คำว่ารับผิดชอบต่อสามีนั้น หมายถึง การดูแลปรนนิบัติเอาใจใส่สามีของนางอย่างเต็มใจ และสุขใจ ทำทุกอย่างเพื่อให้สามีเกิดความพอใจ และเกิดความสุขที่สุด
ผู้หญิงหลังม่าน กับความรับผิดชอบต่อสามี
โดย : มุรีด ทิมะเสน
คำว่ารับผิดชอบต่อสามีนั้น หมายถึง การดูแลปรนนิบัติเอาใจใส่สามีของนางอย่างเต็มใจ และสุขใจ ทำทุกอย่างเพื่อให้สามีเกิดความพอใจ และเกิดความสุขที่สุด
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า
“มีผู้มาถามท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) ว่า ภรรยาแบบไหนดีที่สุด ? ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) ตอบว่า ภรรยาซึ่งทำให้สามีพอใจเมื่อเขามองไปยังนาง”
(ฮาดิษเกี่ยวกับคู่ครอง :หะดีษหะสัน, บันทึกโดยนะสาอีย์ หะดีษที่ 3244)
เห็นหรือยังว่า พลังแห่งผู้หญิงหลังม่านมีความสำคัญเพียงใด ผู้หญิงหลังม่านที่ได้ชื่อว่าดีที่สุด คือการทำความพึงพอใจให้สามี จนกระทั่งทุกครั้งที่เขามองไปยังนาง เขามีความสุข มีความปิติที่เขาตัดสินใจเลือกนางเป็นคู่
บนโลกดุนยานี้สำหรับผู้หญิงหลังม่านแล้ว ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ และมีเกียรติมากไปกว่า การที่สามีพึงพอใจภรรยาของตนเอง ภรรยาหลายคนสำคัญผิดคิดไปว่า หากทำให้คนอื่นพอใจจะเป็นเกียรติแก่นาง ออกนอกบ้าน หรือทำงานนอกบ้าน หรือได้รับคำเยินยอจากผู้อื่นจะได้ชื่อว่าเป็นหญิงแกร่ง ทั้งหลายทั้งปวงล้วนเป็นมายาทั้งสิ้น ส่วนของจริงคือ การสร้างความพึงพอใจให้แก่สามีของนางต่างหาก
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“เมื่อสามีเรียกภรรยาของเขามายังที่นอน (หมายถึง) ต้องการมีเพศสัมพันธ์) แต่นางปฏิเสธ (พฤติกรรมข้างต้น) ทำให้เขานอนหลับในสภาพที่โกรธนาง เช่นนั้นมลาอิกะฮฺ (ทูตสวรรค์) จะสาปแช่ง นางจนกระทั่งรุ่งเช้า”
(หะดีษเกี่ยวกับคู่ครอง หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดยมุสลิม หะดีษที่ 3614)
คำสอนข้างต้นมีหลายความนัย แต่ความนัยหนึ่งที่ต้องการสื่อให้เห็นคือ การเอาใจสามี จริงอยู่บางครั้งภรรยาอาจจะไม่มีอารมณ์ หรือเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานบ้าน หรือเลี้ยงลูก ทว่าด้วยการเป็นผู้หญิงหลังม่าน การตอบสนองสามีอันเป็นที่รักย่อมสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น การได้ตอบสนองความต้องการของสามี การทำให้เขามีความพึงพอใจ เป็นสุดยอดซึ่งเหมาะสมกับตำแหน่งผู้หญิงหลังม่านอย่างไม่ต้องสงสัย
ภรรยาหลายต่อหลายนาง มักเพิกเฉยกับพฤติกรรมข้างต้น นางกลับคิดไปว่า ภรรยาต้องมีอำนาจต่อรองบ้าง ต้องเป็นตัวของตัวเองบ้าง ต้องเป็นหญิงแกร่ง อะไร ๆ จะยอมสามีท่าเดียวคงไม่ได้ นี่คือภรรยาทั่วไปที่ไม่เข้าใจแก่นแท้แห่งบัญญัติที่ศาสนามอบให้แก่ภรรยาทั้งหลาย
ประเด็นที่ภรรยาหลงลืมอยู่และคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ คือ การเอาอกเอาใจสามี ทำให้เขาเกิดความพึงพอใจ เพราะการแสดงออกข้างต้น เป็นเหตุผลเดียวที่ศาสนาให้เกียรติภรรยาจนนางได้ตำแหน่ง “ภรรยาที่ดีที่สุด”
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“เมื่อสามีเชิญชวนภรรยาของเขามีเพศสัมพันธ์ เช่นนั้นนางจงไปหาเขาเถิด แม้ว่านางจะอยู่ที่เตาอบขนมปัง (ขณะนางหุงหาอาหาร) ก็ตาม”
(หะดีษครอบครัว : หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดยติรฺมีซีย์ หะดีษที่ 1195)
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“และไม่ถือว่าภรรยาปรนนิบัติสามีอย่างดี (ตามสิทธิที่เขาพึงได้รับ) จนกว่าเขาจะขอให้นางตอบสนองในสิ่งที่เขาต้องการจากตัวนาง แม้ว่านางจะอยู่บนอานม้า นางก็ต้องตอบสนองเขา” (หะดีษเกี่ยวกับคู่ครอง : หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดยเฏาบะรอนีย์ หะดีษที่ 4973)
คำสอนข้างต้น ขอกล่าวถึงเฉพาะเรื่องการเอาอกเอาใจสามีเท่านั้น ไม่ว่าเราจะยุ่งอยู่กับการหุงหาอาหาร หรือยุ่งในเรื่องอื่นอยู่ก็ตาม แต่ในช่วงเวลานั้น สามีสุดที่รักของเราต้องการที่ร่วมหลับนอนด้วย เช่นนี้ผู้หญิงหลังม่านจักต้องตอบสนองสิ่งดังกล่าวให้แก่เขา เพียงเพราะเหตุผลเดียวคือ การทำให้สามีเกิดความพึงพอใจ
คำสอนนี้อาจค้านกับสังคมโลกที่พวกเขามักครอบงำสตรีว่า ผู้หญิงจะต้องมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกับผู้ชาย ไม่ใช่ว่าผู้หญิงจะตกเป็นทาสของผู้ชาย ผู้หญิงกล้าคิดกล้าทำ ฯลฯ ภรรยาหลายคนถูกหลอกด้วยคำพูดอันสวยหรูของสังคมโลกที่ไม่ได้มีพื้นฐานคำสอนจากบัญญัติแห่งศาสนา อิสลามสอนให้ผู้หญิงหลังม่านเอาใจสามีของนาง ไม่ว่านางจะยินดีหรือแสร้งทำก็ตาม เพราะบั้นปลายการกระทำดังกล่าว ส่งผลให้สามีของนางเกิดความสุข เกิดความพอใจ นั่นคือเจตนาอารมณ์อันแท้จริงของศาสนาที่มอบให้ภรรยาทั้งหลาย
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“ไม่อนุญาตให้ภรรยาถือศีลอด (สุนนะฮฺ) ในขณะที่สามีของนางอยู่ (ในบ้าน) ด้วย นอกเสียจากว่าสามีอนุญาตให้นาง (ถือศีลอดสุนนะฮฺได้)”
(หะดีษเกี่ยวกับคู่ครอง : หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดยบุคอรีย์ หะดีษที่ 5195)
คำสอนข้างต้น มีนัยหลายประการ แต่ที่ต้องการสื่อคือ การเอาอกเอาใจสามีเท่านั้น จะเห็นได้ว่า สตรีหลังม่านต้องการจะถือศีลอดสุนนะฮฺ ทว่าวันนั้นสามีอยู่บ้านไม่ออกไปทำงาน เช่นนี้ นางไม่สามารถถือศีลอดสุนนะฮฺได้ เพราะวันนั้นสามีอาจต้องการหยอกล้อ หรือมีเพศสัมพันธ์กับนางก็ได้ ซึ่งหากนางถือศีลอดก็จะขจัดความสุขในการหยอกล้อซึ่งกันและกัน ยกเว้นว่าสามีอนุญาตให้นางถือศีลอดสุนนะฮฺในวันดังกล่าว
เห็นหรือยังว่า การเอาใจสามีนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน ? แม้ว่าภรรยาต้องการทำอิบาดะฮฺแท้ ๆ แต่การสร้างความพึงพอใจให้แก่สามี บางครั้งสำคัญกว่าการทำอิบาดะฮฺสุนนะฮฺด้วยซ้ำ นี่น่าจะเป็นบทเรียนให้แก่บรรดาภรรยาได้จดจำและนำไปปฏิบัติในชีวิตคู่ของตนเองอย่างจริงจัง
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เล่าว่า มีผู้ถามท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) ว่า ภรรยาแบบไหนดีที่สุด ? ท่านรสูล (ซ.ล.) ตอบว่า
“ตัวของนาง (ภรรยา) และทรัพย์สินของนางไม่ขัดแย้งกับสามีในสิ่งที่เขาไม่พอใจ (รังเกียจ)”
(หะดีษเกี่ยวกับคู่ครอง : หะดีษหะสัน, บันทึกโดยนะสาอีย์ หะดีษที่ 3244)
คำสอนของศาสนาสำหรับผู้หญิงหลังม่านช่างสูงส่งเสียนี่กระไร ? ศาสนาบัญญัติให้ภรรยาทุกคนน้อมนำสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในตัวของนางเอง พฤติกรรมอันใดก็ช่างอันจะส่อไปในทางสวนทางกับสามี นางต้องละทิ้งพฤติกรรมนั้นทันที หรือแม้กระทั่งทรัพย์สินของนางเอง ซึ่งนางใช้จ่ายในหนทางที่สามีพิจารณาดูแล้วไม่เหมาะสม หรือเขาทักท้วง เช่นนี้ นางก็ต้องละทิ้งการใช้จ่ายทันที เพราะเพียงไม่ทำให้สามีของนางเกิดความไม่สบายใจ ไม่พอใจ นี่คือภรรยาที่ยอดเยี่ยมในทัศนะของอิสลาม ความสุข และภาคผลบุญอันยิ่งใหญ่ของภรรยาขึ้นอยู่กับความสุขและความพึงพอใจของสามีของนางด้วยเช่นกัน
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“พระองค์อัลลอฮฺไม่ทรงมองภรรยาที่ไม่ขอบคุณสามีของนาง และไม่พึ่งพา (ไม่ต้องการ) เขา” (หะดีษการทำดีต่อภรรยา : หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดยหากิม หะดีษที่ 2721)
พึงทราบเถิดสำหรับผู้หญิงหลังม่านทุกท่าน สาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระองค์อัลลอฮฺทรงเพิกเฉย และไม่สนใจ ไม่เมียงมองพวกนางคือ การไม่ขอบคุณสามี การไม่ขอความช่วยเหลือจากสามี การไม่พึ่งพาสามี หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของสตรี ไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ จากเขา เป็นสตรีเหล็ก สามารถยืนด้วยลำแข้งของตนเองได้ ทั้ง ๆ ที่นางยังอยู่ในฐานะภรรยาของเขา
ตำแหน่งใดจะอัปยศยิ่งไปกว่า พระองค์อัลลอฮฺไม่สนใจบ่าวของพระองค์ ! นี่ถือว่าเป็นความหายนะแห่งชีวิตบนโลกดุนยา ที่พระเจ้าของเราไม่สนใจเรา ฉะนั้นผู้หญิงหลังม่านทุกคนโปรดสดับรับฟังเสียงเรียกของศาสนาเถิด นางจงอยู่ร่วมกับสามีอันเป็นที่รักด้วยการขอบคุณเขา ด้วยการพึ่งพาเขา ด้วยการให้เกียรติเขา และด้วยการอ่อนโยนต่อเขา สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้บรรดาสามีเกิดความพึงพอใจ และชื่นชอบในตัวของนางเป็นอย่างยิ่ง
โปรดอย่าเป็นผู้หญิงหลังม่านที่ไม่ขอบคุณ ไม่พึ่งพาสามีโดยเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น หากสตรีนางใดละเลย ผลอันเจ็บปวดจะเกิดขึ้นในการครองคู่อย่างแน่นอน และหากภรรยานางใดไม่ทำสิ่งข้างต้น อีกทั้งยังพูดให้สามีเกิดการกระทบกระเทือนทางจิตใจอีกต่างหาก ผลที่จะตามมา ย่อมทำลายความสมดุลในการครองคู่อย่างไม่ต้องสงสัย
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“หากท่านทำความดีกับภรรยาในหมู่พวกนางตลอดเวลา จากนั้นนางเห็นสิ่งเล็กน้อย (ไม่ดี) ของท่าน นางกล่าวว่า ฉันไม่เห็นความดีในตัวของท่านเลยแม้แต่น้อย” (หะดีษการทำดีต่อภรรยา : หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดยบุคอรีย์ หะดีษที่ 29)
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“คราใดที่ภรรยาโกรธเคืองสามี นางจะปฏิสเธเขา พลางกล่าวว่า ฉันไม่เคยเห็นความดีงามของท่านเลยแม้แต่น้อย” (หะดีษการทำดีต่อภรรยา : หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดย เฏาบะรอนีย์ หะดีษที่ 19909)
คำสอนข้างต้น จะต้องอยู่ในหมวดหลังจากนี้ แต่ที่หยิบยกมาอ้างอิงก่อน เพราะเกี่ยวข้องว่าด้วยเรื่องภรรยาจะต้องรักษาจิตใจของสามี ไม่ว่าจะเป็นการเอาอกเอาใจสามี ไม่ขัดใจสามี และต้องพึ่งพาสามี ไม่ใช่สร้างความรำคาญ และสร้างความกระทบกระเทือนใจให้แก่สามีในด้านคำพูด และการกระทำ
ดังนั้นผู้หญิงหลังม่าน จะต้องทบทวนบทบาทของตนเองเพียรพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อทำให้สามีของนาง ได้รับความพอใจที่เกิดขึ้นในตัวนาง อีกทั้งนางจะต้องหมั่นสังเกตสามีว่าชอบหรือไม่ชอบ พอใจหรือไม่พอใจสิ่งใด นางจะได้จดจำ และหลีกเลี่ยงไม่ทำในสิ่งที่เขาไม่พอใจนั่นเอง
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า
“ท่านนบีมุหัมมัด (ซ.ล.) จะไม่ตำหนิอาหาร (ที่ทาน) เลย หากท่านนบี (ซ.ล.) พอใจอาหารนั้น ท่านนบี (ซ.ล.) ก็จะทาน (แต่) หากอาหารใดท่านนบี (ซ.ล.) รังเกียจ ท่านนบี (ซ.ล.) ก็จะละไว้ไม่ทาน” (หะดีษการทำดีต่อภรรยา : หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดย บุคอรีย์ หะดีษที่ 5409)
ลองตรองดูเถิด สำหรับผู้หญิงหลังม่านทุกนาง ในชีวิตคู่เคยสังเกตสามีอันเป็นที่รักของเราหรือไม่ว่า สิ่งไหนที่เขาชอบหรือสิ่งไหนที่เขาไม่ชอบ ? เคล็ดลับนี้เป็นยอดแห่งการครองเรือนหนึ่ง ที่ผู้หญิงหลังม่านจะหลงลืม หรือเพิกเฉยไม่ได้โดยเด็ดขาด
สามีชอบทานอะไร ? ไม่ชอบทานอะไร ? หรือเรื่องอื่น ๆ เหล่านี้นางต้องจดจำ และพยายามทำ และนำเสนอสิ่งที่สามีของนางชื่นชอบ สิ่งไหนสามีรังเกียจ หรือไม่ชอบเอามาก ๆ เช่นนี้ต้องขจัดให้หมดไปจากวงจรชีวิตของเขา
ส่วนอาหาร หรือสิ่งไหนเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบ นางต้องจัดเตรียมหาให้เขา หรือแม้กระทั่งซื้อเป็นของขวัญเซอร์ไพรส์ให้เขาในวันอีดก็ย่อมทำได้
ดังกล่าวเป็นเคล็ดลับหนึ่งแห่งการเอาอกเอาใจสามี ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายอันบ่งบอกถึงความประเสริฐของผู้หญิงหลังม่านทุกคน
ใช่แต่เท่านั้น เคล็ดลับแห่งการเอาอกเอาใจสามียังไม่หมด อีกรูปแบบหนึ่งที่ภรรยาทั้งหลายมักไม่ค่อยให้ความสนใจและอาจมองเป็นเรื่องเล็กน้อย ทว่าศาสนากลับให้ความสนใจและเอาใจใส่เรื่องดังกล่าว นั่นคือ การสร้างความประทับใจเมื่ออยู่ต่อหน้าสามี
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“พวกท่าน (อย่าพึ่งเข้าบ้าน) จงรั้งไว้ก่อน จนกระทั่งพลบค่ำ ทั้งนี้เพื่อภรรยาที่ผมกระเซิงได้สางผม และภรรยาที่สามีหายหน้าไป (นาน) จะได้ใช้มีดโกน (ขจัดขนลับ)” (หะดีษการทำดีต่อภรรยา : หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดย บุคอรีย์ หะดีษที่ 5079)
คำสอนข้างต้นยอดเยี่ยมเหลือเกิน ศาสนาระบุว่าสามีเมื่อไม่อยู่บ้านชั่วระยะเวลาหนึ่ง (ด้วยเหตุอันจำเป็น) ก่อนกลับถึงบ้านกำชับให้เขาแจ้งล่วงหน้าแก่ผู้หญิงหลังม่านให้ล่วงรู้ว่าเขาจะกลับบ้านแล้ว ถึงบ้านวันนั้นเวลานี้ ส่วนวิธีการแจ้งให้นางทราบล้วนใช้เครื่องมือสื่อสารมากมาย เช่น โทรศัพท์ เป็นต้น
ครั้นเมื่อนางทราบว่าสามีของนางจะกลับบ้าน หน้าที่ของนางคือเตรียมชำระร่างกาย ตัดเล็บ ขจัดขนในร่มผ้า หวีผมเผ้าให้เรียบร้อย ประพรมน้ำหอม หรือทำให้เนื้อตัวสะอาดมีกลิ่นหอมเพียงเพื่อรอต้อนรับการกลับของสามี
ผู้หญิงหลังม่านทุกนาง อย่าได้ลืมเคล็ดลับดังกล่าวโดยเด็ดขาด ความรู้สึกของสามีจะเป็นเช่นไร เมื่อเห็นภรรยาอันเป็นที่รักของตน อยู่ในสภาพสดชื่นแจ่มใส เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน
ภรรยาหลายคนหลงลืมการเอาใจสามีในเรื่องดังกล่าว ภรรยาบางคนเข้าใจผิดคิดว่า สามีเป็นของตาย ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรแล้ว ไม่ต้องดูแลตัวเองอีกแล้ว แต่งงานแล้วก็จบ จะต้องดูแลร่างกายอะไรนักหนา ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนที่สุด ยิ่งแต่งงาน ยิ่งต้องดูแลตัวเองให้งดงามอยู่เสมอ ต้องดูแลผิวพรรณใบหน้า ร่างกายให้ดูดี มีเสน่ห์ตลอดเวลาเมื่ออยู่ต่อหน้าสามี
ผู้หญิงหลังม่านทุกนาง โปรดอย่าลืมว่า สามีของเราคือของขวัญเดียวที่เราต้องเอาใจใส่เขาอย่างสุดความสามารถ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่าได้ลืม หากสิ่งนั้นเป็นการเอาใจเขา หรือทำแล้วเขารู้สึกดี นางต้องตอบสนองสิ่งนั้นให้แก่เขาอีกบ่อย ๆ
ถามจริง ๆ เถอะ เหล่าภรรยาอันเป็นที่รักของสามี นางสวมเสื้อ กลัดกระดุมให้สามีของนาง ก่อนเขาจะออกจากบ้านครั้งล่าสุดเมื่อไร ? นางตัดเล็บมือ เล็บเท้าให้เขาทุกครั้งล่าสุดเมื่อไร ? นางสลามแล้วจูบมือเขาก่อนออกและเข้าบ้านเมื่อไร ? นางบีบนวดตามตัวให้เขาครั้งล่าสุดเมื่อไร ?
หากคำตอบออกมาว่า จำไม่ได้ อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นผู้หญิงหลังม่านเลยนะ เพราะพฤติกรรมข้างต้น เป็นเรื่องพื้น ๆ สำหรับภรรยาทุกนางจะต้องทำให้แก่สามีของนาง หากนางเพิกเฉยเรื่องซึ่งเล็กน้อยมาก แล้วเรื่องสำคัญ ๆ ที่นางต้องทำให้แก่สามีจะไม้บกพร่องกระนั้นหรือ ?
จากหนังสือ : ผู้หญิงหลังม่าน