ฮิญาบราคา 18,000 อ่านแล้วน้ำตาไหล!! : islamhouses


2,192 ผู้ชม

หญิงหม้ายวัยสามสิบต้น ๆ พร้อมลูกชายวัยเก้าขวบและวัยสองขวบเศษเดินทางจากปัตตานีมุ่งหน้าสู่ภูมิลำเนาเดิม นางเป็นชาวกรุงเทพฯ โดยกำเนิด รับอิสลามได้สิบห้าปี


ฮิญาบราคา 18,000 อ่านแล้วน้ำตาไหล!!

หญิงหม้ายวัยสามสิบต้น ๆ พร้อมลูกชายวัยเก้าขวบและวัยสองขวบเศษเดินทางจากปัตตานีมุ่งหน้าสู่ภูมิลำเนาเดิม นางเป็นชาวกรุงเทพฯ โดยกำเนิด รับอิสลามได้สิบห้าปี ภายหลังแต่งงานกับมุสลิมแถวสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่กินกันได้ประมาณสิบปี ชีวิตคู่เริ่มมีปัญหาถึงขั้นหย่าร้าง ทำให้ต้องกลับมาปักหลัก ณ ที่เดิมที่เคยรับอิสลาม

สิ่งแรกที่นางต้องรีบทำโดยด่วน คือ การหางานทำ ชีวิตในเมืองหลวงทุกย่างก้าวล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินทั้งสิ้น เงินที่ติดตัวมาหลังจากที่หย่าก็มีไม่มาก เพราะถูกอธรรมจากฝ่ายอดีตสามีเนื่องด้วยตัวเองหัวเดียวกระเทียมลีบ แต่นางเป็นคนมีความรู้เลยคิดว่าคงหางานทำได้ไม่ยาก

วันแรกของการออกหางานทำ นางอาศัยการเดินเท้า หางานตามป้ายที่ติดตามป้ายประกาศ ตามเสาไฟฟ้า หรือแม้แต่หน้ากระจกบริษัทต่างๆ การกลับมาคราวนี้แตกต่างจากคราวที่แล้วโดยสิ้นเชิง เพราะคราวที่แล้วนางยังเป็นต่างศาสนิก แต่คราวนี้นางเป็นมุสลีมะฮฺแถมใส่ฮิญาบผืนยาวใหญ่ปิดหน้าอย่างกับนินจา พอเข้าไปแจ้งความจำนงค์ว่าจะมาสมัครงานเลยถูกปฏิเสธตั้งแต่ยังไม่เขียนใบสมัครด้วยซ้ำ

ฮิญาบราคา 18,000 อ่านแล้วน้ำตาไหล!!

นางไม่ย่อท้อยังคงเดินหางานทำต่อไป พลันสายตาหันมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง หน้าประตูกระจกติดป้ายไว้ว่า “รับสมัครพนักงานต้อนรับ 1 ตำแหน่ง” นางไม่รีรอตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไปทันที ที่นี่เปิดโอกาสให้นางได้กรอกใบสมัครพร้อมยื่นหลักฐาน หลังกรอกใบสมัครเสร็จนั่งรออยู่สักครู่มีเสียงเรียกจากพนักงาน หญิงคนหนึ่งให้เข้าสัมภาษณ์ในห้องผู้จัดการ นางเดินเข้าไปในห้อง พร้อมทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้เบื้องหน้าชายผู้หนึ่งหน้าตาละม้ายคล้ายลูกครึ่ง เขาทักทายเป็นภาษาอังกฤษทันทีนางตอบรับ นี่คงจะเริ่มต้นการสัมภาษณ์แล้วสินะ นึกในใจเป็นธรรมดาของตำแหน่งพนักงานต้อนรับที่ต้องติดต่อกับบุคคลหลายชาติหลายภาษา ภาษาอังกฤษจึงถูกเลือกให้เป็นภาษาหลักที่ใช้ในการสื่อสาร นางได้ใช้ภาษาที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก ที่คุณพ่อจ้างมิชชันนารีจากออสเตรเลียมาสอนภาษาให้เป็นเวลาสิบกว่าปี จึงทำให้นางผ่านด่านตรงนี้ไปได้ไม่ยากเย็นนัก อัลฮัมดุลิลลาฮฺ

หลังจากสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อย นี่คือบททดสอบอันยิ่งใหญ่สำหรับนาง เพราะคำตอบที่ได้คือ

ผู้จัดการ : ทางเรามีความยินดีขอแจ้งให้คุณได้ทราบว่าเรารับคุณเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานต้อนรับด้วยเงินเดือนขั้นแรก 18,000 บาทต่อเดือน แต่มีข้อแม้ว่าคุณจะต้องแต่งกายตามเครื่องแบบที่โรงแรมกำหนดให้ หากคุณยอมทำตามเงื่อนไขของเรา พรุ่งนี้มาเริ่มงานได้เลย”

นางอึ้งไปครู่ใหญ่ จึงบอกกับผู้จัดการไปว่า ขอกลับไปคิดที่บ้านสักหนึ่งวันแล้วจะให้คำตอบ ผู้จัดการรับคำแล้วลุกเดินจากไป ทิ้งความเงียบไว้ให้กับนางที่ยังคงนั่งนิ่งราวกับหุ่น นางเดินกลับที่พักด้วยความเลื่อนลอย ในใจครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ ตั้งแต่รับอิสลามมา นางยังไม่เคยถอดฮิญาบออกนอกบ้านเลยแม้แต่ครั้งเดียว นี่นางต้องถอดฮิญาบเพื่อแลกกับเงินเดือน 18,000 บาทเลยหรือ?

พลางคิดในใจ โอ้อัลลอฮฺ !! พระองค์ทรงกำลังทดสอบบ่าวผู้อ่อนแอคนนี้อยู่ใช่ไหม? ขอพระองค์ทรงให้ทางออกที่ดีกว่านี้ด้วยเถิด คืนนั้นหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ นางได้เรียกลูกชายคนโตเข้ามาคุยเกี่ยวกับเรื่องงาน ลูกชายเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงบอกกับผู้เป็นแม่ว่า

ฮิญาบราคา 18,000 อ่านแล้วน้ำตาไหล!!

ลูกชาย : อุมมีย์ไม่ต้องไปทำงานที่นั่นหรอก เพราะหากต้องแลกกับการที่ต้องถอดฮิญาบแล้วถึงจะได้เงินมา ผมว่ามันไม่คุ้มกันหรอกกับการที่จะทำให้อัลลอฮฺไม่พอใจ ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวเราลองขอเช่าที่เล็ก ๆ กับคนแถวนี้ดู ขายของกินอะไรก็ได้ อุมมีย์ก็ทำอาหารอร่่อยตั้งหลายอย่าง หลังจากกลับจากโรงเรียนผมค่อยมาสลับให้อุมมีย์ได้พักมั่ง ทำการบ้านไปพลางขายไปพลางก็คงจะได้อยู่ ส่วนช่วงมัฆริบก็สลับกันไปละหมาด

นาง : จะดีเหรอลูก? หนูกลับจากโรงเรียนมาเหนื่อยๆ น่ะ ยังต้องมาช่วยอุมมีย์ขายของอีก ไหนจะการบ้านอีก

ลูกชาย : ถึงจะเหนื่อยกาย แต่ไม่หนักใจนะครับ เพราะมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ หากเรายอมแลกเครื่องแบบที่พระองค์ทรงจัดไว้ให้อุมมีย์กับเงิน 18,000 มันอาจจะดูเยอะแต่..อัลลอฮฺน่าจะให้

เราเยอะยิ่งกว่า ถ้าเราทำให้พระองค์พอใจ ได้ยินลูกชายพูดดังนั้น นางถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ดึงลูกชายมาสวมกอดด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ พร้อมกล่าวขอบคุณลูกชายที่เข้าใจความรู้สึกของนางเป็นอย่างดี นี่แหละกระมัง ของขวัญอันล้ำค่าและยิ่งใหญ่ที่หาซื้อและแลกไม่ได้ด้วยเงิน

เจ้าของบทความ นูรอัยนี อับดุลบุตร