ท่านอิหม่าม อัชชัรกอวีย์ ได้กล่าวว่า “เคล็ดลับในการละหมาดร่อวาติบนั้น เพื่อมาเสริมส่วนที่บกพร่องจากละหมาดฟัรฎู เช่น ไม่คุชั๊วะอฺในละหมาด (หัวใจไม่มีสมาธิอยู่กับอัลเลาะฮ์) ไม่ใคร่ครวญสิ่งที่อ่านในละหมาด
การละหมาดร่อวาติบ หรือที่เรียกว่าละหมาดสุนัต ก่อนและหลังละหมาดฟัรฎู ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ และบ่อยครั้ง มุสลิมจะปล่อยผ่านไป
ทั้งนี้ลองมาศึกษาและทำความเข้าใจกับบทความนี้กันดีกว่า
โดย... อบูมุฮัมมัด อัลอัซฮะรีย์
ละหมาดร่อวาติบ คือละหมาดสุนัตก่อนและหลังละหมาดฟัรฎู ละหมาดสุนัตก่อนฟัรฎู เรียกว่า สุนัตก็อบลียะฮ์ [اَلْقَبْلِيَّةُ ] และละหมาดสุนัตหลังฟัรฎู เรียกว่าสุนัตบะอฺดียะฮ์ [اَلْبَعْدِيَّةُ ]
เคล็ดลับในการละหมาดร่อวาติบ
ท่านอิหม่าม อัชชัรกอวีย์ ได้กล่าวว่า “เคล็ดลับในการละหมาดร่อวาติบนั้น เพื่อมาเสริมส่วนที่บกพร่องจากละหมาดฟัรฎู เช่น ไม่คุชั๊วะอฺในละหมาด (หัวใจไม่มีสมาธิอยู่กับอัลเลาะฮ์) ไม่ใคร่ครวญสิ่งที่อ่านในละหมาด...” (ฮาชียะฮ์อัชชัรกอวีย์ อะลา ตุห์ฟะตุฏฏุลล๊าบ, เล่ม 1 หน้า 296, และฮาชียะฮ์ อัลบุญัยรีมียะฮ์ อะลัล มันฮัจญฺ, เล่ม 1 หน้า 274)
ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ: إِنَّ أَوَّلَ مَا يُحَاسَبُ بِهِ الْعَبْدُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ مِنْ عَمَلِهِ صَلَاتُهُ فَإِنْ صَلُحَتْ فَقَدْ أَفْلَحَ وَأَنْجَحَ وَإِنْ فَسَدَتْ فَقَدْ خَابَ وَخَسِرَ فَإِنْ انْتَقَصَ مِنْ فَرِيضَتِهِ شَيْءٌ قَالَ الرَّبُّ عَزَّ وَجَلَّ انْظُرُوا هَلْ لِعَبْدِي مِنْ تَطَوُّعٍ فَيُكَمَّلَ بِهَا مَا انْتَقَصَ مِنْ الْفَرِيضَةِ ثُمَّ يَكُونُ سَائِرُ عَمَلِهِ عَلَى ذَلِكَ
“ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า แท้จริงสิ่งแรกที่บ่าวจะถูกสอบสวนในวันกิยามะฮ์จากอะมัลของเขา คือการละหมาด ดังนั้นถ้าหากละหมาดของเขาดี แน่นอนเขาย่อมได้รับชัยชนะและประสบความสำเร็จ และถ้าหากละหมาดของเขาบกพร่อง แน่นอนเขาย่อมสิ้นหวังและขาดทุน ฉะนั้นถ้าหากละหมาดฟัรฎูของเขามีบางสิ่งที่บกพร่อง (กระทำไม่สมบูรณ์) อัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และทรงเกียรติจึงตรัส (แก่มะลาอิกะฮ์) ว่า พวกเจ้าจงดูว่า บ่าวของข้ามีอะมัลสุนัต (คือละหมาดสุนัตก่อนและหลังฟัรฎู) หรือไม่? แล้วทำการเสริมสิ่งบกพร่องจากละหมาดฟัรฎูด้วยอะมัลสุนัต หลังจากนั้นบรรดาอะมัลอื่นๆ ของเขาก็อยู่บนหลักการดังกล่าว” รายงานโดยอัตติรมีซีย์ (หะดีษลำดับที่ 413, ท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า หะดีษนี้หะซัน)
ละหมาดสุนัตร่อวาติบมีสองประเภท คือมุอั๊กกั๊ดและไม่มุอั๊กกั๊ด
ละหมาดสุนัตร่อวาติบมุอั๊กกั๊ด
ละหมาดสุดนัตร่อวาติบมุอั๊กกั๊ด คือละหมาดที่เน้นให้กระทำและท่านนะบีย์ได้ทำเป็นประจำ มีดังนี้
1 . ละหมาดสุนัตสองร็อกอะฮ์ก่อนละหมาดซุบฮิ
ท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา ได้กล่าวว่า
أَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَمْ يَكُنْ عَلَى شَيْءٍ مِنْ النَّوَافِلِ أَشَدَّ مُعَاهَدَةً مِنْهُ عَلَى رَكْعَتَيْنِ قَبْلَ الصُّبْحِ
“แท้จริงท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยทำสิ่งหนึ่งจากบรรดาสิ่งที่เป็นสุนัตอย่างเป็นประจำที่สุดมากไปกว่า สองร็อกอะฮ์ก่อนซุบฮิ” รายงานโดยอัลบุคอรีย์ (หะดีษลำดับที่ 1196) และมุสลิม (หะดีษลำดับที่ 724)
ท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวเช่นกันว่า
عَنْ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ رَكْعَتَا الْفَجْرِ خَيْرٌ مِنْ الدُّنْيَا وَمَا فِيهَا
“จากท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านได้กล่าวว่า สองร็อกอะฮ์ (ก่อน) ซุบฮิประเสริฐกว่าดุนยาและสิ่งที่อยู่ในดุนยา” รายงานโดยมุสลิม (หะดีษลำดับที่ 725)
2 . ละหมาดสองร็อกอะฮ์ก่อนละหมาดซุฮ์ริและละหมาดสุนัตสองร็อกอะฮ์หลังละหมาดซุฮ์ริ
ท่านอิบนุอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา ได้กล่าวว่า
صَلَّيْتُ مَعَ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَبْلَ الظُّهْرِ سَجْدَتَيْنِ وَبَعْدَهَا سَجْدَتَيْنِ
“ฉันเคยละหมาดพร้อมกับท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก่อนละหมาดซุฮ์ริสองร็อกอะฮ์และหลังซุฮ์ริสองร็อกอะฮ์” รายงานโดยอัลบุคอรีย์ (หะดีษลำดับที่ 1165) และมุสลิม (หะดีษลำดับที่ 729)
3 . ละหมาดสุนัตสองร็อกอะฮ์หลังละหมาดมัฆริบ
ท่านอิบนุอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา ได้กล่าวว่า
صَلَّيْتُ مَعَ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَبْلَ الظُّهْرِ سَجْدَتَيْنِ وَبَعْدَهَا سَجْدَتَيْنِ وَبَعْدَ الْمَغْرِبِ سَجْدَتَيْنِ
“ฉันเคยละหมาดพร้อมกับท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก่อนละหมาดซุฮ์ริสองร็อกอะฮ์และหลังซุฮ์ริสองร็อกอะฮ์และหลังละหมาดมัฆริบ สองร็อกอะฮ์” รายงานโดยอัลบุคอรีย์ (หะดีษลำดับที่ 1165) และมุสลิม (หะดีษลำดับที่ 729)
4 . ละหมาดสุนัตสองร็อกอะฮ์หลังละหมาดอิชาอฺ
ท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา ได้กล่าวว่า
كَانَ يُصَلِّي بِالنَّاسِ الْمَغْرِبَ ثُمَّ يَدْخُلُ فَيُصَلِّي رَكْعَتَيْنِ وَيُصَلِّي بِالنَّاسِ الْعِشَاءَ وَيَدْخُلُ بَيْتِي فَيُصَلِّي رَكْعَتَيْنِ
“ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทำการละหมาดมัฆริบพร้อมผู้คนทั้งหลาย หลังจากนั้นท่านเข้ามา (ในบ้านของฉัน) แล้วท่านละหมาดสองร็อกอะฮ์ และท่านละหมาดอิชาอฺพร้อมผู้คนทั้งหลายและท่านก็เข้ามาในบ้านของฉัน แล้วละหมาดสองร็อกอะฮ์” รายงานโดยมุสลิม (หะดีษลำดับที่ 730)
ละหมาดสุนัตร่อวาติบไม่มุอั๊กกั๊ด
ละหมาดสุนัตร่อวาติบไม่มุอั๊กกั๊ด คือละหมาดสุนัตที่ท่านนะบีย์ทำไม่เป็นประจำหรือสั่งให้ผู้อื่นกระทำเท่านั้น มีดังนี้
1 . ละหมาดสุนัตก่อนซุฮ์ริสองร็อกอะฮ์และละหมาดสุนัตหลังซุฮ์ริสองร็อกอะฮ์
กล่าวคือ ละหมาดสุนัตร่อวาติบมุอั๊กกั๊ดก่อนซุฮ์ริสองร็อกอะฮ์และละหมาดร่อวาติบที่ ไม่มุอั๊กกั๊ดก่อนซุฮ์ริอีกสองร็อกอะฮ์ รวมเป็นสี่ร็อกอะฮ์ และละหมาดสุนัตร่อวาติบมุอั๊กกั๊ดหลังซุฮ์ริสองร็อกอะฮ์และละหมาดร่อวาติ บที่ไม่มุอั๊กกั๊ดหลังซุฮ์ริอีกสองร็อกอะฮ์ รวมเป็นสี่ร็อกอะฮ์ ดังนั้นถ้าหากบุคคลหนึ่งละหมาดร่อวาติบที่มุอั๊กกั๊ดเพียงแค่สองร็อกอะฮ์ ก่อนและหลังซุฮ์ริ ถือว่าตามซุนนะฮ์นะบีย์แล้ว แต่ถ้าหากเพิ่มละหมาดสุนัตอีกสองร็อกอะฮ์ที่ไม่มุอั๊กกั๊ดก่อนและหลังซุฮ์ริ ก็ถือว่าประเสริฐยิ่ง
ท่านหญิงอุมมุหะบีบะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า
قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ: مَنْ حَافَظَ عَلَى أَرْبَع رَكَعَاتٍ قَبْل الظُّهْر ، وَأَرْبَع بَعْدهَا حَرَّمَهُ اللَّه عَلَى النَّار
“ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ผู้ใดที่รักษาละหมาดสี่ร็อกอะฮ์ก่อนซุฮ์ริและอีกสี่ร็อกอะฮ์หลังซุฮ์ริ แน่นอนอัลเลาะฮ์จะห้ามเขาจากไฟนรก” รายงานอะบูดาวูด (หะดีษลำดับที่ 1269) และอัตติรมีซีย์ (หะดีษลำดับที่ 427, และท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า หะดีษหะซันซอฮิห์)
สำหรับละหมาดสุนัตร่อวาติบญุมุอะฮ์ (ละหมาดวันศุกร์) นั้น ท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์ กล่าวว่า “หลังจากละหมาดญุมุอะฮ์แล้ว ก็ให้ละหมาดสุนัตร่อวาติบสี่ร็อกอะฮ์และก่อนละหมาดญุมุอะฮ์นั้น สุนัตให้ละหมาดสุนัต (เหมือนกับหลักของ) การละหมาดสุนัตก่อนละหมาดซุฮ์ริ (คือให้ทำละหมาดสุนัตสองร็อกอะฮ์ก่อนซุฮ์ริ) ” (อันนะวาวีย์, มินฮาจญ์ อัฏฏอลิบีน, หน้า 14)
2 . ละหมาดสุนัตสองหรือสี่ร็อกอะฮ์ก่อนละหมาดอัสริ
ท่านอะลีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
كَانَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يُصَلِّي قَبْلَ الْعَصْرِ أَرْبَعَ رَكَعَاتٍ يَفْصِلُ بَيْنَهُنَّ بِالتَّسْلِيمِ عَلَى الْمَلَائِكَةِ الْمُقَرَّبِينَ وَمَنْ تَبِعَهُمْ مِنْ الْمُسْلِمِينَ وَالْمُؤْمِنِينَ
“ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ละหมาด (สุนัต) สี่ร็อกอะฮ์ก่อน (ละหมาด) อัสริ โดยท่านแบ่งระหว่างสี่ร็อกอะฮ์ (คือทำทีละสองร็อกอะฮ์) ด้วยการให้สลาม (หลังอ่านตะชะฮุด) ต่อบรรดามะลาอิกะฮ์ผู้ใกล้ชิดและผู้ที่เจริญรอยตามพวกเขา (ในการศรัทธาต่ออัลเลาะฮ์เพียงหนึ่งเดียว) จากบรรดามุสลิมและมุอฺมิน” รายงานโดยอัตติรมีซีย์ (หะดีษลำดับที่ 429, และท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า หะดีษนี้หะซัน)
และรายงานจากท่านอะลีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ อีกเช่นเดียวกัน ความว่า
أَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ يُصَلِّي قَبْلَ الْعَصْرِ رَكْعَتَيْنِ
“แท้จริงท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ทำการละหมาดสองร็อกอะฮ์ก่อนอัสริ” รายงานโดยอะบูดาวูด (หะดีษลำดับที่ 1272)
ท่านอิบนุอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ رَحِمَ اللَّهُ امْرَأً صَلَّى قَبْلَ الْعَصْرِ أَرْبَعًا
“ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ขออัลเลาะฮ์ทรงเมตตาบุคคลหนึ่งที่ละหมาด (สุนัต) สี่ร็อกอะฮ์ก่อนอัสริ” รายงานอะบูดาวูด (หะดีษลำดับที่ 1271) และอัตติรมีซีย์ (หะดีษลำดับที่ 430, และท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า หะดีษนี้หะซัน)
3 . ละหมาดสุนัตสองร็อกอะฮ์ก่อนมัฆริบ
รายงานจากท่านอับดุลเลาะฮ์ อัลมุซะนีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ความว่า
عَنْ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ صَلُّوا قَبْلَ صَلَاةِ الْمَغْرِبِ قَالَ فِي الثَّالِثَةِ لِمَنْ شَاءَ
“จากท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านได้กล่าวว่า พวกท่านจงละหมาด (สองร็อกอะฮ์) ก่อนละหมาดมัฆริบ ท่านนะบีย์ได้กล่าวครั้งที่สามว่า สำหรับผู้ที่ประสงค์ (จะละหมาดเท่านั้น) ” รายงานโดยอัลบุคอรีย์ (หะดีษลำดับที่ 1183)
4 . ละหมาดสุนัตสองร็อกอะฮ์ก่อนอิชาอฺ
รายงานจากท่านอับดุลเลาะฮ์ บิน มุฆ็อฟฟัล อัลมุซานีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ความว่า
أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ بَيْنَ كُلِّ أَذَانَيْنِ صَلَاةٌ ثَلَاثًا لِمَنْ شَاءَ
“แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ระหว่างสองอะซาน (คืออะซานกับอิกอมะฮ์) นั้น มีละหมาด ท่านกล่าวถึงสามครั้ง (ครั้งที่สามท่านนะบีย์กล่าวว่า) สำหรับผู้ที่ประสงค์ (จะละหมาด) ” รายงานโดยอัลบุคอรีย์ (หะดีษลำดับที่ 627) และมุสลิม (หะดีษลำดับที่ 729)
เวลาเข้าละหมาดร่อวาติบ
1 . เวลาละหมาดสุนัตร่อวาติบก่อนละหมาดฟัรฎู (สุนัตก็อบลียะฮ์)
คือเมื่อเข้าเวลาละหมาดฟัรฎู และสิ้นสุดเวลาละหมาดร่อวาติบก็อบลียะฮ์เมื่อหมดเวลาละหมาดฟัรฎู (มินฮาจญ์ อัฏฏอลิบีน, หน้า 14 .) แต่อนุญาตให้ล่าช้าละหมาดสุนัตร่อวาติบก็อบลียะฮ์ไปทำหลังละหมาดฟัรฎูได้ เพราะถือว่ายังอยู่ในเวลา เพราะเวลาเข้าละหมาดร่อวาติบก็อบลียะฮ์นี้ คือเริ่มเข้าเวลาละหมาดฟัรฎูและเวลายังคงยืดยาวเรื่อยไปจนกระทั่งหมดเวลาละ หมาดฟัรฎู แต่บางครั้งสุนัต (ส่งเสริม) ให้ละหมาดสุนัตร่อวาติบก็อบลียะฮ์หลังละหมาดฟัรฎูแล้ว เช่น กรณีของผู้ที่มาละหมาดซุบฮิ แล้วปรากฏว่ากำลังอิกอมะฮ์ละหมาดซุบฮิหรือใกล้จะอิกอมะฮ์แล้ว ซึ่งถ้าหากเขามัวสนใจจะทำละหมาดสุนัตร่อวาติบก็อบลียะฮ์ก่อน ก็จะไม่ทันการตักบีรของอิหม่าม ดังนั้นก็ให้เขาทำการละหมาดฟัรฎูก่อน หลังจากนั้นก็ให้ทำการละหมาดสุนัตร่อวาติบก็อบลียะฮ์... (ดู อิอานะฮ์อัฏฏอลิบีน, เล่ม 1 หน้า 248 .)
2 . เวลาละหมาดร่อวาติบหลังละหมาดฟัรฎู (สุนัตบะอฺดียะฮ์)
คือเมื่อละหมาดฟัรฎูเสร็จเรียบร้อยแล้ว และสิ้นสุดละหมาดร่อวาติบเมื่อหมดเวลาละหมาดฟัรฎู (มินฮาจญ์ อัฏฏอลิบีน, หน้า 14) และไม่อนุญาตให้ทำละหมาดร่อวาติบบะอฺดียะฮ์ก่อนละหมาดฟัรฎู (ดู อิอานะฮ์อัฏฏอลิบีน เล่ม 1 หน้า 248)
วิธีละหมาดร่อวาติบ
1 . ละหมาดคนเดียว ไม่ต้องทำเป็นญะมาอะฮ์ฮาชียะฮ์. (มินฮาจญ์ อัฏฏอลิบีน, หน้า 14)
2 . ให้เหนียตละหมาดในใจโดยมีคำภาษาอาหรับหรือภาษาไทยว่า “ก็อบลียะฮ์” (แบบก่อน) ในกรณีที่ละหมาดสุนัตก่อนฟัรฎูและคำว่า “บะอฺดียะฮ์” (แบบหลัง) ในกรณีที่ละหมาดสุนัตหลังฟัรฎู เช่น “ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตซุฮ์ริก็อบลียะฮ์ (แบบก่อน) สองร็อกอะฮ์เพื่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา” และ “ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตซุฮ์ริบะอฺดียะฮ์ (แบบหลัง) สองร็อกอะฮ์เพื่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา” หรือเหนียตแบบสั้นๆ ว่า ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตซุฮ์ริก็อบลียะฮ์, ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตซุฮ์ริบะอฺดียะฮ์, ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตญุมุอะฮ์ก็อบลียะฮ์, ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตญุมุอะฮ์บะอฺดียะฮ์, ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตอัสริก็อบลียะฮ์, ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตมัฆริบก็อบลียะฮ์, ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตมัฆริบบะอฺดียะฮ์, ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตอิชาอฺก็อบลียะฮ์, ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตอิชาอฺบะอฺดียะฮ์, ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตซุบฮิก็อบลียะฮ์, โดยที่ไม่ต้องบอกจำนวนร็อกอะฮ์ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว. (ดู ฮาชียะฮ์อัชชัรกอวีย์ อะลา ตุห์ฟะตุฏฏุลล๊าบ, เล่ม 1 หน้า 296)
3 . ในละหมาดร่อวาติบก่อนซุบฮินั้น หลังจากอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์แล้ว ก็ให้อ่านอายะฮ์ที่ 136 ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์ในร็อกอะฮ์แรกและอ่านอายะฮ์ที่ 64 ซูเราะฮ์อาลิอิมรอนในร็อกอะฮ์ที่สอง หรืออ่านซูเราะฮ์อัลกาฟิรูนในร็อกอะฮ์แรก และซูเราะฮ์อัลอิคลาศในร็อกอะฮ์ที่สอง
อายะฮ์ที่ 136 ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์ คือ
قُولُوا آَمَنَّا بِاللَّهِ وَمَا أُنْزِلَ إِلَيْنَا وَمَا أُنْزِلَ إِلَى إِبْرَاهِيمَ وَإِسْمَاعِيلَ وَإِسْحَاقَ وَيَعْقُوبَ وَالْأَسْبَاطِ وَمَا أُوتِيَ مُوسَى وَعِيسَى وَمَا أُوتِيَ النَّبِيُّونَ مِنْ رَبِّهِمْ لَا نُفَرِّقُ بَيْنَ أَحَدٍ مِنْهُمْ وَنَحْنُ لَهُ مُسْلِمُونَ
อายะฮ์ที่ 64 ซูเราะฮ์อาลิอิมรอน คือ
قُلْ يَا أَهْلَ الْكِتَابِ تَعَالَوْا إِلَى كَلِمَةٍ سَوَاءٍ بَيْنَنَا وَبَيْنَكُمْ أَلَّا نَعْبُدَ إِلَّا اللَّهَ وَلَا نُشْرِكَ بِهِ شَيْئًا وَلَا يَتَّخِذَ بَعْضُنَا بَعْضًا أَرْبَابًا مِنْ دُونِ اللَّهِ فَإِنْ تَوَلَّوْا فَقُولُوا اشْهَدُوا بِأَنَّا مُسْلِمُونَ
ท่านอิบนุอับบาส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา ได้รายงานว่า
كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقْرَأُ فِي رَكْعَتَيْ الْفَجْرِ: قُولُوا آمَنَّا بِاللَّهِ وَمَا أُنْزِلَ إِلَيْنَا. وَالَّتِي فِي آلِ عِمْرَانَ: تَعَالَوْا إِلَى كَلِمَةٍ سَوَاءٍ بَيْنَنَا وَبَيْنَكُمْ
“แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อ่านในละหมาดสุนัตสองร็อกอะฮซุบฮิ ซึ่งในร็อกอะฮ์ ว่า “กูลู อามันนา บิลลาฮิ วะมา อุนซิละ อิลัยนา”...จนจบและอายะฮ์ที่อยู่ในซูเราะฮ์อาลิอิมรอน ว่า “ตะอาเลา อิลา กะลิมะติน สะวาอิน บัยนะนา วะบัยนะกุ้ม...จนจบอายะฮ์” รายงานโดยมุสลิม (หะดีษลำดับที่ 727)
ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์ ได้รายงานว่า
أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَرَأَ فِي رَكْعَتَيْ الْفَجْرِ قُلْ يَا أَيُّهَا الْكَافِرُونَ وَقُلْ هُوَ اللَّهُ أَحَدٌ
“แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อ่าน กุลยาอัยยุฮัลกาฟิรูน และกุลฮุวัลลอฮุอะหัด ในละหมาด (สุนัต) สองร็อกอะฮ์ของซุบฮิ” รายงานโดยมุสลิม (หะดีษลำดับที่ 726)
ท่านอิบนุอุมัร กล่าวว่า
رَمَقْتُ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ شَهْرًا فَكَانَ يَقْرَأُ فِي الرَّكْعَتَيْنِ قَبْلَ الْفَجْرِ بِقُلْ يَا أَيُّهَا الْكَافِرُونَ وَقُلْ هُوَ اللَّهُ أَحَدٌ
“ฉันเห็นท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ละหมาดหนึ่งเดือน แล้วท่านก็อ่านในละหมาดสุนัตสองร็อกอะฮ์ซุบฮิ ด้วยกุลยาอัยยุฮัลกาฟิรูนและกุลฮุวัลลอฮุอะหัด” รายงานโดยอัตติรมีซีย์ (หะดีษลำดับที่ 417, และท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า หะดีษนี้หะซัน)
ส่วนละหมาดร่อวาติบอื่นจากซุบฮิ ก็ให้อ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ หลังจากนั้นอ่านซูเราะฮ์ที่สะดวก แต่ที่ดีให้อ่านซูเราะฮ์อัลกาฟิรูนในร็อกอะฮ์แรกและซูเราะฮ์อัลอิคลาศในร็อก อะฮ์ที่สอง
4 . ละหมาดร่อวาติบทั้งหมดที่กล่าวมานี้ให้อ่านค่อยๆ
ดังนั้นละหมาดร่อวาติบมุอั๊กกั๊ดที่เน้นให้กระทำนั้นมีสิบร็อกอะฮ์ด้วยกัน คือ สองร็อกอะฮ์ก่อนซุบฮิ, สองร็อกอะฮ์ก่อนซุฮ์ริและสองร็อกอะฮ์หลังซุฮ์ริ, สองร็อกอะฮ์หลังมัฆริบ, และสองร็อกอะฮ์หลังอิชาอฺ ส่วนละหมาดร่อวาติบที่ไม่มุอั๊กกั๊ดนั้นมีสิบสองร็อกอะฮ์ คือ สองร็อกอะฮ์ก่อนซุฮ์ริและสองร็อกอะฮ์หลังซุฮ์ริ, สี่ร็อกอะฮ์ก่อนอัสริ, สองร็อกอะฮ์ก่อนมัฆริบ, และสองร็อกอะฮ์ก่อนอิชาอฺ
อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้อ่านที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำอิบาดะฮ์ ทำการละหมาดสุนัตในวันหนึ่งกับคืนหนึ่งให้ได้อย่างน้อยสิบสองร็อกอะฮ์ เพราะท่านหญิงอุมมุหะบีบะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า
سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ مَنْ صَلَّى اثْنَتَيْ عَشْرَةَ رَكْعَةً فِي يَوْمٍ وَلَيْلَةٍ بُنِيَ لَهُ بِهِنَّ بَيْتٌ فِي الْجَنَّةِ
“ฉันได้ยินท่านร่อซูลลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ผู้ใดละหมาด (สุนัต) สิบสองร็อกอะฮ์ภายในวันหนึ่งกับคืนหนึ่งนั้น จะถูกสร้างบ้านหลังหนึ่งให้แก่เขาในสวรรค์ด้วยสาเหตุของบรรดาละหมาดดัง กล่าว” รายงานโดยมุสลิม (หะดีษลำดับที่ 728)
วัลลอฮุซุบฮานะฮูวะตะอาลาอะอ์ลา วะอะอฺลัม
http://www.sunnahstudent.com