มนุษย์เราย่อมเคยได้รับสัมผัสแห่งความรัก มาตั้งแต่แรกเกิด จวบจนเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ผ่านช่วงชีวิตที่หลากหลาย ความรักที่มนุษย์สัมผัสนั้นจึงมีได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความรักที่ผสมผสานระหว่างอารมณ์ความรู้สึกระหว่างเสน่หา
รักอย่างไรให้ฮาลาลฉบับอิสลาม โดย อ.ยูซุฟ พงกาวี
มนุษย์เราย่อมเคยได้รับสัมผัสแห่งความรัก มาตั้งแต่แรกเกิด จวบจนเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ผ่านช่วงชีวิตที่หลากหลาย ความรักที่มนุษย์สัมผัสนั้นจึงมีได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความรักที่ผสมผสานระหว่างอารมณ์ความรู้สึกระหว่างเสน่หา ความใกล้ชิดสนิมสนม และความผูกพัน ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกทั้งสามนี้จะเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของความสัมพันธ์ รวมไปถึงประสบการณ์ของแต่ละบุคคล ที่ผ่านร้อนหนาวมาไม่เท่ากัน แต่ที่สำคัญที่สุดในอิสลามคือความรักนั้นถูกต้องตามหลักการหรือไม่… รักที่ฮาลาลเกิดขึ้นได้อย่างไร “อ.ยูซุฟ พงกาวี” คือผู้ที่จะมาให้คำตอบเรา
อ.ยูซุฟ กล่าวว่า “ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับความรักก่อน ความรักเป็นสิ่งสิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นแบบไหน แต่สิ่งที่เราพอจะรู้ได้คือ ความรักเป็นคือสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เราปรารถนา เวลาที่เรามีความรักแล้วเรามีความสุข นั่นคือความรัก แต่ถ้าเราย้อนไปดูว่าความรักในแต่ละข้อ เราก็ต้องมาแยกว่าความรักแบบไหนที่ศาสนาอนุญาต หรือไม่อนุญาต บางครั้งเราอาจจะรักตามอารมณ์ของเรา เช่น บางคนรักที่จะดื่มเหล้า บางคนรักภรรยาชาวบ้าน แต่สิ่งดังกล่าวนั้นอิสลามอนุญาตหรือไม่ ฉะนั้นเราก็ต้องมาแยกประเด็นว่ารักแบบไหนผิด รักแบบไหนไม่ผิด”
“ประเด็นแรก การรักครอบครัว คือความรักแบบบริสุทธิ์ เมื่อเรามีความรักที่เกิดขึ้นกับพ่อ แม่ หรือลูกแล้วมันเป็นความรักที่พร้อมจะมีแต่ให้ โดยไม่หวังอะไรตอบแทน เป็นรักที่บริสุทธิ์ที่สุดแล้ว แต่ถ้าหากว่าเราย้อนไปดูถึงเรื่องรักภรรยา คือรักที่ต้องการสิ่งตอบแทนโดยส่วนใหญ่ อยากจะให้ภรรยาเอาใจใส่เรา ทำอาหารให้เราทาน หรืออื่นๆ ถ้าเขาไม่ทำตามใจเรา เราก็อาจจะโมโหขึ้นบางทีโมโหรุนแรงจนกระทั่งพูดไปว่า ไปหาที่อื่นดีกว่า แต่ถ้ารักพ่อ รักแม่ รักลูก มันตัดไม่ได้ ถ้าจะเปรียบเทียบรักครอบครัวกับรักลูกกับรักภรรยามันเป็นความรักคนละแบบ ลูกจะเกเรอย่างไร ทำผิดขนาดไหนเราก็พร้อมให้อภัยตลอด เพราะเพียงอยากเห็นเขาไปอยู่ในสังคมที่ดี อยู่ในที่ที่ทุกคนยอมรับ นั่นคือความรักที่มีต่อลูก แต่ถ้ารักภรรยาบางครั้งมันยากต่อการที่จะให้อภัย มันเป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง หรือเป็นศักดิ์ศรี ความรักที่มีต่อภรรยาไม่ได้ต้องการให้ใครยอมรับภรรยาเรา แต่เราอยากจะยอมรับภรรยาเราด้วยการบริการเราดูแลเอาใจใส่เรา ดูแลสิ่งที่เป็นของเรา นี่จึงเป็นความรักคนละแบบ
ฉะนั้นตรงนี้เราจะต้องมาดูกันว่า รักที่อิสลามบอกว่ารักแบบไหนที่มันพอดี รักแล้วเราตามกิเลสไหม(นัฟซู) กิเลสที่อยู่กับตัวเรา บางทีทำให้เราผิดพลาดได้ กิเลสถ้าไม่ได้ดั่งใจมันก็จะแสดงสิ่งที่ไม่ดีออกมา แต่ถ้าหากว่าเราควบคุมมันได้ก็อัลฮัมดุลิลาห์”
การเอาใจใส่ดูแลคนที่เรารักในฉบับอิสลาม
“ย้อนไปดูในประวัติศาสตร์ การเอาใจใส่ดูแลคนที่เรารัก ถ้าพูดถึงภรรยา ท่านนบีจะโรแมนติก เวลาจะออกไปไหนมาไหน โดยปกติท่านนบีจะหอมภรรยาก่อนแล้วค่อยออกจากบ้าน เวลาจะเข้าบ้านก็เช่นกัน ครั้งหนึ่งเคยมีคนมาถามท่านหญิงอาอิชะห์ว่า สิ่งแรกที่ท่านนบีทำเวลาเข้าบ้านคืออะไร อาอิชะห์บอก นบีแปรงฟัน ก็เพราะเดี๋ยวจะต้องใกล้ชิดกับภรรยาต้องพูดคุยให้ภรรยารู้สึกถึงกลิ่นปากที่หอม นี่คือการให้เกียรติภรรยาของท่านนบี (ไม่ใช่คิดว่าเป็นภรรยาอย่างไรก็หนีไม่ไหนไม่รอดหรอกของตาย) ท่านนบีจึงสร้างแบบอย่างให้เห็น นี่คือสิ่งที่ท่านนบีหยิบยื่นให้ภรรยา และอีกหลายอย่างที่นบีบอกเกี่ยวกับคนที่เป็นสุภาพบุรุษ เวลารักภรรยาอย่าดัดภรรยาให้ตรง เพราะผู้หญิงถูกสร้างมาจากซี่โครงด้านซ้าย และเป็นสิ่งที่งอที่สุด นบียกตัวอย่างว่าถ้าเรารักภรรยาไม่ต้องดัดให้เขาตรง ถ้าตรงมันจะหัก ตามใจนางบ้าง คือบางครั้งเราอาจจะเข้มงวดกับนางเกินไป จะเอาให้ได้อย่างใจเราทุกอย่าง ไม่ได้ และอย่าปล่อยนาง นางจะเอาอะไรก็ตามใจ นางจะงออยู่อย่างนั้น ฉะนั้นเดินสายกลางเตือนนางบ้างยอมนางบ้าง และผู้หญิงเป็นคนที่เอาแต่ใจ อันนี้เราต้องเข้าใจธรรมชาติของผู้หญิง เราอย่าเอาเราเป็นเกณฑ์มาตรฐาน อะไรยอมได้ก็ยอม”
ความรักที่ไม่ถูกต้องตามหลักอิสลามและวิธีการหลีกเลี่ยงรักที่ไม่ถูกต้อง
“ความรักที่ผิดต่อหลักอิสลาม คือ รักตามอารมณ์ของเรา เช่น เรารักผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ศาสนาสอนว่าถ้าเราจะชอบผู้หญิงสักคน อิสลามส่งเสริมให้แต่งก่อนจีบ แต่ถ้าเราคบเขาไปโดยที่เรายังไม่ไปขอ ได้แต่คบไปวันๆ รักแบบนี้มีแต่บาป ถ้าเราแอบรัก แอบชอบไม่มีปัญหา แต่ถ้าเรารักแล้วไปไหนด้วยกันสองต่อสอง ไปทำกิจกรรมในสิ่งที่ศาสนาห้ามที่มันเกินเลยนำไปสู่การทำซินา ถือว่าเป็นบาป นี่คือความรักที่ผิดต่อหลักอิสลาม”
ความรักในอิสลาม ระหว่างหนุ่มสาวจะเกิดขึ้นไม่ได้นอกเสียจากว่าภายหลังสิ้นสุดเสียงแห่งการนิกาห์ “บาเราะกัลลอฮฺละกะ วะบาเราะกาอะลัยกะ วะญะมะอาบัยนะกุมาฟีลค็อยริ” (รายงานโดยอบูฮุรัยเราะฮ์ บันทึกโดย อะหฺหมัด ติรมีซีย์ และ อิบนุคุซัยมะฮ์ ) … และสิ้นสุดคำกล่าวอวยพรนี้แหละ ความรักของหนุ่มสาวอิสลามก็ได้เริ่มขึ้น !!!!
“หรือบางคนรักที่จะเล่นการพนัน คิดว่าเงินของเราไม่หนักหัวได้ใคร แบบนี้เป็นความรักที่ผิด หรือรักเกี่ยวกับยาเสพติด “สุรา ยาเมา การพนัน การเสี่ยงทาย ทำนายทายทัก เป็นสิ่งโสโครก” มาจากพวกชัยตอนมารร้าย เราต้องดูว่าความรักที่ผิดๆ มีเยอะ ถ้าเราขาดหลักการอิสลาม เราก็จะเอาตัวเราเป็นเสรี อยากเป็นตุ๊ด กระเทย เกย์ ทอม ดี้ ได้ตามใจ ซึ่งความรักแบบนี้ไม่ได้มันผิดต่อหลักการอิสลาม รักที่น่ากลัวคือรักที่เป็นตุ๊ด เป็นทอม หรือรักที่จะเป็นเพศที่ 3 ถือเป็นการทำลายสังคม แต่ถ้าถามว่าเราเป็นชายรักชาย ไม่รักหญิง รักแบบนี้ได้ไหม ตอบว่า ได้ เพราะหัวใจเราบังคับไม่ได้ แต่พฤติกรรมของเราจะเบี่ยงเบนไปไม่ได้ ท่านนบีบอกว่ามีอยู่สิ่งหนึ่งที่นบีขอต่ออัลลอฮฺว่า อัลลอฮฺอย่าเอาบาป คือหัวใจ “โอ้อัลลอฮฺอย่าเอาบาปกับฉัน ในสิ่งที่ฉันครอบครองไม่ได้ นั่นคือหัวใจ”
“พูดถึงเพศที่ 3 บุคคลเหล่านี้น่าสงสาร เมื่อเขาเกิดมาแล้วพ่อแม่อาจจะสอนเขาและไม่ได้ห้ามปรามเขา ทำให้เขาเข้าไปสู่วงจรนี้กลายเป็นรักเพศเดียวกัน ถามว่าเขาอยากเป็นอย่างนี้ไหม จริงๆ ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากเป็นแบบนั้น แต่วันนี้กิเลสมันนำหน้าอีหม่านเลยปล่อยตัวให้มันชนะอีหม่านของเขา โดยการปล่อยตัวอยู่กินกับเพศเดียวกัน ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากจะถูกสังคมต่อว่า คนเหล่านี้เป็นคนน่าสงสาร เราต้องช่วยเขา บางทีหญิงไปชอบหญิงคนหนึ่งก็มีคนว่า และไม่เข้าใจในตัวเขา เขาก็เลยเตลิด แต่ถ้าเราเอาหลักการเข้าไปบอกเขาว่าการที่คุณจะชอบผู้หญิงด้วยกันมันเป็นความชอบไม่สามารถห้ามได้ แต่วันนี้เราศรัทธาต่ออัลลอฮฺไหม เหมือนคนๆ หนึ่งอยากทำซินา แต่เราหักห้ามใจไว้ ไม่ทำซินาก็เพราะเรากลัวอัลลอฮฺ เช่นเดียวกัน เราเป็นชายชอบชาย ด้วยการเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ แต่ถ้าเรามีอัลลอฮฺเราก็จะห้ามตัวเองได้ให้ไม่ไปยุ่ง ถึงแม้ใจจะต้องการขนาดไหน ใจชอบ บนีบอกไม่มีบาปเพราะเราครอบครองหัวใจไม่ได้ ท่านนบีให้ขอขอดุอาอฺ
رَبَّنَالاَتُؤَاخِذْنَاإِننَّسِينَاأَوْأَخْطَأْنَا
“โอ้พระเจ้าของพวกเรา! โปรดอย่าเอาโทษแก่เราเลย หากพวกเราลืม หรือผิดพลาดไป” (ส่วนหนึ่งจาก อัลบากอเราะห์ :286)
ฝากถึงสังคมมุสลิม
“วันนี้เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เราไม่ได้เกิดมาเป็นมาลาอิกะห์จะได้ดี 100% และเราก็ไม่ได้เกิดมาเป็นชัยตอนจะได้เลวเต็ม 100% แต่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีทั้งดีและชั่วปะปนกันไป แต่อย่างน้อยให้เรามีความดีมากกว่าความชั่ว อะไรที่มันเป็นความชั่วความผิดที่เราทำลงไปเราก็หมั่นเตาบัตตัวสำนึกผิดอยู่ตลอดเวลา และพยายามออกห่างจากความชั่วนั้น รู้ว่ามนุษย์มีทั้งดีและชั่ว แต่ไม่ใช่ว่าทำดีก็ทำ แต่ชั่วก็ไม่ยอมเลิก อย่างนี้ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเราก็จะเป็นคนล้มเหลวในโลกอาคิเราะห์ ฉะนั้นอยากให้ทุกคนรักอัลลอฮฺ(ซบ.) รักรอซูล(ซ.ล.) แล้วรักให้สุดใจ ชีวิตของเราจะมีความสุขทั้งดุนยาและอาคิเราะห์”
ที่มา:ไทยมุสลิม