ขาดละหมาด 1 วักตู (เวลา) อยากทราบคำกล่าวละหมาดชดใช้ ช่วยตอบที
ขาดละหมาด 1 วักตู คำกล่าวละหมาดชดใช้
การละหมาด คือ ศาสนกิจอย่างหนึ่งในศาสนาอิสลาม มีเวลาละหมาด 5 เวลาต่อวัน เป็นการแสดงออกถึงความเคารพต่ออัลลอฮฺทั้งทางร่างกายและจิตใจ ด้วยความสงบและความสำรวม อีกทั้งยังนับว่าเป็นศาสนกิจประจำวันที่สำคัญที่สุดในศาสนาอิสลามด้วย อัลลอฮฺได้ทรงบัญญัติข้อปฏิบัติเกี่ยวกับเวลาละหมาดไว้ในคัมภีร์อัลกุรอ่าน มีใจความสำคัญว่า ก่อนเริ่มการละหมาดจะต้องอาบน้ำละหมาดทุกครั้ง
แต่หากในกรณีที่ไม่มีน้ำ สามารถใช้ ตายัมมุม คือ ฝุ่นดินที่มีความสะอาดทดแทนได้ ละหมาด มีความหมายถึงการขอพร ซึ่งในทางศาสนาแล้วการละหมาด หมายถึง การกล่าวและการกระทำอันประกอบไปด้วยการตักบีร และจบลงด้วยสะลาม การละหมาดเป็นการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมุสลิมทั่วโลก
- ล่าช้าในการละหมาดของสตรีมุสลิม
- สามีไม่ละหมาด โทษของการทิ้งละหมาด 5 เวลา
- ทิ้งละหมาดถึง 30 ปี ต้องทำอย่างไรดี จำเป็นต้องชดใช้ก่อนหน้านี้หรือไม่?
ขาดละหมาด 1 วักตู (เวลา) อยากทราบคำกล่าวละหมาดชดใช้ ช่วยตอบที
คำถาม:
1. พลาดละหมาดสามเวลา
2. รู้สึกตัวเมื่อตอนเข้าเวลาละหมาดอิชาอฺ
3. พลาดละหมาดเพราะมีเหตุอุปสรรค
กรณีดังกล่าวอุละมาอฺส่วนใหญ่มีทรรศนะว่า "วาญิบต้องละหมาดชดโดยไล่เวลาตามลำดับเวลาละหมาดก่อน-หลัง" นั่นคือ ให้ละหมาดซุฮฺรี อัศรี มัฆริบ และละหมาดอิชาอฺตามลำดับ
ดังหะดีษที่เล่าโดยท่านญาบิรฺ อิบนุ อับดิลลาฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า:
ความว่า: "ครั้นเมื่อในสงครามค็อนดักท่านอุมัรฺ อิบนุ อัลค็อฏฏอบได้เข้ามาหลังจากดวงอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้า พลันท่านก็ตำหนิติเตียนชาวกุฟฟารฺ(ผู้ปฏิเสธ)ของกุร็อยชฺ แล้วท่านก็กล่าวว่า:
โอ้! ท่านเราะสูลุลลอฮฺฉันเกือบจะไม่ได้ละหมาดอัศรีจนกระทั่งดวงอาทิตย์เกือบจะลับขอบฟ้าไปแล้ว ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงเอ่ยขึ้นว่า ฉันยังไม่ละหมาดอัศรีเลย แล้วท่านก็ลุกไปยังบุฏหาน(ลำธารหนึ่งในนครมะดีนะฮฺ) แล้วท่านก็เอาน้ำละหมาด และพวกเราก็เอาน้ำละหมาดเช่นกัน แล้วท่านก็ละหมาดอัศรีหลังจากที่ดวงอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปแล้ว หลังจากนั้นท่านก็ละหมาดมัฆริบตาม
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หะดีษที่596)
และท่านอิบนุมัสอูด –เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ- ได้กล่าวว่า:
ความว่า: "ครั้นในสงครามค็อนดัก บรรดามุชริกีนได้ทำให้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ว่างที่จะละหมาดถึงสี่เวลาจนกระทั่งลุล่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประสงค์- แล้วท่านก็สั่งบิล้าล แล้วท่านบิล้าลก็อะซานหลังจากนั้นก็อิกอมะฮฺแล้วท่านก็ละหมาดซุฮฺรี (เมื่อละหมาดซุฮฺรีเสร็จ) หลังจากจากนั้นก็อิกอมะฮฺแล้วละหมาดอัศรี (เมื่อละหมาดอัศรีเสร็จ) หลังจากนั้นก็อิกอมะฮฺแล้วละหมาดมัฆริบ
(เมื่อละหมาดมัฆริบเสร็จ)หลังจากนั้นก็อิกอมะฮฺแล้วละหมาดอิชาอฺ"
(บันทึกโดยอัตติรฺมิซีย์ เรื่อง: อัศเศาะลาฮฺ , บรรพ: เมื่อคนหนึ่งพลาดละหมาดหลายเวลา เขาจะเริ่มละหมาด(ชด)อันไหนก่อน เล่มที่ 1 , หน้า337, ลำดับหะดีษที่179, และอันนะสาอีย์ เรื่อง: อัลอะซาน , บรรพ: อัลอิจญ์ติซาอฺ ลิ ซาลิก กุลลิฮฺ, หน้าที่111 หะดีษที่662 )
จากหะดีษข้างต้น บงชี้ว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮวะสัลลัม ได้ละหมาดชดโดยไล่เวลาตามลำดับเวลาละหมาดก่อน-หลัง และท่านก็ได้กล่าวไว้ในหะดีษบทหนึ่งว่า:
صلوا كما رأيتموني أصلي
ความว่า: "พวกท่านจงละหมาดเสมือนทีท่านเห็นฉันละหมาด"
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ ในเรื่อง: อัลอะซาน,บรรพ: การอะซานสำหรับผู้เดินทาง,ลำดับหะดีษที่631, อัลบัยหะกีย์ในหนังสืออัสสุนันอับกุบรอ 3/120 หะดีษที่ 5076 , อัดดารุกุฏนีย์ในอัสสุนัน 1/272, อัดดาริมีย์1/318 หะดีษที่ 1253, อิบนุหิบบาน 4/541 หะดีษที่1958)
ส่วนในมัซฮับอัชชาฟิอีย์มีทรรศนะว่าไม่วาญิบที่จะต้องไล่เวลาตามลำดับเวลาละหมาดก่อน-หลัง เพียงแต่เป็นสิ่งที่สุนัตเท่านั้น โดยให้ทรรศนะว่า :
"การละหมาดชดเสมือนกับการใช้หนี้ จึงไม่จำเป็นต้องทำตามลำดับ" (อันนะวะวีย์, อัลมัจญ์มูอฺ, ซาอุดีอารเบีย: มักตะบะฮฺ อัลอิรฺชาด: ม.ป.ป เล่มที่3 หน้า 76)
แต่ทางที่ดีแล้วสมควรที่จะละหมาดชดตามลำดับเวลาละหมาดก่อน-หลัง ดังหลักฐานของอุละมาอฺส่วนใหญ่ที่ได้กล่าวมาข้างต้น
อีกทั้งยังเป็นการออกจากพิสัยของการคิลาฟของบรรดาอุละมาอฺอีกด้วย
อนึ่งหากเกรงว่า ถ้าละหมาดชดทั้งสามเวลา-ซุฮฺรี,อัศรี,และมัฆริบ- ก่อน อาจทำให้เวลาละหมาดอิชาอฺหมดไปก่อน หรือ อาจจะละหมาดญะมาอะฮฺอิชาอฺไม่ทัน กรณีนี้ให้ละหมาดอิชาอฺก่อน แล้วค่อยละหมาดชดทั้งสามตามลำดับเวลาละหมาด