อิสลามห้ามเป่าอาหารร้อน ท่านนบีได้บอกไว้ ซึ่งคำสอนแบบนี้มักจะทำให้เราสงสัยว่าทำไมถึงทำไม่ได้?
อิสลามห้ามเป่าอาหารร้อน ท่านนบีได้บอกไว้!
การดำรงชีวิตในแต่ละวันย่อมมีการรับประทานอาหารเป็นเรื่องธรรมดา หากแต่บางครั้งเมื่อเรามีความหิวไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทานอาหารหรือดื่มก็ตาม เรามักจะให้ได้ทานอย่างรวดเร็วเพื่อท้องได้รู้สึกอิ่ม
ซึ่งแน่นอนบางครอบครัวอาจจะเคยได้ยินคำสอนจากพ่อแม่ว่า “ห้ามหายใจขณะดื่มน้ำนะลูก” หรือ “ห้ามเป่าอาหารร้อนๆนะลูก” เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ดี"
ซึ่งคำสอนแบบนี้มักจะทำให้เราสงสัยว่าทำไมถึงทำไม่ได้? ถ้าไม่เป่าอาหารขณะร้อนแล้วจะให้ทำอย่างไรละ? หากแต่รู้ไหมว่าคำสอนเหล่านั้นแอบแฝงไปด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น จากฮาดิษของ Ibnu Abbas บอกว่า
ท่านรอซูลลูลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าว โดยให้ความว่า...
“ท่านรอซูลได้ห้ามเป่าอาหารและหายใจในเครื่องดื่ม” รายงานโดย (HR Ahmad – 3194) :
จากฮาดิษดังกล่าว ได้สอดคล้องกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ว่า
“เมื่อเราหายใจออกซึ่งเป็นการนำกาซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) ออก เมื่อสารเหล่านี้ผสมกับน้ำ H2O ก็จะกลายเป็น H2CO3 ซึ่งจะมีค่าเท่ากับ น้ำส้มสายชูและสามารถทำให้เครื่องดื่มเป็นกรดได้ในที่สุด
ในขณะเดียวกับกับการเป่าอาหารขณะที่ร้อน จะทำให้ไอน้ำจากอาหารที่ร้อนนั้นออกมา ซึ่งจะมีปฏิกิริยาหรือการก่อตัวของกรดคาร์บอนเนต H2CO3 และเรียกได้ว่าก่อให้เกิดโรคชนิดหนึ่งซึ่งไม่เป็นผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด เพียงแต่อาหารนั้นจะไม่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งสอดคล้องกับอิสลามที่สนับสนุนกินอาหารที่ฮาลาลและมีประโยชน์
จะอย่างไรก็ตาม สิ่งที่อิสลามไม่สนับสนุนในเรื่องนี้เพราะเป็นสิ่งที่มักรุฮฺ (หลีกเลี่ยงได้บุญ, ทำไม่เป็นไรแต่จะไม่ได้บุญ) ซึ่งไม่ได้บาปแต่อย่างใด เพียงแค่ไม่สนับสนุนให้ทำเพราะจะทำให้อาหารหรือเครื่องดื่มนั้นไม่มีคุณค่าทางโภชนาการแม้เราจะรับประทานเข้าไปจะรู้สึกอิ่มก็ตาม หากแต่ไม่มีคุณประโยชน์อิสลามก็ไม่สนับสนุน ด้วยเหตุนี้เป็นที่มาว่าอิสลามให้กินอาหารที่ฮาลาลและมีประโยชน์
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับบริบทว่าจะเป็นมักรุฮฺหรือไม่แล้ว เเต่บริบทของผู้กระทำเช่นกันเพราะจะมีบางทัศนคติจากฮาดิษ
*ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Mtty Ibnu Fatim Hammady
"หากจำเป็นต้องทานเลยเพราะอาหาร้อน รอไม่ไหว ก็สามารถเป่าได้โดยที่ไม่มักรุฮฺแต่อย่างใด คำกล่าวของบางอุลามะ เช่น คำกล่าวของท่าน อัรมัรดาวีย์ อ้างอิงคำพูดของท่าน อัลอะมาดีย์ ในตำรา อับอิศอฟ เล่มที่ 8 หน้าที่ 328
قال العلامة المرداوي الحنبلي في "الإنصاف" (8/328) : " قال الآمدي : لا يكره النفخ في الطعام إذا كان حاراً . قلت (المرداوي) وهو الصواب ، إن كان ثَمَّ حاجة إلى الأكل حينئذ
ทั้งหมดทั้งมวลเหตุผลของ อิสลามจะสอนวิธีการดำรงชีวิตอย่างถูกต้อง ไม่เพียงแค่เรื่องนี้อย่างเดียวแต่รวมไปถึงทางด้านอื่นๆอีกด้วยเช่นกัน เพราะคำสอนจะสอดคล้องกับการใช้ชีวิตประจำวันซึ่งไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด ในทางกลับกับ “สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจอิสลามต่างหากที่จะรู้สึกว่าทำไมอิสลามถึงได้ห้ามโน่นห้ามนี่” หากเมื่อได้รู้เหตุผลแล้วจะรู้ว่าสอดคล้องกับความเป็นจริงเสมอ เพราะสิ่งที่ห้ามจะเป็นการป้องกันจากสิ่งที่ไม่ดีและสิ่งที่ให้ทำจะเป็นการดีต่อชีวิต อินชาอัลลอฮฺมาเข้าใจอิสลามกันเถิด…
เรียบเรียงโดย Fateemoh
ขอบคุณข้อมูลโดย: beritamuslimmag.com
..............
มารยาทในการรับประทานอาหาร
มารยาทในการรับประทานอาหาร ซึ่งมีดังต่อไปนี้
หนึ่ง การกล่าว “บิสมิลลาฮฺ” ก่อนรับประทานอาหาร และการดื่ม
มีรายงานจากอัล-บุคอรีย์ และมุสลิม จากหะดีษของ อัมร์ บิน สะละมะฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ได้กล่าวกับอัมร์ว่า:
«يَا غُلامُ ، سَمِّ اللهَ وَكُلْ بِيَمِيْنِكَ ، وَكُلْ مِمَّا يَلِيْكَ»
“โอ้เด็กน้อยเอ๋ย จงกล่าวนามของอัลลอฮฺ และจงรับประทาน ด้วยมือขวา และรับประทานอาหาร ที่อยู่ถัดจากท่าน” (อัล-บุคอรีย์: 5376 และมุสลิม: 2022)
หากว่าลืมกล่าว “บิสมิลลาฮฺ” ก่อนเริ่มรับประทานอาหาร ก็ให้กล่าวเมื่อนึกขึ้นได้ มีรายงานจากอัต-ติรมิซีย์ จากหะดีษของท่านหญิงอาอิชะฮฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮา ว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า:
«إِذَا أَكَلَ أَحَدُكُمْ فَلْيَذْكُرِ اسْمَ اللهِ تَعَالى ، فَإِنْ نَسِيَ أَنْ يَذْكُرَ اسْمَ اللهِ تَعالى فِي أَوَّلِهِ ، فَلْيَقُلْ : بِاسْمِ اللهِ أَوَّلُهُ وَآخِرُهُ»
“เมื่อคนใดคนหนึ่ง ในหมู่พวกท่าน ได้รับประทานอาหาร ก็จงกล่าวนามของอัลลอฮเถิด ถ้าหากว่า เขาลืมกล่าวก่อนทาน หากเขานึกขึ้นได้ ก็จงกล่าวว่า “บิสมิลลาฮิ เอาวะลุฮู วะอาคิรุฮู” (ความว่า ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ทั้งในตอนเริ่ม และตอนสุดท้าย-ผู้แปล)” (อัต-ติรมิซีย์: 3767)
สอง รับประทานและดื่ม ด้วยมือขวา
ดังนั้น จึงไม่อนุญาตให้มุสลิมรับประทาน หรือดื่ม ด้วยมือซ้าย มีรายงานจากมุสลิม จากหะดีษของสะละมะฮฺ บิน อัลอักวะอฺ ว่า:
أنَّ رَجُلا أَكَلَ عِنْدَ النَّبيَّ صَلى اللهُ عَليهِ وَسلم بِشِمَالِهِ ، فَقَال النبيُ صَلى اللهُ عليه وسلَمَ «كُلْ بِيَمِيْنِكَ» ، فقال : لا أَسْتَطِيْعُ ، قال : «لا اسْتَطَعْتَ»، مَا مَنَعَهُ إلا الكِبْرُ ، قال: فَمَا رَفَعَهَا إلى فِيْه.
ชายคนหนึ่ง ได้รับประทานอาหาร ด้วยมือซ้าย ต่อหน้าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านนบีได้กล่าว แก่ชายคนนั้นว่า “จงทานด้วยมือขวาของท่าน” ชายคนนั้นได้ตอบว่า “ฉันทำไม่ได้” ท่านนบีจึงได้กล่าวว่า “แล้วท่านจะทำไม่ได้อีกต่อไป!” ที่ทำไม่ได้นั้น ก็เพราะความยะโสโอหัง ต่างหาก ท่านสะละมะฮฺกล่าวว่า: แล้วชายคนนั้น ก็ไม่สามารถทานด้วยมือซ้ายอีก (มุสลิม: 2021)
และมีรายงานจากมุสลิม จากหะดีษของอิบนุ อุมัร ว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า:
«إذَا أَكَلَ أَحَدُكُم فَلْيَأْكُلْ بِيَمِيْنِهِ ، وَإذَا شَرِبَ فَلْيَشْرَبْ بَيَمِيْنِهِ ، فَإِنَّ الشَيْطانَ يَأْكُلُ بِشِمَالِهِ، وَيَشْرَبُ بِشِمَالِهِ»
“เมื่อคนหนึ่งจากพวกท่าน จะรับประทาน จงรับประทานด้วยมือขวา ของเขาเถิด และเมื่อเขาจะดื่ม ก็จงดื่มด้วยมือขวา ของเขาเถิด แท้จริงเหล่ามารร้าย (ชัยฏอน) นั้น จะกินด้วยมือซ้าย และดื่มด้วยมือซ้าย” (มุสลิม: 2020)
สาม รับประทานโดยใช้เพียงสามนิ้ว
มีรายงานจากมุสลิม จากหะดีษ กะอับ บินมาลิก กล่าวว่า
أَنَّ رَسُولَ اللهِ صَلى الله عليه وَسلَم كَانَ يَأْكُلُ بِثَلاثِ أَصَابِع ، فَإذَا فَرغَ لَعقَها
“ท่านเราะสูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้รับประทานอาหาร โดยใช้เพียงสามนิ้ว เมื่อท่านทานเสร็จ ท่านก็จะเลียนิ้วของท่าน” (มุสลิม: 2032)
สี่ เลียนิ้วและจานอาหาร
เมื่อเราทานอาหารเสร็จ และมีร่องรอยอาหาร หลงเหลืออยู่ และสามารถทานได้ โดยไม่เป็นอันตราย หรือเหลือเศษอาหารติดที่จาน มีซุนนะฮฺให้เลีย (ทาน) สิ่งที่ติดอยู่ที่จานให้หมด เหตุผลก็เพราะว่า มนุษย์นั้นไม่สามารถรู้ได้ว่า อาหารส่วนไหน มีความจำเริญ (บะเราะกะฮฺ) และเช่นกัน มีซุนนะฮฺให้เลียอาหาร ที่ติดที่นิ้วด้วย มีรายงานจากมุสลิม จากหนังสือเศาะฮีหฺมุสลิม จากหะดีษกะอับ บิน มาลิก กล่าวว่า:
كَانَ رَسُولُ اللهِ صَلى اللهُ عَليهِ وَسلَم يَأْكُلُ بِثَلاثِ أَصَابِع ، فَإذَا فَرغَ لَعقَها
“ท่านเราะสูลุลลอฮฺนั้น ท่านทานอาหารโดยใช้สามนิ้ว และเมื่อท่านอิ่ม ท่านก็จะเลียนิ้วของท่าน” (มุสลิม: 2032)
และ รายงานจากมุสลิม จากหนังสือเศาะฮีหฺมุสลิม จากหะดีษญาบิร ว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้สั่งให้เลียนิ้ว และจาน ท่านกล่าวว่า:
«إِنَّكُمْ لا تَدْرُونَ فِي أَيِّهِ البَرَكَةُ»
“แท้จริงพวกท่าน ไม่รู้หรอกว่า อาหารส่วนไหน มีความจำเริญ” (มุสลิม: 2032)
ห้า ให้ทานอาหารที่หล่นออกนอกจาน
มีรายงานจากมุสลิม ในหนังสือเศาะฮีหฺมุสลิม จากหะดีษญาบิร บิน อับดุลลอฮ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า:
«إِذَا وَقَعَتْ لُقْمَةُ أَحَدِكُمْ فَلْيَأْخُذْهَا ، فَلْيُمط ما كانَ بِها مِنْ أَذى ، وَلْيَأْكُلْها ، وَلا يَدَعها للشيطانِ ، وَلا يَمْسَح يَدَهُ بِالمنْدِيل حَتَّى يَلْعقَ أصابِعَهُ ، فَإنه لا يدري في أَيِّ طَعامهِ البركة»
“เมื่ออาหารคำหนึ่งของพวกท่าน ได้ตกลง จงหยิบมันขึ้นมา และจงขจัดส่วนที่เปื้อนสกปรกออก และจงกินอาหารนั้น อย่าปล่อยทิ้งไว้ ให้ชัยฏอนมารร้าย และอย่าเช็ดมือด้วยผ้า จนกว่าเขาจะได้เลียนิ้ว เสียก่อน เพราะแท้จริงเขาไม่รู้ได้ว่า อาหารส่วนไหนมีความจำเริญ (บะเราะกะฮฺ)” (มุสลิม: 2032)
หก ร่วมวงทานอาหารกับภรรยา หรือ ลูกๆ หรือ บุคคลอื่น
รายงานจากอบูดาวูด ในหนังสือ สุนันอะบีดาวูด จากหะดีษ วะฮฺชี บิน หัรบ์ จากพ่อของเขา จากปู่ของเขา เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม กล่าวว่า
أَنَّ أَصْحَابَ النبيُ صلى الله عليه وسلَمَ قَالوا : يارَسُولَ اللهِ إِنَّا نَأْكُلُ وَلا نَشْبَعُ ، قال: «فَلَعَلَّكُمْ تَفْتَرِقُونَ؟ » قَالوا : نَعَم . قال : «فَاجْتَمِعُوا عَلى طَعَامِكُم ، وَاذْكرُوُا اسمَ اللهِ عَليهِ يُبَارِكْ لَكُم فِيهِ»
บรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า “โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮ แท้จริงเราได้ทานอาหาร แต่เราไม่รู้สึกอิ่ม” ท่านรอซูล ได้กล่าวว่า “พวกท่านได้แยกกันทาน ต่างคนต่างทาน กระนั้นหรือ?” บรรดาเศาะหาบะฮฺตอบว่า “ใช่ครับ” ท่านเราะสูลได้กล่าวว่า “จงร่วมวงกันทานอาหารเถิด และจงกล่าวนามของอัลลอฮ และพระองค์จะประทานความจำเริญ แก่พวกท่าน จากอาหารนั้น” (อบูดาวูด: 3764)
เจ็ด ห้ามพ่นลมหายใจลงในภาชนะอาหาร
รายงานจากอัล-บุคอรีย์ ในหนังสือเศาะฮีหฺอัล-บุคอรีย์ จากหะดีษ อบู เกาะตาดะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ท่านนบีได้กล่าวว่า:
«إِذَا شَرِبَ أَحَدُكُمْ فَلا يَتَنَفَّس فِي الإِناءِ »
“เมื่อคนใดคนหนึ่ง จากพวกเจ้า ได้ดื่ม จงอย่าพ่นลมหายใจ ลงในภาชนะนั้น” (อัล-บุคอรีย์: 153)
เช่นเดียวกัน การเป่าอาหาร หรือเครื่องดื่ม ก็ถูกห้าม รายงานจากอบูดาวูด ในหนังสือ สุนัน อบีดาวูด จากหะดีษ อบู สะอีด อัล-คุดรีย์ กล่าวว่า
نَهَى النَبِيُّ صَلى اللهُ عليهِ وَسَلَم أَنْ يُتَنَفَّسَ فِي الإناءِ أَوْ يُنْفَخَ فِيهِ
“ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ห้ามการหายใจ ลงในภาชนะอาหาร หรือเป่าอาหาร” (อบูดาวูด: 3728)
แปด ห้ามทานอาหาร จากส่วนบน ของจานอาหาร หรือตรงกลางจาน
ดังกล่าวนี้ แบ่งออกเป็นสองประเภท
ประเภทที่หนึ่ง
อาหารประเภทเดียว หมายความว่า อาหารในจานนั้น เป็นอาหารชนิดเดียว มีประเภทเดียว มีซุนนะฮฺให้ทาน ส่วนที่อยู่ใกล้กับเราก่อน ดังหะดีษที่กล่าวไว้ข้างต้น ว่า:
«وَكُلْ مِمَّا يَلِيْكَ»
“และจงทานอาหาร ส่วนที่อยู่ถัดจากท่าน” (อัล-บุคอรีย์: 5376 และมุสลิม: 2022)
และอีกหะดีษหนึ่ง ที่รายงานโดย อัต-ติรมิซีย์ ในหนังสือ สุนันอัต-ติรมิซีย์ จากหะดีษของอิบนุอับบาส กล่าวว่า:
«البَرَكَةُ تنزلُ في وَسَطِ الطَعَامِ ، فَكُلُوا مِنْ حَافَتَيْهِ ، وَلا تَأكُلُوا مِنْ وَسَطِهِ»
“ความจำเริญ (บะเราะกะฮฺ) จะถูกประทานลงมา ที่อาหารส่วนที่อยู่ตรงกลาง ดังนั้น จงเริ่มทาน จากส่วนขอบก่อน อย่าเริ่มทาน จากตรงกลางของอาหาร” (อัต-ติรมิซีย์: 1805)
ประเภทที่สอง
อาหารมีหลากหลายประเภท ดังนั้น ถือว่าไม่เป็นไร ถ้าจะเริ่มทาน จากส่วนบนของอาหาร หรือส่วนขอบของอาหารก่อน หลักฐานที่มายืนยัน ในเรื่องดังกล่าว ก็คือ หะดีษที่รายงาน จากอัล-บุคอรีย์ และมุสลิม จากหะดีษของอะนัสบินมาลิก กล่าวว่า:
رَأَيْتُ النَبِيَّ صَلى اللهُ عليهِ وسلَمَ يَتَتَبَّعُ الدباءَ مِن حَوَالي الصَحْفَةِ
“ฉันเห็นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เลือกหามะระในจานอาหาร” (อัล-บุคอรีย์: 2092 และมุสลิม: 2041)
เก้า ห้ามดื่มน้ำในขณะที่ยืนอยู่
จากคำกล่าวของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในหะดีษที่รายงานโดยมุสลิม ในหนังสือเศาะฮีหฺมุสลิม จากหะดีษอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่าท่านนบี ได้กล่าวว่า
«لا يَشْرَبَنَّ أَحَدٌ مِنْكُمْ قَائِماً ، فَمَنْ نَسِيَ فَلْيَسْتَقِئْ »
“คนหนึ่งในพวกท่าน จงอย่าดื่มน้ำ ในขณะที่ยืนอยู่ หากใครลืม ก็จงบ้วนออกมา” (มุสลิม: 2026)
สิบ มีความพอดีในการรับประทานอาหาร
รายงานจากอัต-ติรมิซีย์ จากหะดีษ อัล-มิกดาม บิน มะอฺดี กัรบฺ กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า:
«مَا مَلأَ آدَمِيُ وِعاءً شَراً مِنْ بَطْنٍ ، بَحسْبِ ابْنِ آدمَ أَكلاتٌ يُقِمْنَ صلْبَهُ، فَإِنْ كانَ لا محالةَ، فَثُلُثٌ لِطَعَامِهِ ، وَثُلُثٌ لِشَرَابِهِ ، وَثُلُثٌ لِنَفَسِهِ»
“ไม่มีภาชนะใด ที่เมื่อลูกหลานอาดัม บรรจุจนเต็มแล้ว จะแย่ยิ่งไปกว่าท้อง การที่เขาทานแต่น้อย แค่พอให้ร่างกาย มีชีวิตอยู่ได้ ก็เป็นการเพียงพอแล้ว แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ให้ทาน เพียงหนึ่งส่วนสามของท้อง ดื่มน้ำอีกหนึ่งส่วนสาม และอีกหนึ่งส่วนสาม เผื่อไว้ให้ได้หายใจ” (อัต-ติรมิซีย์: 2380)
แปลโดย : ณัจญวา บุญมาเลิศ