บาปความผิดที่ยิ่งใหญ่และถือเป็นความชั่วร้ายที่สุดทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺ รองลงมาจากการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ คือ การฆ่าชีวิตที่บริสุทธิ์
ฆ่าคน บาปใหญ่ ในศาสนาอิสลาม
การฆ่าคน ถือเป็นบาปหนักในศาสนาอิสลาม
บาปความผิดที่ยิ่งใหญ่และถือเป็นความชั่วร้ายที่สุดทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺ รองลงมาจากการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ คือ การฆ่าชีวิตที่บริสุทธิ์
อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
ความว่า: “และบรรดาผู้ที่ไม่วิงวอนขอพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮ และพวกเขาไม่ฆ่าชีวิตซึ่งอัลลอฮทรงห้ามไว้เว้นแต่เพื่อความยุติธรรม และพวกเขาไม่ผิดประเวณี และผู้ใดกระทำเช่นนั้นจะได้พบกับความผิดอันมหันต์ การลงโทษในวันกิยามะฮฺจะถูกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสำหรับเขา และเขาจะอยู่ในนั้นอย่างอัปยศ” (อัลฟุรกอน: 68-69)
ทั้งนี้ พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้ว่าบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฆ่าผู้ศรัทธาโดยเจตนานั้น คือ การพำนักอยู่ในนรกตลอดกาล ความโกรธกริ้วและการสาปแช่งของอัลลอฮฺ ตลอดจนการลงโทษที่เจ็บแสบสาหัสซึ่งพระองค์ทรงเตรียมไว้
อัลลอฮฺ ตรัสว่า
ความว่า: “และผู้ใดฆ่าผู้ศรัทธาโดยจงใจ การตอบแทนแก่เขาก็คือนรกญะฮันนัม โดยที่เขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล และอัลลอฮฺก็ทรงกริ้วโกรธเขา และทรงสาปแช่งเขา และได้ทรงเตรียมไว้สำหรับเขาซึ่งการลงโทษอันใหญ่หลวง” (อันนิสาอ์: 93)
อนัส บิน มาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
ความว่า: "บาปที่ใหญ่ที่สุดได้แก่ การตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ การฆ่าผู้อื่น การเนรคุณต่อบุพการี และคำพูดเท็จ (หรือ) การเป็นพยานเท็จ"
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6871 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 88)
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ยังได้บอกอีกว่า ผู้ศรัทธานั้นจะยังคงอยู่ในสภาพหรือสถานะที่ปลอดภัย ตราบใดที่เขาไม่คร่าชีวิตผู้อื่นโดยไม่ชอบธรรม
อิบนุ อุมัรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
ความว่า: “ศาสนาของผู้ศรัทธาคนหนึ่งจะยังคงอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย ตราบใดที่เขามิได้คร่าชีวิตผู้อื่นโดยปราศจากความชอบธรรม” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6862)
ความผิดที่เกี่ยวกับการเข่นฆ่าระหว่างหมู่มนุษย์นั้น คือสิ่งแรกที่จะได้รับการพิพากษาตัดสินในวันกิยามะฮฺ อิบนุ มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
ความว่า: “สิ่งแรกที่มนุษย์จะถูกพิพากษาในวันกิยามะฮฺ คือ ความผิดที่เกิดจากการฆ่าผู้อื่น” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6862 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 1678)
ในหะดีษอีกบทหนึ่ง อบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
ความว่า: “พวกท่านทั้งหลายจงหลีกห่างจากสิ่งที่ทำให้พินาศเจ็ดประการ (และหนึ่งในนั้นคือ) การฆ่าชีวิตผู้อื่นที่อัลลอฮฺทรงห้ามฆ่านอกจากด้วยสิทธิอันชอบธรรม” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6857 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 89)
อิบนุ อัมรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
ความว่า: “ผู้ใดฆ่า ผู้ที่อยู่ภายใต้พันธสัญญา เขาจะไม่ได้กลิ่นอายของสรวงสวรรค์ ทั้งที่กลิ่นของสวรรค์นั้นสามารถสัมผัสได้แม้จะอยู่ห่างออกไปเป็นระยะทางเท่ากับการเดินทางสี่สิบปีก็ตาม” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6914)
ผู้ที่อยู่ภายใต้พันธสัญญา (المعاهَد) หมายถึง ผู้ที่มีพันธสัญญากับชาวมุสลิม ไม่ว่าจะด้วยการยอมจ่ายญิซยะฮฺ (ส่วนที่ชาวคัมภีร์ซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐอิสลามต้องจ่ายเพื่อแลกกับการปกป้องคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือ – ผู้แปล) หรืออยู่ระหว่างสัญญาสงบศึกซึ่งประกาศโดยผู้นำมุสลิม หรือได้รับความคุ้มครองโดยมุสลิมคนใดคนหนึ่ง
อิบนุลก็อยยิม กล่าวว่า ดังกล่าวนี้คือบทลงโทษของผู้ที่ฆ่าศัตรูของอัลลอฮฺในกรณีที่อยู่ภายใต้พันธสัญญากับมุสลิม แล้วบทลงโทษของผู้ที่ฆ่าพี่น้องผู้ศรัทธาเล่าจะหนักหนาสาหัสเพียงใด ?
หากว่าสตรีนางหนึ่งต้องตกนรกด้วยสาเหตุที่นางได้ขังแมวไว้จนมันตายด้วยความหิวกระหาย แล้วท่านนบีได้เห็นนางอยู่ในนรกในสภาพที่แมวตัวนั้นกำลังกรีดข่วนใบหน้าและหน้าอกของนางแล้ว ผู้ที่กักขังผู้ศรัทธาจนเสียชีวิตโดยที่ไม่มีความผิดใด ๆ จะต้องเผชิญกับบทลงโทษที่รุนแรงสักเพียงใด ?
อิบนุ อัมรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
ความว่า: ”สำหรับอัลลอฮฺนั้น ความพินาศของโลกดุนยายังจะง่ายและมีความสำคัญน้อยกว่าการฆ่ามุสลิมคนหนึ่งเสียอีก” (บันทึกโดย อันนะสาอีย์ หะดีษเลขที่ 3987)
อิบนุ อุมัรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า
ความว่า: “หนึ่งในความหายนะที่บุคคลหนึ่งจะไม่มีทางรอดพ้นได้ คือการที่เขาฆ่าผู้อื่นโดยที่เขาไม่มีสิทธิและปราศจากความชอบธรรม” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6863)
ในสังคมปัจจุบันมีเหตุการณ์ฆ่ากันเกิดขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ได้เตือนประชาชาติของท่านอยู่เสมอในเรื่องนี้ อบูบักเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
ความว่า: “เมื่อมุสลิมสองคนเผชิญหน้าประหัตประหารกันโดยที่ทั้งสองมีดาบอยู่ในมือ แน่นอนว่าทั้งผู้ฆ่าและผู้ถูกฆ่าจะต้องตกนรก”
อบูบักเราะฮฺกล่าวถามว่า โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮฺ “ผู้ฆ่านั้นสมควรแล้วที่จะตกนรก แต่ทำไมผู้ที่ถูกฆ่าก็ตกนรกด้วยละครับ ?”
ท่านตอบว่า “เพราะเขาเองก็พยายามที่จะฆ่าอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 32 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 2888)
ในหะดีษอีกบทหนึ่ง อิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“พวกท่านทั้งหลายอย่าได้เป็นดังเช่นผู้ปฏิเสธศรัทธาภายหลังจากที่ฉันตายไป ด้วยการที่พวกท่านประหัตประหารฆ่าฟันกัน”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 1739 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 1679)
ท่านนบียังได้บอกอีกว่า การฆ่ากันนั้นเป็นหนึ่งในสัญญาณวันสิ้นโลก อบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“ความรู้จะถูกยึด ความโง่เขลาและความวุ่นวายจะปรากฏขึ้น และจะเกิดการฆ่าฟันกันอย่างมากมาย” (บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 85 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 2672)
แปลโดย : อุศนา พ่วงศิริ /www.islammore.com