มหัศจรรย์น้ำลายเเมว ที่ท่านนบีเคยกล่าวไว้ 1400 กว่าปี
ท่านร่อซู้ล (ซ.ล.) ได้กล่าวยืนยัน ไว้ในฮาดีษหลายๆ บทที่เกี่ยวกับแมวไว้ว่า มันนั้นสะอาดปราศจากนะญิส และนบีได้เรียกมันว่า الطوافين والطوافات ในบ้าน
และมีรายงานอีกว่าท่านนบี (ซ.ล) ได้อาบน้ำละหมาดจากน้ำ ซึ่งที่แมวนั้นได้มาดื่มกินแล้ว และน้ำนั้นเป็นน้ำที่สะอาด (หะดิษเกี่ยวกับแมว)
มีคำถามที่น่าคิดว่า ท่านรอซูล (ซ.ล.) เป็นแพทย์หรือนักวิทยาศาสตร์หรือเปล่า? ท่านรู้ได้อย่างไรว่า น้ำลายของแมวนั้นสะอาดปราศจากนะญิส, ท่านร่อซู้ลเคยกล่าวในฮาดีษเกี่ยวกับสุนัขว่าน้ำลายของมันนั้นเป็นนะญิส และวิทยาศาสตร์ปัจจุบันนี้ก็ได้ยืนยันแล้วว่า น้ำลายของสุนัขนั้นมันมีเชื้อโรคมากมาย
ดังนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่า น้ำลายของแมวนั้นสะอาดปราศจากเชื้อโรค
ต่อไปนี้ เราจะทำการทดลองเพื่่อพิสูจน์ให้เห็นว่า ผลการทดลองตรงกับคำพูดของท่านนบี (ซ.ล) ซึ่งท่านได้กล่าวมาแล้ว เมื่อ 1400 กว่าปี
ก่อนอื่นคำว่าแมวในภาษาอาหรับนั้นถูกเรียกไว้หลายชื่อดังนี้:
القط (อัลกิตฺ)- السنور(อัลซะนูร)- الضّيونُ(อัดด็อยยูน)- الهر(อัลฮิร)- البس(อัลบิซ ตามสำเนียงชาวชาม)- المش(อัลมิช ตามสำเนียงชาวมอร็อกโค)- القطاوة(อัลก่อตอวะฮ์ ตามสำเนียงชาวคาบสมุทรอาหรับ)
ตามธรรมชาติของแมวนั้นมันมีนิสัยเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่ามันชอบที่จะทำความสะอาดตัวมันเอง จนกระทั่งนักวิทยาศาสตร์คนนึงที่ชื่อบาสตูร ได้กล่าวว่า แมวนั้นเป็นสัตว์รักสะอาด เพราะว่ามันนั้นจะชำระล้างตัวของมันทุกวัน โดยที่มันจะทำความสะอาดตัวมันเองจนกระทั่งไม่เหลือที่ให้มันทำความสะอาด
ความจริงและผลการทดลองบางส่วนที่น่าเชื่อถือ ความสัมพันธ์กันในการทำความสะอาดในร่างกายแมว
การแสดงพื้นผิวภายนอกของแมวนั้นเราจะพบว่ามีเซลล์ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันเช่นเซลล์เม็ดเลือดขาว และเซลล์อีกมากมายดังในรูปซึ่งเซลล์เหล่านี้ทำหน้าที่ต่อต้านเชื้อโรคต่างๆ
ส่วนในรูปนี้จะเห็นได้ว่าพื้นผิวลิ้นของมันนั้นมีลักษณะเป็นปุ่มขรุชระ และปุ่มขรุขระนี้มีลักษณะที่งอเปรียบเสมือนแปลงที่ไว้ทำความสะอาดผิวของมันเป็นอย่างดี
ลิ้นของมันนั้น เป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุดในการทำความสะอาดร่างกายมันดังนั้นพื้นผิวที่หยาบของมันนั้นเป็นตัวขจัดขนที่ตายแล้ว และขนที่กองอยู่ที่ผิวของมัน
ไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยว่าแมวนั้นชอบที่จะดื่มนม แต่ทว่าวิธีการใช้ลิ้นตวัดในขณะที่มันดื่มนั้นยากที่จะนำรูปภาพมาให้ดูได้อย่างชัดเจน
ในขณะเดียวกันนั้นเราจะเห็นได้ว่า ลิ้นของมันนั้นมีปุ่มที่แหลมปกคลุมอยู่โดยที่มันจะใช้ปุ่มเหล่านี้เหมือนกับกระเป๋าเล็กๆเพื่อที่จะอุ้มของเหลวไปยังปากแล้วกลืนลงไป.
เราจะเห็นได้ในรูปนี้ซึ่งวิธีการดื่มน้ำของแมวโดยที่มันจะโค้งลิ้นของมันเพื่อที่จะตักน้ำบางส่วนมาอุ้งไว้แล้วใส่เข้าไปในปาก โดยที่น้ำนี้จะไม่ไหลกลับเข้าไปในภาชนะ
ต่อไปนี้เราจะทำการทดลองระหว่างเชื้อโรคและจุลินทรีย์กับแมว
ผลการทดสอบจากห้องแลปมีดังนี้ :
หลังจากการตรวจสิ่งต่างๆในร่างกายแมว จาก(หลัง-อุ้งมือ-อุ้งเท้า-บริเวนปาก-หาง)ของมันทุกวัย โดยนำส่วนต่างๆ มาศึกษา
ด้วยกับการเพาะเลี้ยงเชื้อโรค,และได้นำเอาส่วนที่เป็นเยื่อผนังปากและส่วนนึงจากผิวลิ้นของมันเข้าตรวจ จึงพบว่า
รูปนี้เป็นการทดลองเพาะเชื้อโดยนำเอาบางส่วนจากตัวแมวมาผสมกับสาร Blood agar ซึ่งทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง
1.ผลการตรวจทุกครั้งจากส่วนที่นำมาจากพื้นผิวของแมวนั้น, เป็นผลลบต่อการอาศัยของเชื้อโรค, แม้ว่าจะกระทำการทดสอบกี่ครั้งก็ตาม
รูปนี้เป็นการทดลองเพาะเชื้อโดยนำเอาบางส่วนจากตัวแมวมาผสมกับสารMoler hentonซึ่งทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง
2.เปอร์เซนต์ของการเพาะเลี้ยง, ซึ่งผลออกมาว่าจาก 80% ของเชื้อโรคไม่สามารถอาศัยอยู่ในส่วนของเยื่อผนังปากของแมวได้ สังเกตได้ว่าผลการทดสอบนั้นออกมาเป็นผลลบ(คือไม่เจอเชื้อโรค)
3.และจากพื้นผิวลิ้นของแมวนั้น, เชื้อโรคไม่สามารถอาศัยอยู่ได้
ในส่วนพื้นผิวของลิ้นนั้นจะสังเกตได้ว่าผลการทดสอบนั้นออกมาเป็นผลลบ(คือไม่เจอเชื้อโรค)
4.ชนิดของเชื้อโรคที่นำมาทดลองนั้น, โดยทั่วไปแล้วเป็นกลุ่มเชื้อโรคที่พบโดยทั่วไป ซึ่งปะปนอยู่กับมนุษย์ในจำนวนที่จำกัด จาก [enterobacter(เชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง)-
Staphylococcus(เชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง) streptococcus(เชื้อเเบคทีเรียรูปทรงกลมบางชนิดทำให้เกิดโรคในคนเช่น โรคต่อมทอมซิลอักเสบ) ซึ่งน้อยกว่า 50000 ตัว ที่ติดเชื้อในมนุษย์
5.ไม่พบการเกาะตัวของเชื้อโรคใดๆในการเพาะเลี้ยง โดยที่ท่านสามารถตรวจสอบที่น่าเชื่อถือได้จากแหล่งข้อมูลมากมายซึ่งจะเป็นสิ่งยืนยันว่าแท้จริงน้ำลายของแมวนั้นสะอาดปราศจากเชื้อโรคและจุลีนทรีย์ชนิดต่างๆ
คำกล่าวของแพทย์เฉพาะทางด้านเชื้อโรค :
ด.จอร์จส (ประธานฝ่ายห้องทดลองในโรงพยาบาล อัลบัยตอเราะฮ์) เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่พบเชื้อโรคใดๆบนพื้นผิวชั้นนอกของแมวถ้าหากว่าพบแสดงว่าแมวนั้นกำลังจะไม่สบาย
ด.จีน โจสตาเฟ่น กล่าวว่าหลังจากทำการทดลอง และเปรียบเทียบระหว่างน้ำลายมนุษย์ สุนับ และแมว จะพบว่าสุนัขนั้นมีเปอร์เซ็นต์ของเชื้อโรคมากที่สุด ส่วนมนุษย์นั้นจะพบ 1 ส่วน 4 บองสุนัข และส่วนแมวนั้นจะพบเชื้อโรคประมาน 1 ส่วน 2 ของมนุษย์เท่านั้น
และ ด.ซะอีด ริฟาฮฺ ผู้ชำนาญการแพทย์ในโรงพยาบาลอัลบัตตอเราะฮ์ในกรุงดามัสกัส กล่าวว่าแท้จริงแล้วในตัวของแมวนั้นมีสารที่ทำความสะอาดเชื้อโรคชื่อสารลีโซซีเซียม
และแมวนั้นเกรียจน้ำและจะออกห่างจากน้ำเพราะว่าน้ำนั้นเป็นแหล่งอาศัยของแบคทีเรียโดยเฉพาะน้ำนิ่ง และแมวนั้นจะรักษาอุณภูมิความร้อนในตัวมันคงที่เสมอ ดังนั้น มันจะออกห่างจากแสงอาทิตย์ และน้ำซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดแบคทีเรีย และทั้งหมดนี่คือการอธิบายว่าไม่มีการพบเจอเชื้อโรคบนขนของมันซึ่งมันจะคอยรักษาตัวของมันให้แห้งอยู่ตลอดเวลา
แท้จริงน้ำลายของแมวนั้นสะอาดปราศจากนะญิส :
มีฮาดีษจากท่านหญิงก๊ะบะชะฮ์ บินตฺ กะอฺบิ บิน มาลิก :
แท้จริงท่านอะบาก่อตาดะฮ์-พ่อของสามีของนาง-ได้เข้ามาหานางดังนั้นนางก็เทน้ำให้เขาเพื่อที่จะอาบน้ำละหมาด ปรากฎว่ามีแมวตัวหนึ่งมาดื่มน้ำที่ถูกเทนั้น ท่านอะบาก่อตาดะฮ์ก็ได้เอียงให้มันดื่ม ท่านหญิงก๊ะบะชะฮ์ ก็ได้กล่าวว่า :
ท่านอะบาก่อตาดะฮ์ได้มองมาหาฉัน แล้วก็กล่าวว่า เธอแปลกใจหรือ โอ้ลูกสาวของพี่ชายของฉัน,ท่านหญิงก๊ะบะชะฮ์กล่าวว่า : ใช่,
ดังนั้น ท่านอะบาก่อตาดะฮ์ก็กล่าวว่า : แท้จริงท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า :
มันนั้น(แมว)ไม่ใช่นะญิส แท้จริงมันเป็นผู้ดูแลบ้านของพวกท่านทั้งหลาย.
จากท่านอาลี บิน ฮูเซน,จากท่านอนัส บิน มาลิก กล่าวว่า : ท่านนบี (ซ.ล.) ได้ออกไปยังที่แห่งหนึ่งในมะดีนะฮ์เรียกว่า บัตฮาน ท่านได้กล่าวว่า
โอ้อนัส จงรินน้ำให้ฉันหน่อยเพื่อที่จะอาบน้ำละหมาด
ดังนั้น ท่านอนัสก็ได้เอียงภาชนะนั้นให้ท่านนบี,ในขณะที่ท่านนบีอาบน้ำละหมาดอยู่ก็มีแมวตัวหนึ่งเดินมาเลียน้ำในภาชนะ,ท่านนบีเห็นดังนั้นก็หยุดจนกระทั่งมันดื่มเสร็จนบีก็อาบน้ำละหมาดต่อ
ต่อมาท่านนบีก็ได้เอ่ยขึ้นเกี่ยวกับเรื่องแมวท่านนบี ได้กล่าวว่า :
"โอ้อนัสเอ๋ยแท้จริงแมวนั้นเป็นสิ่งประดับประดาบ้าน มันไม่มีทางที่จะทำให้สิ่งใดสกปรก และไม่มีทางทำให้สิ่งนั้นเป็นนะญิส" (หะดิษเกี่ยวกับแมว)
บทสรุปความมหัศจรรย์นี้
ผลการทดลองที่ออกมานั้นชี้ให้เห็นว่า เเท้จริงร่างกายของเเมวนั้นสะอาดทุกส่วน เเละสะอาดกว่าคนด้วยทางวิทยาศาสตร์
เเท้จริงอัลลอฮ(ซ.บ.)ได้เพิ่มต่อมต่างๆให้กับเเมว เพื่อที่มันสามารถป้องกันผิวหนังของมันจากเชื้อโรคต่างๆ
เเละลิ้นของมันนั้นมีปุ่มที่ช่วยในการทำความสะอาดร่างกายของมันทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นส่วนหัวของมันโดยที่มันจะใช้หลังมือของมันทำความสะอาด
เเละน้ำลายมันนั้นมีเชื้อโรคน้อยมากถ้าเทียบกับมนุษย์ ซึ่งในน้ำลายมันนั้นมีสารที่ช่วยให้ลิ้นมันนั้นสะอาดอยู่ตลอดเวลา
เเละในขณะที่มันดื่มน้ำจากภาชนะต่างๆ จะไม่มีสิ่งใดตกจากปากของมันกลับลงไปในภาชนะนั้น
ซุบฮานัลลอฮ
พี่น้องครับท่านนบี(ซ.ล.)นั้นรู้ว่าเเท้จริงเเมวนั้นมันปราศจากนะญิส ท่านนบีไม่ได้พูดด้วยกับอารมณ์ของตัวเอง
เเต่เป็นวะฮีย์ที่มาจากอัลลอฮ (ซ.บ.) เเละคำตรัสของพระองค์นั้นสัตย์จริง