ศาสนาเป็นสิ่งที่มีอยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่แรกและคำสอนของศาสนามีเรื่องของสิ่งเร้นลับที่เกินกว่าประสาททั้งห้าของมนุษย์จะสัมผัสได้
เรื่องผีๆ อิสลามมีคำตอบ
บทความโดย: บรรจง บินกาซัน
ศาสนาเป็นสิ่งที่มีอยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่แรกและคำสอนของศาสนามีเรื่องของสิ่งเร้นลับที่เกินกว่าประสาททั้งห้าของมนุษย์จะสัมผัสได้ เช่น วิญญาณ มนุษย์จึงมีความเข้าใจในเรื่องนี้แตกต่างกันไป
เนื่องจากวิญญาณทำให้มนุษย์มีชีวิต เมื่อวิญญาณออกจากร่างไป จึงมีบางคนพูดว่า “คนนั้นคนนี้ตายกลายเป็นผีไปแล้ว” นั่นแสดงว่ามนุษย์เข้าใจว่าวิญญาณของคนตายคือผี และเนื่องจากวิญญาณเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น มนุษย์ที่เรียนจบเอกมโนจบโทจินตนาการมาจึงให้คำนิยามคำว่าผีกันไปต่างๆนานาและแยกผีออกเป็นหลายประเภท เช่น
ภูต หมายถึง ผีชนิดหนึ่ง
ภูตบดี เจ้าแห่งผี หมายถึงพระศิวะ
ผี สิ่งที่มนุษย์เชื่อว่าเป็นสภาพลึกลับ มองไม่เห็น อาจปรากฏเป็นตัวตนได้ อาจให้คุณไห้โทษได้ มีทั้งดีและร้าย
ผีดิบ ผีที่ยังไม่ได้เผา
ปีศาจ หมายถึง ผี
สัมภเวสี ผู้แสวงหาที่เกิด ได้แก่ผีที่ตายจากมนุษย์ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้เกิด
ความเข้าใจที่ไม่ชัดเจนดังกล่าวจึงทำให้บางคนเชื่อว่าวิญญาณกับผีเป็นสิ่งเดียวกัน บางคนจึงกลัวผีและบางคนเคารพนับถือผีทั้งๆที่ไม่เคยเห็นผีมาก่อน
ด้วยเหตุที่สิ่งเร้นลับบางเรื่องอยู่นอกอาณาจักรทางวิทยาศาสตร์ ศาสนาจึงบอกให้มนุษย์ได้รู้ว่าผีไม่ใช่วิญญาณ
ในคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า พระเยซูเคยขับผีหรือไล่ผีออกจากคนมีชีวิต และเนื่องจากคนมีชีวิตเพราะมีวิญญาณอยู่ ดังนั้น วิญญาณจึงไม่ใช่ผี แต่ผีคืออะไร คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้แจงรายละเอียดไว้
เมื่อผู้คนไม่รู้เรื่องผีและกลัวผีจนเคารพนับถือผีแทนพระเจ้า คัมภีร์กุรอานซึ่งถูกประทานมาหลังคัมภีร์ไบเบิลจึงได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่าผีไม่ใช่วิญญาณ แต่สิ่งที่คนเรียกผีและเกรงกลัวนั้นคือสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่เรียกว่าญิน
คัมภีร์กุรอาน ให้ข้อมูลอีกว่า ญิน เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างมาจากไฟ ญินมีทั้งเพศชายและเพศหญิง มีการสืบพันธุ์เหมือนมนุษย์ เผ่าพันธุ์ญินมีทั้งญินที่ศรัทธาในพระเจ้าและปฏิเสธพระเจ้า ดังนั้น ญินจึงมีทั้งดีและชั่ว ญินชั่วถูกเรียกว่าชัยฏอนหรือซาตาน ญินมีพลังอำนาจและความสามารถมากกว่ามนุษย์
คัมภีร์กุรอานให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับญินไว้ว่า แม้ญินจะมีพลังอำนาจเหนือมนุษย์ แต่อำนาจของญินก็ไม่ได้เหนือกว่าอำนาจของพระเจ้า เรื่องราวในคัมภีร์กุรอานกล่าวว่าพระเจ้าได้ให้ความรู้และอำนาจพิเศษแก่นบีสุลัยมานหรือกษัตริย์โซโลมอนในการควบคุมญินไว้ใช้งาน ไพร่พลในกองทัพของนบีสุลัยมานจึงมีทั้งมนุษย์ นก สัตว์อื่นๆและญิน
คัมภีร์กุรอานเล่าต่อไปว่า เมื่อนบีสุลัยมานได้รับรายงานว่า ราชินีบิลกิสแห่งอาณาจักรชีบาในเยเมนกำลังเดินมายังเมืองเยรูซาเล็มซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 1,500 ไมล์ นบีสุลัยมานได้ถามว่าใครจะอาสาไปนำเอาบัลลังก์ของราชินีบิลกิสในวังของนางมาให้ท่านก่อนที่ราชินีบิลกิสจะมาถึง ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพและความสามารถของท่าน ญินตนหนึ่งชื่ออิฟรีตได้อาสาว่าจะนำบัลลังก์ของนางมาให้โดยที่ท่านยังไม่ทันจะยืนขึ้น และมันก็สามารถทำได้จริง
เมื่อราชินีบิลกิสมาถึงเมืองเยรูซาเล็มและเห็นบัลลังก์ของนางปรากฏอยู่ต่อหน้า นางจึงยอมจำนนต่อนบีสุลัยมานและหันมาเคารพสักการะพระเจ้าแทนการเคารพสักการะบูชาดวงอาทิตย์ที่นางและผู้คนในอาณาจักรของนางเคยปฏิบัติกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี
นอกจากนี้แล้ว คัมภีร์กุรอานยังเล่าว่านบีสุลัยมานได้ใช้พวกญินสร้างวิหารแห่งเยรูซาเล็มให้ท่านซึ่งต้องใช้หินขนาดใหญ่เป็นรากฐาน นบีสุลัยมานได้สร้างเรือนกระจกไว้เป็นที่ควบคุมญินในการก่อสร้าง แต่ในระหว่างการก่อสร้าง ท่านได้เสียชีวิตในขณะที่ยืนถือไม้เท้ายันกายอยู่โดยที่ญินไม่รู้ เมื่อปลวกกัดกินไม้เท้าที่ค้ำร่างท่านไว้จนล้มลง ตรงนั้นเอง ญินจึงบ่นว่าถ้ารู้อย่างนี้ พวกมันคงเลิกทำงานหนักไปนานแล้ว
เรื่องราวตรงนี้ต้องการจะให้บทเรียนว่าญินถึงแม้จะมีพลังและความสามารถอย่างไรก็ตาม มันไม่รู้อนาคต ถ้าญินไม่รู้อนาคต มนุษย์ก็ไม่สามารถรู้อนาคตได้