเสริฐยิ่ง โดยเฉพาะการถือศีลอดวันที่ 9 ซุลฮิจญะฮฺ (วันอะร่อฟะฮฺ) ที่ท่านนบีได้ชี้แจ้งไว้ว่า
“การถือศีลอดวันที่ 9 ซุลฮิจญะฮฺนั้น จะลบล้างความผิดของเราในระยะเวลา 2 ปี”
และมีบทบัญญัติและมารยาทที่เกี่ยวกับอีดุ้ลอัฎฮา ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองของประชาชาติอัลอิสลาม จะระบุไว้ดังต่อไปนี้
การตักบีร
เป็นสิ่งที่ชอบให้กระทำสำหรับผู้ที่ ไม่ได้ประกอบพิธีฮัจย์ โดยเริ่มตั๊กบีรตั้งแต่เวลาศุบฮิของวันอะร่อฟะฮฺ (9 ซุลฮิจยะฮฺ) จนกระทั่งเวลาอัศริของวันสุดท้ายแห่งอัตตัชรีก (13 ซุลฮิจยะฮฺ) ดังอายะฮฺกุรอานที่ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสไว้ว่า
(( وَاذكُرُوا الله في أَيَّامٍ مَعدُودَات ))
“และพวกเจ้าจงกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺในบรรดาวันที่ถูกกำหนดไว้ (วันที่ 11-13 ซุลฮิจยะฮฺ)”
ซึ่งมีลักษณะการตักบีร ดังนี้
اللهُ أَكبَرُ اللهُ أَكبَرُ ،
لا إِلَهَ إِلا اللهُ وَاللهُ أَكْبَرُ ،
اللهُ أَكبَرُ وَللهِ الْحَمْد
อัลลอฮุอั๊กบะรุลลอฮุอั๊กบัร
ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮุวัลลอฮุอั๊กบัร
อัลลอฮุอั๊กบะรุวะลิลลาฮิลฮัมดฺ
และเป็นซุนนะฮฺสำหรับสุภาพบุรุษให้กล่าวตั๊กบีรด้วยเสียงดังทั้งในมัสยิด ที่บ้าน และสถานที่สาธารณะ ตลอดเวลาและหลังละหมาดฟัรฎู ซึ่งเป็นการประกาศความยิ่งใหญ่แห่งพระผู้เป็นเจ้า และเป็นการเปิดเผยการเคารพภักดีและการขอบคุณต่อพระองค์
การเชือดอุฎฮิยะฮฺ (กุรบาน)
การเชือดอุฎฮิยะฮฺนั้นเป็นซุนนะฮฺมุอั๊กกะดะฮฺ(ชอบให้ทำอย่างยิ่ง)ในวันอีดิ้ลอัฎฮา โดยมีฮะดีษจากท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“ใครก็ตามที่เชือดก่อนละหมาด จงชดเชย (แทนที่เชือดก่อนละหมาด) และใครที่ยังไม่ได้เชือดก็จงเชือด” (บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม)
ฮะดีษบทนี้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า การเชือดอุฎฮิยะฮฺก่อนละหมาดนั้นไม่มีผลบุญของอุฎฮิยะฮฺ สำหรับ ระยะเวลาที่อนุญาตให้เชือดได้ หลังละหมาดอีดแล้วนั้นก็คือ 4 วัน นับตั้งแต่วันอีดจนถึงวันสุดท้ายของอัตตัชรีก ซึ่งมีฮะดีษที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวไว้ว่า “บรรดาวันต่าง ๆ แห่งอัตตัชรีกเป็นระยะเวลาสำหรับการเชือด” (ดูอัซซิลซิละฮฺ อัศศ่อฮีฮะฮฺ ของเชคอัลบานีย์ ฮะดีษหมายเลข 2476)
สำหรับสุภาพบุรุษ ให้อาบน้ำ ใส่น้ำหอม และสวมชุดที่สวยงาม โดยไม่สุรุ่ยสุร่าย
สำหรับสุภาพสตรีนั้น ชอบให้ไปละหมาดอีด แม้กระทั่งสุภาพสตรีที่เป็นคนชรา หรือสตรีที่มีรอบเดือน โดยไม่มีการตะบัรรุจญ์ (เปิดเผยความสวยงามของนาง) และไม่มีการใช้น้ำหอมโดยสิ้นเชิง
การรับประทานอาหารจากอัลอุฎฮิยะฮฺ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะไม่ทานอาหารก่อนไปละหมาดอัลอีด จนกระทั่งกลับไปเชือดและทานอาหารจากเนื้อของกุรบาน (ดูซาดุลมะอ๊าด ลิบนิลก็อยยิม 1/441)
เป็นซุนนะฮฺที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กระทำ คือ ให้เดินไปสู่มุศ็อลลา (สถานที่ละหมาด) ของอัลอีด โดยไม่ใช้พาหนะ(ถ้ากระทำได้)
- ถ้ามีอุปสรรคในการละหมาดอีด ณ อัลมุศ็อลลา ก็อนุญาตให้ละหมาดที่มัสยิดได้
- ในขณะที่เดินทางไปสู่อัลมุศ็อลลาของอัลอีด ชอบให้กลับบ้านโดยใช้ทางอื่น เพื่อเป็นการชุมนุมและประกาศความดีใจ ความยิ่งใหญ่ การเฉลิมฉลองของบรรดามุสลิมีน
- การให้คำอวยพรในวันอีด ซึ่งเป็นการกระทำของบรรดาศ่อฮาบะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และคำกล่าวที่บรรดาอุละมาอฺชอบใช้กันก็คือ
(( تَقَبَّلَ اللهُ مِنَّا ومِنكُمْ ))
ตะก๊อบบะลัลลอฮุ มินนา วะมินกุม
“ขอพระองค์อัลลอฮฺทรงตอบรับจากเราและท่าน”
ข้อห้ามและข้อตักเตือนในอีดิ้ลอัฎฮา
- หลีกเลี่ยงจากสิ่งต้องห้ามในบทบัญญัติของอัลอิสลาม โดยเฉพาะในวันที่ยิ่งใหญ่เช่นอีดิ้ลอัฎฮา และอย่าอยู่ร่วมกับผู้มีความประพฤติที่ขัดกับหลักการอิสลาม เช่น การฟังดนตรี การดูหนังและละคร การสูบบุหรี่ สูบบะระกู่ การปะปนระหว่างหญิงชายที่มิใช่มะหฺรอม และสิ่งหะรอมต่าง ๆ ที่มีอยู่ในหลักการอัลอิสลาม
- อย่าฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่ายโดยไร้ประโยชน์ เพราะอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงตรัสไว้ว่า
(﴾ وَلاَ تُسرِفُوا إِنَّهُ لاَ يُحِبُّ الْمُسرِفِين )﴿
“และพวกท่านอย่าฟุ่มเฟือย เพราะพระองค์นั้นไม่ทรงชอบผู้ฟุ่มเฟือย”
- ผู้ที่มีความประสงค์จะเชือดอุฎฮิยะฮฺ(กุรบาน)นั้น เป็นข้อห้าม มิให้ตัดผม (รวมทั้งเคราและขน) หรือเล็บของเขา ตั้งแต่เริ่มเดือนซุลฮิจญะฮฺจนกระทั่งถึงเวลาเชือด
ขอให้พี่น้องจงดำรงไว้ซึ่งการกระทำที่ดีงามและประเสริฐ เช่น การติดต่อเครือญาติ เยี่ยมเยียนพี่น้อง ละทิ้งความเกลียด ความแค้นและอิจฉาริษยา และจงรักษาไว้ซึ่งความบริสุทธิ์แห่งจิตใจ จงสงสารและให้ความเอ็นดูเมตตาผู้ยากจนขัดสน และจงช่วยเหลือพวกเขา และนำสิ่งที่ดีงามไปให้แก่เขา เพื่อสร้างความสนุกสนาน ความดีใจ และขอพระองค์อัลลอฮฺทรงประทานความเตาฟีกช่วยเหลือแก่พี่น้องในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงโปรดและพอพระทัย และขอให้เรานั้นปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดใน 10 วันแรกของซุลฮิจยะฮฺ สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺทรงตอบรับจากเราและพี่น้องเทอญ
ที่มา: www.islaminthailand.net