อัลกุรอานมิได้เล่าเรื่องของท่านอย่างต่อเนื่อง เรื่องราวของท่านกระจัดกระจายอยู่ในหลายๆ บท และไม่ได้เรียงเหตุการณ์ก่อนหลังตามบทที่กล่าวถึงท่าน
เรื่องราวของนบีนุห์ ยุคน้ำท่วม จากคัมภีร์อัลกุรอ่าน
ยุคน้ำท่วมที่อัลกุรอานกล่าวถึง
น้ำท่วมหน้าแผ่นดิน ซึ่งอยู่ในยุคของท่านนบีนุห์(โนอาห์) อิสลามรู้จักท่านศาสนทูตองค์นี้ในบุคลิกลักษณะที่สมบูรณ์แบบแห่งการเป็นศาสนทูตทุกประการ ท่านมีความอดทนเพื่อพระเจ้าอย่างดียิ่ง ในการเทศนาสั่งสอนประชาชาติที่แสนจะดื้อดึงในยุคของท่าน ท่านใช้เวลา ในการสอนแนวทางของพระเจ้าอย่างยาวนานที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีศาสนทูตองค์ใช้เวลาขนาดนี้มาก่อนทั้งก่อนหน้าท่านและหลังจากท่าน เพื่อนำประชาชาติของท่านกลับมาสู่แนวทางของอัลเลาะฮ์ ซ.บ.
อัลกุรอานมิได้เล่าเรื่องของท่านอย่างต่อเนื่อง เรื่องราวของท่านกระจัดกระจายอยู่ในหลายๆ บท และไม่ได้เรียงเหตุการณ์ก่อนหลังตามบทที่กล่าวถึงท่าน ฉันเพียงรวบรวมโองการเหล่านั้นมาเรียงให้อ่านและง่ายต่อการค้นคว้าเท่านั้น และเมื่อนำโองการเหล่านั้นมารวมกันก็พอปะติดปะต่อ สภาพของผู้คนยุคนั้นได้ว่า ผู้คนเริ่มกระจัดกระจายไปตั้งหลักแหล่งบนโลกกว้างขวางพอสมควรแล้วนับจาก ยุคของท่านนบีอาดัม
มีการติดต่อระหว่างกันเป็นสังคมเมืองต่อเมือง มีการศึกษาและมีคุณภาพชีวิตที่ดีพอสมควร มีคนรวยคนจน มีชนชั้นปกครองและชนชั้นแรงงาน มีอำนาจแฝงที่อิงมากับความเชื่อและผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มผู้มีอำนาจและมวลชนที่งมงายในศาสนาที่พวกเขาสร้างขึ้น โดยอาศัยเทวรูป และศาสนสถานเพื่อการบวงสรวงบูชา ทำพิธีกรรมต่างๆ ผู้คนในยุคนั้นส่วนมากหันเหออกจากแนวทางการนับถือพระเจ้าองค์เดียวโดยสิ้นเชิง อัลเลาะฮ์ ซ.บ. จึงได้แต่งตั้ง นุห์ ให้เป็นศาสนทูตมาฟื้นฟูแนวทางของพระองค์
ท่านนบีนุห์ได้เชิญชวนประชาชาติของท่านด้วยเหตุผลและความจริงใจ ด้วยขันติมานะอดทนและระยะเวลาที่ยาวนาน ท่านไม่ได้เป็นชนชั้นปกครอง และไม่มีอำนาจในการต่อรองใดๆทางการเมือง ท่านมิใช่ผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจและไม่มีปาฏิหารย์ท่านไม่ได้บังคับใครให้นับถือศาสนาของ อัลเลาะฮ์ เพียงแต่ชี้แนะสัจธรรมด้วยความจริงใจและเหตุผลด้วยความห่วงใย
เรามาดูโองการในอัลกุรอานว่า พระเจ้าได้ตรัสถึงศาสนทูตท่านนี้ว่าอย่างไร
นุห์ในอัลกุรอาน
-"และโดยแน่นอนเราได้ส่งนุห์ ไปยังกลุ่มชนของเขา(เขากล่าวว่า) "แท้จริงฉันเป็นผู้ตักเตือนอันชัดแจ้งแก่พวกเจ้าแล้ว"
-" คือพวกท่านอย่าได้เคารพผู้ใด อื่นจากอัลเลาะฮ์ แท้จริงฉันกลัวแทนพวกเจ้าถึงการลงโทษอันเจ็บแสบ"
-" แล้วบรรดาผู้นำผู้ปฏิเสธศรัทธาจากกลุ่มชนของเขากล่าวว่า "เรามิได้เห็นว่าท่านเป็นอื่นใด นอกจากสามัญชนเช่นเรา และเรามิได้เห็นผู้ใดปฏิบัติตามท่าน นอกจากบรรดาผู้ต่ำต้อยจากพวกเรา ที่มีความคิดตื้นๆ และเรามิเห็นว่าท่านประเสริฐกว่าพวกเรา แต่พวกเราคิดว่าพวกท่านเป็นผู้โกหก"
(อัลกุรอาน11/25-27 )
-"เจ้าจงอ่านให้เขาฟังถึงเรื่องนุห์ เมื่อเขากล่าวแก่ชนของเขาว่า "โอ้กลุ่มชนของฉัน หากการพักอยู่ของฉันและการตักเตือนของฉันด้วยโองการทั้งหลายของอัลเลาะฮ์ เป็นเรื่องใหญ่หลวงแก่พวกเจ้าแล้ว ฉันก็ขอมอบหมายแด่อัลเลาะฮ์เท่านั้น พวกเจ้าร่วมกันวางแผนของพวกเจ้า พร้อมกับบรรดาผู้ตั้งภาคีของพวกเจ้าเถิด และอย่าให้แผนการณ์ของเจ้าเป็นที่ปิดบังแก่พวกเจ้า (อย่าให้แผนการณ์ที่จะทำร้ายฉันเป็นที่ปิดบัง ควรเปิดเผยให้รู้โดยทั่วกัน) แล้วจงกระทำการต่อฉันโดยทันทีอย่าได้ลังเล"
-" หากพวกท่านผินหลังให้ ฉันมิได้ขอค่าตอบแทนใดๆจากพวกเจ้า แต่รางวัลของฉันอยู่ที่อัลเลาะฮ์ และฉันถูกใช้ให้อยู่ในหมู่ผู้นอบน้อม"
(อัลกุรอาน 10/71-72)
-" แล้วหัวหน้าของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ในกลุ่มชนของเขาได้กล่าวขึ้นว่า "เขาผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นคนธรรมเช่นเดียวกับพวกเจ้า เพียงแต่ต้องการที่จะทำตัวให้ดีเด่นเหนือพวกเจ้า และหากอัลเลาะฮ์ ทรงประสงค์แล้ว แน่นอนพระองค์จะส่งมะลาอิกะฮ์(ทูตสวรรค์)ลงมา เราไม่เคยได้ยินคำพูดเช่นนี้ ในยุคสมัยของบรรพบุรุษของเราแต่กาลก่อนเลย"
-" เขามิได้เป็นอะไร นอกจากคนบ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงรอดูพวกเขาสักระยะหนึ่ง"
การเผยแผ่ศาสนาก่อนยุคน้ำท่วม
" เขา(นุห์)กล่าวว่า "โอ้กลุ่มชนของฉัน พวกเจ้าเห็นแล้วใหมว่า หากฉันนำหลักฐานชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาลของฉัน และพระองค์ทรงประทานความเมตตาจากพระองค์แก่ฉันแล้วได้ถูกทำให้มืดมนแก่พวกเจ้า เราจะบังคับให้พวกเจ้ารับมัน ทั้งๆที่พวกเจ้าเกลียดชังมันกระนั้นหรือ (เราทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะไม่มีการบังคับกันในเรื่องศาสนา)-"
(อัลกุรอาน 26/116)
-" และฉันไม่ได้กล่าวแก่เจ้าว่า ฉันมีคลังของอัลเลาะฮ์ (เพื่อพวกเจ้าจะได้ปฏิบัติตามฉันเพราะความร่ำรวยของฉัน) และฉันไม่มีสิ่งพ้นญาณวิสัย และฉันมิได้กล่าวว่า แท้จริงฉันเป็นมะลาอิกะฮ์ (ทูตสวรรค์) และฉันมิได้กล่าวแก่บรรดาผู้ที่สายตาของเจ้าเหยียดหยามว่า อัลเลาะฮ์ จะไม่ทรงประทานความดีแก่พวกเขา อัลเลาะฮ์ทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวกเขา แท้จริงถ้าเช่นนั้น ฉันจะอยู่ในหมู่ผู้อธรรมทั้งหลาย"
-"พวกเขากล่าวว่า "โอ้นุฮ์เอ๋ย แน่นอนท่านได้โต้เถียงกับพวกเรา แล้วท่านได้ทำให้การโต้เถียงของเรามากเรื่องขึ้น ดังนั้น จงนำมันมาให้เราเถิดในสิ่งที่ท่านได้ให้สัญญากับพวกเรา (คือจงนำการลงโทษมาให้เราตามที่ท่านสัญญากับเราไว้) ถ้าท่านอยู่ในหมู่ผู้พูดจริง"
-" เขา(นุห์) กล่าวว่า "แท้จริงอัลเลาะฮ์เท่านั้น จะทรงนำมันมายังพวกเจ้า (คือ การเร่งการลงโทษ เป็นเรื่องของอัลเลาะฮ์) หากพระองค์ทรงประสงค์แล้ว พวกเจ้าจะไม่เป็นผู้รอดพ้นไปได้"-
(อัลกุรอาน 11/31-33)
-" นุห์ ได้กล่าวว่า "โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ขอพระองค์ได้ทรงโปรดช่วยเหลือฉันด้วย เพราะพวกเขาปฏิเสธไม่ยอมรับฟังฉัน"-
(อัลกุรอาน 23/26)
-"เขากล่าวว่า "โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน แท้จริงฉันได้เรียกร้องกลุ่มชนของฉัน ทั้งกลางวันและกลางคืน"
-" แต่การเรียกร้องของฉัน มิได้เพิ่มพูนสิ่งใด แก่พวกเขานอกจากการหลบหนี"
-" และทุกครั้งที่ฉันเชิญชวนพวกเขา เพื่อพระองค์ท่านจะได้ให้อภัยแก่พวกเขา พวกเขาก็เอานิ้วอุดหูของพวกเขา และเอาเสื้อผ้าของพวกเขาคลุมโปงและพวกเขาดื้อรั้น และหยิ่งผยองด้วยความจองหอง"
-" ครั้นแล้วฉันได้ประกาศเชิญชวนพวกเขาอย่างเปิดเผย"
-"และฉันก็ได้ ประกาศแก่พวกเขาอย่างเปิดเผย และยังได้บอกกล่าวแก่พวกเขาอย่างลับๆอีกด้วย"
-" ฉันได้กล่าวว่า พวกเจ้าจงขออภัยต่อพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าเถิด เพราะแท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอภัย"
-"พระองค์ทรงหลั่งน้ำฝนลงมาอย่างมากมายแก่พวกเจ้า"
-" และทรงเพิ่มทรัพย์สิน และลูกหลานแก่พวกเจ้า และจะทรงทำให้มีสวนอันมากมายแก่พวกเจ้า และจะทรงทำให้มีแม่น้ำหลายสายแก่พวกเจ้า"
-"ทำไมพวกเจ้าจึงไม่สำนึกถึงความยิ่งใหญ่ของอัลเลาะฮ์" (อัลกุรอาน 71/5-13)
-" และโดยแน่นอนเราได้ส่งนุห์มายังกลุ่มชนของเขา และเขาได้อยู่ร่วมกับพวกเขา หนึ่งพันปี ยกเว้นห้าสิบปี (950ปี)...." (อัลกุรอาน 29/14)
นบีนุห์(โนอาห์)ต่อเรือท่ามกลางเสียงเย้ยหยัน
"......กลุ่มชนของนุห์ได้ปฏิเสธ พวกเขาได้ปฏิเสธบ่าวของเรา โดยกล่าวว่า เขา(นุห์) เป็นคนบ้า และถูกข่มขู่"-
-" เขาจึงวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของเขาว่า แท้จริงฉันถูกพิชิตเสียแล้ว ได้โปรดช่วยเหลือฉันด้วย"-
(นักวิชาการกล่าวว่า นุห์ได้วิงวอนขอพรหลังจากที่เขาสิ้นหวังในการเชิญชวนพวกเขาอันเนื่องมาจากท่านถูกทำร้าย)
-" นุห์กล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน แท้จริงเขาได้ฝ่าฝืน และเชื่อฟังผู้มีทรัพย์สินของพวกเขา และลูกหลานของเขามิได้เพิ่มพูนอันใดแก่เขานอกจากการขาดทุน"-
-" และพวกเขาได้วางแผนร้านอันยิ่งใหญ่"-
-" และพวกขาได้กล่าวว่า พวกเจ้าอย่าได้ทอดทิ้งพระเจ้าทั้งหลายของพวกเจ้าเป็นอันขาด พวกเจ้าอย่าได้ทอดทิ้ง วัตต์ และสุวาอ์ และยาฆูษ และยะอู๊ก และนัซร์ เป็นอันขาด"-
(อัลกุรอาน 71/21-23)
" นามของเจว็ด(รูปเคารพ)ดังกล่าวนับเป็นเจว็ดที่สำคัญยิ่ง และเป็นที่เคารพสักการะอย่างกว้างขวางในสมัยนั้น..................
มิได้หมายความว่า เจว็ดเหล่านั้นตกทอดมาจนกระทั่งถึงชาวอาหรับ หากแต่ชาวอาหรับนำชื่อของเจว็ดเหล่านั้นมาเลียนตั้งให้กับเจว็ดของพวกเขา"
(นบีในอัลกุรอาน โดยสมานมาลีพันธุ์ น. 80)
-" และนุห์ได้กล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ขอพระองค์ทรงอย่างปล่อยให้ผู้ปฏิเสธศรัทธาหลงเหลืออยู่บนแผ่นดินนี้เลย"-
-" โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ขอพระองค์ทรงประทานอภัยโทษให้แก่ฉันและพ่อแม่ของฉัน และผู้ที่เข้ามาอยู่ในบ้านของฉันเป็นผู้ศรัทธา และบรรดาผู้ศรัทธาชาย และบรรดาผู้ศรัทธาหญิง และพระองค์อย่าได้เพิ่มอันใดแก่พวกอธรรมเหล่านั้น นอกจากความพินาศเท่านั้น"-
(อัลกุรอาน 71/26-28)
-"ดังนั้นขอพระองค์ทรงตัดสินระหว่างฉันกับพวกเขา (โดยยุติธรรมเถิด) และทรงโปรดช่วยฉัน และบรรดาผู้ที่อยู่ร่วมกับฉันให้รอดพ้นด้วยเถิด"-
(อัลกุรอาน 26/118)
-" ดังนั้น เราจึงโองการแก่เขาให้ต่อเรือ ภายใต้การดูแลของเราและคำสั่งของเรา และเมื่อคำบัญชาของเราได้มาถึงน้ำในเตาจึงเดือดพุ่ง (เพื่อเป็นสัญญาแก่นุห์ ถึงความหายนะของกลุ่มชนของเขา) เจ้าจงบรรทุกสัตว์ทุกชนิดเป็นคู่ๆ และครอบครัวของเจ้าด้วย นอกจากผู้ที่ดำรัสได้บันทึกไว้ก่อนแล้ว (ให้พินาศ) ในหมู่ของพวกเขา (ที่ไม่ยอมศรัทธา) และเจ้าอย่าได้ขอความช่วยเหลือจากข้า ต่อบรรดาผู้ที่อธรรมแท้จริงพวกเขาจะถูกให้จมน้ำตาย"-
(อัลกุรอาน 23/27)
-"และเขาได้สร้างเรือ และคราวใดที่บรรดาผู้นำจากกลุ่มชนของเขาผ่านมาทางเขา พวกเขาก็จะเย้ยเยาะเขา เขาก็กลาวว่า "หากพวกท่านเยาะเย้ยพวกเรา แท้จริงเราก็จะเยาะเย้ยพวกเจ้าเช่นเดียวกับที่ท่านเยาะเย้ย"-
-" แล้วพวกเจ้าก็จะรู้ว่า ผู้ใดที่การลงโทษอันอัปยศจะมายังเขา และการลงโทษอันยั่งยืนก็จะประสบแก่พวกเขาอย่างแน่นอน (คือ การจมน้ำและการตกนรกอีก)"-
-" จนกระทั่งคำบัญชาของเราได้มา และบนแผ่นดินน้ำได้พวบพุ่งขึ้น เรากล่าวว่า "จงบรรทุกไว้ในเรือ จากที่เป็นคู่ๆ และครอบครัวองเจ้า เว้นแต่ผู้ที่ดำรัสได้กำหนดแก่เขาไว้ก่อนและบรรดาผู้ที่ (ศรัทธาในพวกเขา) แต่ไม่มีผู้ศรัทธาร่วมกับเขา(นุห์) นอกจากจำนวนเล็กน้อย"-
(นักอธิบายอัลกุรอานกล่าวดังนี้ อิบนุอับบาส กล่าวว่า "มีจำนวน 80 คนรวมทั้งสตรีด้วย ท่านกะอัล กล่าวว่า "มีจำนวน 72 คน" บางท่านกล่าวว่ามีจำนวน 10 คน)
-" และเขากล่าวว่า "พวกเจ้าจงลงเรือด้วยนามของอัลเลาะฮ์ ทั้งในยามที่มันแล่นและในยามที่มันจอด แท้จริงพระผู้อภิบาลของฉันเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ"-
( อัลกุรอาน 11/38-41)
นุฮ์(โนอาห์)ในวันที่น้ำท่วมกับลูกชายที่ดื้อดึง
" ดังนั้น เราจึงได้เปิดประตูแห่งฟ้าให้น้ำเทลงมาอย่างหนัก "-
-" และเราได้ทำแผ่นดินแยกออกเป็นตาน้ำ ดังนั้น น้ำได้มาบรรจบกันตามคำสั่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว"-
-" และเราได้บรรทุกเขาไว้บนเรือที่ทำด้วยไม้กระดาน และตอกติดด้วยตะปู "-
-" มัน(เรือ) ได้แล่นไปต่อหน้าเรา (ภายใต้การคุ้มครองของเรา) เป็นการตอบแทนแก่บรรดาผู้ปฏิเสธ (พวกเขาต้องจมน้ำ) "-
(อัลกุรอาน 54/11-14)
-" และมันแล่นพาพวกเขาไปท่ามกลางลูกคลื่นเท่าภูเขา และนุห์ได้ร้องเรียกลูกชายของเขาซึ่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว "โอ้ลูกรักจงมาโดยสารเรือกับเราเถิด และเจ้าจงอย่าอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเลย"-
-" เขา (ลูกชาย) กล่าวว่า "ฉันจะไปอาศัยที่ภูเขาลูกหนึ่ง มันจะคุ้มครองฉันจากนำนี้ได้ (โดยคิดว่าน้ำคงท่วมไม่ถึงยอดเขาที่เขากำลังจะไปอาศัย)เขา(นุห์)กล่าวว่า "ไม่มีผู้ที่ใดคุ้มครองในวันนี้ให้พ้นพระบัญชาของอัลเลาะฮ์ได้ เว้นแต่ผู้ที่พระองค์ทรงเมตตาเท่านั้น " และคลื่นก็ได้ซัดระหว่างเขาทั้งสอง และปรากฏว่าเขา (ลูกชาย) ได้อยู่ในหมู่ผู้จมน้ำตาย "-
(อัลกุรอาน 11/41-43)
"เป็นเรื่องที่น่าคิดอยู่ว่า ทั้งที่พ่อเป็นผู้เผยแพร่สัจธรรม....แต่ลูกชายคนหนึ่งของท่านนบี นุห์ กลับปลีกตัวออกไปสู่ความเป็นผู้ทรยศ มีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับชื่อของลูกชายคนนี้ของท่าน ...... เช่น ในหนังสือ "ญะลาไลน์" ระบุชื่อ "กันอาน" ในหนังสือชื่อ "อัฏฏอบะรีย์" กับหนังสือ "อิบนิ กะษีร" ระบุว่าชื่อ "ยาม" เป็นต้น
สำหรับผู้เรียบเรียงเองนั้น ที่ปรากฏอยู่ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานว่า "ลูกชายคนหนึ่งของนุห์" นั้นเป็นการเพียงพอแล้ว"
(นบีในอัลกุรอาน เล่ม2 โดยสมาน มาลีพันธุ์ น. 98-99)
-" และนูห์ ได้ร้องต่อพระผู้อภิบาลของเดยกล่าวว่า "โอ้พระผู้อภิบาลของฉันแท้จริงลูกชายของฉันเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของฉัน และแท้จริงสัญญาของพระองค์นั้นเป็นความจริง และพระองค์เท่านั้นทรงตัดสินเที่ยงธรรมยิ่งในหมู่ผู้ตัดสินทั้งหลาย"-
-" พระองค์ตรัสว่า "โอ้นุห์เอ๋ย แท้จริง เขามิได้เป็นคนหนึ่งในครอบครัวเจ้า แท้จริงการกระทำของเขาไม่ดี ดังนั้นอย่าร้องเรียนต่อข้าในสิ่งที่เจ้าไม่รู้เลย แท้จริงข้าขอเตือนเจ้า ที่เจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้งมงาย"-
-" เขากล่าวว่า "โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน แท้จริงฉันขอความคุ้มครองจากพระองค์ท่าน ให้พ้นจากการเรียกร้องต่อพระองค์ท่าน ในสิ่งที่ฉันไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น และหากพระองค์ไม่ทรงอภัยและเมตตาแก่ฉันแล้ว ฉันก็จะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน"
(อัลกุรอาน 11/45-47)
-" แล้วเรา (อัลเลาะฮ์) ได้ช่วยเขาให้อยู่ในเรือที่เต็มเปี่ยม"-
-" แล้วเราให้ผู้ที่เหลืออยู่จมน้ำตาย"-
-" แท้จริงในการนี้ย่อม เป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน แต่พวกเขาส่วนมากไม่เป็นผู้ศรัทธา"-
-" แท้จริงพระผู้อภิบาลของเจ้านั้น พระองค์ทรงอำนาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ"-
(อัลกุรอาน 26/119-122)
บนีนุฮ์(โนอาห์) เมื่อวันที่น้ำลด(จากคัมภีร์อัลกุรอาน)
-" และได้มีเสียงกล่าวว่า "โอ้แผ่นดินเอ๋ย จงกลืนน้ำของเจ้า และโอ้ฟ้าเอ๋ยจงหยุด" และน้ำได้ลดลง และภารกิจได้ถูกตัดสิน และมันได้จอดเทียบที่ภูเขายูดีย์ (ใกล้เมือง อัลมูศิล(โมซูล) ในประเทศอิรัค ปัจจุบัน ) และได้มีเสียงกล่าวว่า "ความหายนะจงประสบแก่กลุ่มชนผู้อธรรมเถิด"-
(อัลกุรอาน 11/44)
-" ได้มีเสียงกล่าวว่า "โอ้ นุห์ เอ๋ย จงลงไป (จากเรือ ) ค้วยความสันติจากเราและความจำเริญแก่เจ้า และกลุ่มชนที่อยู่กับเจ้า และกลุ่มชนอื่นที่เราให้พวกเขาหลงระเริง แล้วการลงโทษอย่างเจ็บปวดจากเรา ก็ประสบแก่พวกเขา"-
(อัลกุรอาน 11/48)
-" แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณเตือนสติมากมาย และถึงแม้ว่าเราเป็นผู้ทดสอบปวงบ่าวของเราก็ตาม"-
(อัลกุรอาน 23/30)
-" เหล่านั้นคือส่วนหนึ่งของเรื่องราวอีนเร้นลับ ที่เราได้โองการมายังเจ้า (มูฮัมหมัด) เจ้าไม่รู้เรื่องนี้ และกลุ่มชนของเจ้าก็ไม่รู้มาก่อน ดังนั้น เจ้าจงอดทน แท้จริงบั้นปลายที่ดีนั้น จะประสบแก่บรรดาผู้นำเกรง"-
( อัลกุรอาน 11/49)
และนี่คือเรื่องราวของนบีนุห์จากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน