ท่านนบีได้ทำการชะฟาอะฮฺให้พวกเขาได้เข้าสวรรค์ โดยไม่ต้องถูกสอบสวนและไม่ต้องถูกลงโทษใดๆทั้งสิ้น บุคคลจำนวน70,000 คนนั้นได้กระทำสิ่งใดหรือ ? จึงได้รับรางวัลตอบแทนอันดีงามดังกล่าว
70000 คน เข้าสวรรค์โดยไม่ถูกสอบสวน
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงสอบสวนมนุษย์ทุกคน ยกเว้นบุคคลจำนวน70000 คนจากประชาชาติของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัมฮิวะซัลลัม ที่ท่านนบีได้ทำการชะฟาอะฮฺให้พวกเขาได้เข้าสวรรค์ โดยไม่ต้องถูกสอบสวนและไม่ต้องถูกลงโทษใดๆทั้งสิ้น
บุคคลจำนวน 70000 คนนั้นได้กระทำสิ่งใดหรือ ? จึงได้รับรางวัลตอบแทนอันดีงามดังกล่าว ....
คำตอบก็คือ พวกเขาเป็นมุอ์มินที่ไม่ทำชิริกเลย ไม่เคยตั้งภาคีใดๆทั้งสิ้นต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเลยแม้แต่น้อย เป็นผู้ที่มีอัลวะลาอ์วัลบะรออ์ คือรักเพื่ออัลลอฮฺ ไม่ประนีประนอมต่อบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเพื่ออัลลอฮฺและพวกเขายังเป็นผู้ที่ตะวักกัล ผู้ที่มอบหมายทุกสิ่งทุกอย่างต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอยู่อย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา
อัลหะดีษในบันทึกของอิมามอัลบุคอรีย์และอิมามมุสลิม รายงานจากท่านอิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมาเล่าว่า ท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า :
«يَدْخُلُ الْجَنَّةَ مِنْ أُمَّتِي سَبْعُونَ أَلْفَاً بِغَيْرِ حِسَابٍ» «هُمُ الَّذِينَ لاَ يَسْتَرْقُونَ. وَلاَ يَتَطَيَّرُونَ وَلاَ يَكْتَوُونَ. وَعَلَى رَبِّهِمْ يَتَوَكَّلُونَ».رَوَاهُ الْبُخَارِي وَمُسْلِم
“ประชาชาติของฉันจำนวน 70000 คนจะได้เข้าสวรรค์โดยไม่ต้องถูกสอบสวน
พวกเขาคือบรรดาผู้ที่ไม่ใช้การรักษาด้วยวิธีการเสกเป่า พวกเขาไม่ถือโชคลาง
และพวกเขาไม่รักษาด้วยวิธีนาบด้วยไฟ และพวกเขาจะมอบหมายอยู่กับพระเจ้าของพวกเขาเท่านั้น”
นอกเหนือจากบุคคล 70000 คนนี้แล้ว บรรดาบ่าวของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็จะได้รับการสอบสวนจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทั้งสิ้น ซึ่งการสอบสวนของพระองค์ต่อบ่าวแต่ละคนนั้น จะแตกต่างกันไปตามการงานต่างๆที่บรรดาบ่าวของพระองค์ได้ประพฤติปฏิบัติไว้ในโลกดุนยา
ภาพไม่เกี่ยวกับเนื้อหา
ทำไมจึงต้องมีการสอบสวน ในเมื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ประพฤติปฏิบัติไว้ในโลกดุนยา แม้แต่เรื่องที่มันเล็กมันน้อยยิ่งกว่าผงธุลี พระองค์ก็ทรงทราบ ไม่จำเป็นที่พระองค์จะทรงสอบสวนเราในวันกิยามะฮฺเลยก็ได้ พระองค์จะทรงให้รางวัลหรือให้การลงโทษแก่เราเลยก็ได้ แต่เพราะความยุติธรรมของพระองค์ พระองค์จึงได้ทรงทำการสอบสวนบ่าวของพระองค์ใน
วันกิยามะฮฺ เพื่อให้เราได้ยืนยันสิ่งที่เราทำไว้บนโลกดุนยานี้ ยืนยันว่า เรื่องต่างๆเหล่านั้นเป็นเรื่องที่เราคิด เราทำ เราประพฤติปฏิบัติไว้จริงๆ และผลตอบแทนที่เราจะได้รับ ก็มาจากการกระทำของเราเอง...นี่คือความยุติธรรมของพระองค์
ลักษณะของการสอบสวนในวันกิยามะฮฺไว้เป็น 2 ประเภทหลักๆ
ประเภทที่หนึ่ง ฮิซาบอ๊ะร็อด
การสอบสวนประเภทนี้ สำหรับเฉพาะบรรดามุอ์มินผู้ศรัทธาเท่านั้น ซึ่งการสอบสวนประเภทนี้จะดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีการซักไซ้ในรายละเอียด ไม่มีการขุดคุ้ยเรื่องใดๆ ไม่มีการโต้แย้ง ไม่มีการพิสูจน์ใดๆ เป็นการสอบสวนในลักษณะที่นำการงานมาแสดงให้เห็น ...ครั้นเมื่อความผิดเล็กๆน้อยๆที่เขาทำไว้ถูกนำมาแสดงแก่เขา เขาก็ยอมรับสิ่งเหล่านั้นว่าเขาเป็นคนทำ พระองค์จึงได้ทรงปกปิดมัน ปกปิดความผิดเหล่านั้นให้แก่เขา และมองข้ามความผิดเหล่านั้นของเขาไป นั่นก็หมายถึงว่า พระองค์ทรงอภัยโทษให้แก่เขาแล้ว ..และเขาจะได้รับสมุดบันทึกการงานด้วยมือขวาของเขา และกลับไปหาครอบครัวของเขาในสวนสวรรค์ด้วยความปิติยินดี เนื่องจากเขาได้รอดพ้นจากอะซาบการลงโทษ และได้รับรางวัลตอบแทนที่ดีงามยิ่ง
อัลหะดีษในบันทึกของอิมามอัลบุคอรีย์และอิมามมุสลิม รายงานจากท่านอิบนุ อุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมาเล่าว่าฉันได้ยินท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
إِنَّ اللَّهَ يُدْنِي الْمُؤْمِنَ فَيَضَعُ عَلَيْهِ كَنَفَهُ وَيَسْتُرُهُ فَيَقُولُ أَتَعْرِفُ ذَنْبَ كَذَا أَتَعْرِفُ ذَنْبَ كَذَا ؟ فَيَقُولُ نَعَمْ أَيْ رَبِّ . حَتَّى إِذَا قَرَّرَهُ بِذُنُوبِهِ وَرَأَى فِي نَفْسِهِ أَنَّهُهَلَكَ قَالَ : سَتَرْتُهَا عَلَيْكَ فِي الدُّنْيَا وَأَنَا أَغْفِرُهَا لَكَ الْيَوْمَ . فَيُعْطَى كِتَابَ حَسَنَاتِهِ
“แท้จริง อัลลอฮฺจะทรงเข้าใกล้ผู้ศรัทธาและได้ปกคลุมเขา พระองค์ได้กล่าว(กับเขา)ว่า เจ้ารู้ถึงบาปนั้นไหม ? เจ้ารู้ถึงบาปนี้ไหม ? ซึ่งเขาได้ตอบว่า ทราบครับ โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ ..แล้วเขาได้ยอมรับสารภาพความผิดเหล่านั้นแต่โดยดีพลางคิดว่า ตนเองต้องได้รับความพินาศ(ได้รับการลงโทษ)อย่างแน่นอน.. แต่แล้ว พระองค์ได้กล่าวต่อว่า ..ข้าได้ปกปิด(ความผิดเหล่านั้น)ให้กับเจ้าในโลกดุนยา และข้าจะอภัยให้กับเจ้าในวันนี้ ..จากนั้น เขาก็ได้รับสมุดบันทึกความดีของเขา...”
การสอบสวนประเภทที่สอง ฮิซาบมุนาเกาะชะฮ์
เป็นการสอบสวนของอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาที่ทรงกระทำต่อบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา และบรรดาผู้ทำชิริกและบรรดาผู้ศรัทธาที่มีเตาฮีดอยู่ในหัวใจ แต่ได้ฝ่าฝืนไปทำมะศิยะฮฺ ทำความผิดใหญ่ๆ
สำหรับการสอบสวนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและบรรดาผู้ทำชิริก ซึ่งพวกเขาจะถูกขุดคุ้ย ถูกถามอย่างละเอียดในทุกสิ่งทุกเรื่องที่เขาได้ทำลงไป พวกเขาจะถูกถามด้วยคำถามที่บีบคั้น หนักหน่วง เชิงตำหนิติเตียน พวกเขาจะถูกสอบสวนอย่างยาวนาน ยากเย็น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณความผิดบาปของแต่ละคน เป็นการสอบสวนเพื่อตอกย้ำความอัปยศอดสูให้แก่พวกเขา และพวกเขาจะไม่ได้รับการชำระในความดีและความชั่วของพวกเขา เพราะแท้จริงแล้ว ในวันกิยามะฮฺ พวกเขาไม่มีความดีใดๆหลงเหลืออยู่เลย ความดีที่พวกเขาทำไว้ในโลกดุนยาได้กลายเป็นโมฆะทั้งหมด
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงคำนวณนับการงานต่างๆที่พวกเขาได้กระทำไว้ ซึ่งพวกเขาก็จำต้องยอมจำนนในการกระทำของพวกเขา และเมื่อการงานของเขาถูกคำนวณนับแล้ว มันก็จะถูกพักไว้อย่างนั้นเฉยๆ ซึ่งในท้ายที่สุด อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงนำคนกลุ่มนี้ลงนรกทั้งหมด พวกเขาจะได้รับการลงโทษในระดับที่แตกต่างกัน ใครที่มีความดีอยู่ การลงโทษอาจเบาลง แต่จะไม่มีทางได้เข้าสวรรค์เลย ..พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้เข้าสวรรค์เลย นี่คือการตอบแทนของผู้ปฏิเสธศรัทธา และผู้ที่มีชิริกแม้ว่าจะมีชิริกอยู่เพียงนิดเดียวก็ตาม
ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอันนิซาอ์ อายะฮฺที่ 168 -169 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
"إِنَّ ٱلَّذِينَ كَفَرُواْ وَظَلَمُواْ لَمْ يَكُنِ ٱللَّهُ لِيَغْفِرَ لَهُمْ وَلاَ لِيَهْدِيَهُمْ طَرِيقاً إِلاَّ طَرِيقَ جَهَنَّمَ خَالِدِينَ فِيهَآ أَبَداً وَكَانَ ذٰلِكَ عَلَى ٱللَّهِ يَسِيراً ".
“แน่นอน บรรดาผู้ปฎิเสธและบรรดาผู้อธรรมนั้น อัลลอฮฺไม่เคยที่จะทรงให้อภัยโทษต่อพวกเขา และไม่ทรงที่จะให้มีหนทางใดเป็นทางสว่างแก่พวกเขาเลย นอกจากทางของนรกญะฮันนัมเท่านั้น ที่พวกเขาจะได้อยู่ในนั้นตลอดกาล และดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องง่ายดายเหลือเกินสำหรับอัลลอฮฺ”
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย สำหรับการสอบสวนในส่วนของบรรดาผู้ศรัทธาที่มีเตาฮีดอยู่ในหัวใจ แต่ได้ฝ่าฝืนไปทำมะศิยะฮฺ ทำความผิดต่างๆมากมาย พวกเขาจะถูกสอบสวนด้วยคำถามที่ชวนให้นึกไปถึงช่วงเวลาที่พวกเขาได้รับเนี๊ยะอฺมะฮฺ ได้รับความโปรดปราน ได้รับความสุขสบายที่พระองค์ได้ประทานให้แก่พวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกสำนึกในความเมตตาที่พระองค์ทรงมีต่อพวกเขา แต่ในส่วนของความผิดต่างๆที่พวกเขาฝ่าฝืนไปทำมัน เป็นความผิดที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของชิริก อย่างนี้ พวกเขาจะอยู่ภายใต้พระประสงค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
หากพระองค์ประสงค์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา พระองค์ก็จะทรงอภัยโทษให้ แต่หากพระองค์ประสงค์จะลงโทษพวกเขา พวกเขาก็จะถูกชำระโทษตามความผิดของพวกเขาในนรกจนเสร็จสิ้นก่อน จากนั้นพระองค์จะให้พวกเขาได้ออกจากนรก แล้วจึงให้พวกเขาได้เข้าสวรรค์และพำนักอยู่ในสวรรค์ตลอดกาล
ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอันนิซาอ์ อายะฮฺที่ 48 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
" إِنَّ اللَّهَ لا يَغْفِرُ أَنْ يُشْرَكَ بِهِ وَيَغْفِرُ مَا دُونَ ذَلِكَ لِمَنْ يَشَاءُ وَمَنْ يُشْرِكْ بِاللَّهِ فَقَدِ افْتَرَى إِثْمًا عَظِيمًا"
“แท้จริง อัลลอฮฺจะไม่ทรงอภัยโทษให้กับการทำชิริก(การตั้งภาคีต่อพระองค์) แต่จะทรงอภัยโทษให้กับ(ความผิดอื่นๆ)นอกจาก(การตั้งภาคี)นี้ เฉพาะสำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ดังนั้น ผู้ที่ทำชิริก(ผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ)นั้นแน่นอน เขาได้กระทำความผิดบาปอันใหญ่หลวง”
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย แม้กระทั่งบรรดาสัตว์ทุกชนิด ทุกประเภท ทุกตัวที่เกิดมาบนโลกดุนยานี้ก็ต้องถูกชำระสะสาง ถูกสอบสวน จะต้องมีการคืนความยุติธรรมระหว่างพวกมัน แม้แต่แกะตัวที่ไม่มีเขากับแกะตัวที่มันมีเขา ที่มันเคยทะเลาะกัน เคยชนกัน เคยขวิดกันบนโลกดุนยา แล้วตัวที่มันไม่มีเขา มันได้รับบาดเจ็บ พอในวันกิยามะฮฺอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็จะทรงให้เขาแก่ตัวที่มันไม่มีเขา แล้วก็จะให้มันขวิดกลับคืนไป
อัลหะดีษในบันทึกของอิมามมุสลิม รายงานจากท่านอบีฮุรอยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัดศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า
الْجَلْحَاءِ مِنَ الشَّاةِ الْقَرْنَاءِ""لَتُؤَدُّنَّ الْحُقُوقَ إِلَى أَهْلِهَا يَوْمَ الْقِيَامَةِ حَتَّى يُقَادَ لِلشَّاةِ
“ในวันกิยามะฮฺ สิทธิต่างๆจะถูกคืนแก่เจ้าของสิทธินั้น
แม้กระทั่งแกะที่เขาหัก ก็จะถูกนำสิทธิมาคืนจากแกะตัวที่มีเขา”
..นี่คือการชำระสะสาง การคืนความยุติธรรมให้แก่กัน จนเมื่อการพิพากษาตัดสินระหว่างสัตว์ต่างๆเสร็จสิ้นลงอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็จะทรงให้มันกลายเป็นดินไป
แต่นั่นเป็นเรื่องของบรรดาสัตว์ เมื่อมีการคืนสิทธิแก่กันและกันแล้ว มันก็ไม่ต้องรับโทษใดๆ
แต่สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและผู้ที่ทำชิริก เขาก็จะต้องได้รับการลงโทษอย่างสาหัสสากรรจ์ในนรกตลอดไป ตลอดกาล ตามหลักฐานที่ปรากฏ ดังนั้น นรกจึงเป็นสถานที่สำหรับการลงโทษ ไม่ใช่โรงพยาบาลตามที่มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มมีความเชื่อผิดๆเช่นนี้
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเราเป็นมุสลิมแล้ว เราก็ต้องระมัดระวังสิ่งที่จะทำให้เราต้องตกมุรตัด หรือหลุดออกจากศาสนาหลุดออกจากการเป็นมุสลิมโดยที่บางทีเราก็ไม่รู้ตัว เราจึงต้องหมั่นศึกษาแสวงหาความรู้ในเรื่องราวของหลักการศาสนาอยู่ตลอดเวลา และโดยเฉพาะเรื่องราวของสิ่งที่จะทำให้เราตกมุรตัดหรือหลุดออกจากศาสนา ที่เรียกว่า นะวากิฎ อัลอิสลาม สิ่งที่ทำให้เราต้องหลุดออกจากอัลอิสลาม เพื่อเป็นการป้องกันตัวเราไม่ให้ทำสิ่งเหล่านั้นนะครับ
เรื่องราวดังกล่าวคือ เรื่องราวที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงบอกให้เราทราบ แล้วท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้นำมาตักเตือนเรา เพื่อให้เราได้เตรียมตัวเสียตั้งแต่ในโลกดุนยา เพื่อให้เราดำเนินชีวิตไปตามบทบัญญัติศาสนา พยายามปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา พยายามศึกษาเรียนรู้ว่า อันไหนเป็นคำสั่งใช้ให้ปฏิบัติ ก็พยายามทำ พยายามปฏิบัติอย่างดีงาม..อันไหนที่เป็นคำสั่งห้าม ก็พยายามละเว้น พยายามออกห่าง ไม่ทำ
...ในขณะเดียวกันก็ต้องปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความอิคลาศ ทำเพื่อมุ่งหวังการตอบแทนจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาองค์เดียว โดยไม่ยอมให้มีชิริกใดๆแฝงอยู่ในจิตใจและการกระทำการงานต่างๆเลยเพราะทั้งหมดนี้จะมีผลให้การสอบสวนในวันกิยามะฮฺของเรามีความสะดวกง่ายดาย และนำไปสู่รางวัลตอบแทนที่ดีงามตลอดไป
สาระสาสน์จาก มัสยิดดารุ้ลอิห์ซาน www.islammore.com