ทุกสิ่งมีจุดสุดยอด และสุดยอดของอัลกุรอานคือ ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ และในซูเราะห์นั้นมีฟอายะห์หนึ่งที่เป็นผู้นแห่งบรรดาอายะห์ของอัลกุรอาน นั่นคือ อายะห์กุรซียฺ
จุดสุดยอดของอัลกุรอาน คือ อายะกุรซียฺ
อายะกุรซียฺ
ท่านอะบีฮุรอยเราะฮ์ ร.ด. เล่าว่า ท่านนบี ซอลลออฮฺอาลัยวาซอลลัมกล่าวว่าทุกสิ่งมีจุดสุดยอด และสุดยอดของอัลกุรอานคือ ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ และในซูเราะห์นั้นมีฟอายะห์หนึ่งที่เป็นผู้นแห่งบรรดาอายะห์ของอัลกุรอาน นั่นคือ อายะห์กุรซียฺ (รายงานโดย ติรมีซี)
จากท่านอาลี ร.ด. ท่านรอซูล ซอลลลอฮฺอาลัยวาซอลลัม กล่าวว่า ผู้ใดอ่านอายะห์กุรซีย์เมื่อเสร็จจากละหมาดฟัรดูทุกครั้ง เขาไม่ถูกยับยั้งไม่ให้เข้าสวรรค์เมื่อเขาเสียชีวิตลง และผู้ใดอ่านอายะห์กุรซีย์ขณะที่เขาล้มตัวลงนอน พระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานาฮุวาตาอาลา จะทรงประทานความปลอดภัยแก่เขาภายในบ้านของเขา ภายในบ้านของเพื่อนบ้านของเขา และบ้านอื่นรอบๆ บ้านของเขา (รายงานโดยบัยฮะกี)
اللّهُ لاَ إِلَـهَ إِلاَّ هُوَ الْحَيُّ الْقَيُّومُ لاَ تَأْخُذُهُ سِنَةٌ وَلاَ نَوْمٌ لَّهُ مَا فِي السَّمَاوَاتِ وَمَا فِي الأَرْضِ مَن ذَا الَّذِي يَشْفَعُ عِنْدَهُ إِلاَّ بِإِذْنِهِ يَعْلَمُ مَا بَيْنَ أَيْدِيهِمْ وَمَا خَلْفَهُمْ وَلاَ يُحِيطُونَ بِشَيْءٍ مِّنْ عِلْمِهِ إِلاَّ بِمَا شَاء وَسِعَ كُرْسِيُّهُ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضَ وَلاَ يَؤُودُهُ حِفْظُهُمَا وَهُوَ الْعَلِيُّ الْعَظِيمُ 225
“อัลลอหุลาอิลาหะอิลลาหุวัลฮัยยุลก็อยยูม ลาตะคุซุฮู ซินาตนวฺ วาลาเนามฺ ลาหุมาฟิซซะมาวาติวามาฟิลอัรดิ มันงฺ ซัลลาซียัชฺฟาอุอินดาหุอิลลาบิอิซนิหฺ ยะอฺลามุมาบัยนาอัยดีหิมวามาค็อลฟาหุม วาลายูฮีตูวฺ นะบิชัยอิม มินอิลมิหฺ อิลลาบิมาชาอฺ วะซิอะกุรซียุหุซซามาวาติวัลอัรดฺ วะลายะอูดุหู ฮิฟซุหุมา วะหุวัลอะลียุลอาซีม”
255. อัลลอฮ์นั้น คือ ไม่มีผู้ที่เป็นที่เคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น ผู้ทรงมีชีวิต(*1*) ผุ้ทรงบริหารกิจการทั้งหลาย(*2*)โดยที่การง่วงนอน และการนอนหลับใด ๆ จะไม่เอาพระองค์(*3*) สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นของพระองค์ ใครเล่าคือผู้ที่จะขอความช่วยเหลือให้แก่ผู้อื่น ณ ที่พระองค์ได้ นอกจากด้วยอนุมัติของพระองค์เท่านั้น(*4*) พระองค์ทรงรู้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขา และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขา(*5*) และพวกเขาจะไม่ล้อมสิ่งใด(*6*) จากความรู้ของพระองค์ไว้ได้ นอกจากสิ่งที่พระองค์ประสงค์เท่านั้น(*7*) เก้าอี้พระองค์นั้นกว้างขวางทั่วชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน(*8*)และการรักษามันทั้งสองก็ไม่เป็นภาระหนักแก่พระองค์(*9*) และพระองค์นั้นคือผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิงใหญ่
(1) ทรงมีชีวิตอยู่ตลอดกาลโดยไม่มีกาลอวสาน
(2) ทั้งในฟากฟ้าและแผ่นดิน
(3) พระองค์ไม่ทรงง่วงนอน และนอนหลับ นั้นเอง แต่ที่พระองค์ทรงใช้สำนวนว่า “การง่วงนอน และการนอนหลับจะไม่เอาพระองค์” นั้นเป็นการเปรียบเทียบว่า การง่วงนอนก็ดี และการนอนหลับก็ดี ประหนึ่งสิ่งที่มีชีชิตและอิทธิพลสามารถทำให้ผู้คนง่วงนอนและนอนหลับได้ กระนั้นก็ดีมันจะไม่แตะต้องพระองค์
(4) นอกจากผู้ที่ได้รับอนุมัติจากพระองค์เท่านั้น
(5) ทรงรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาแล้ว และที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
(6) หมายถึงไม่สามารถล่วงรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใดจากความรอบรู้ของพระองค์ได้
(7) จะรู้ได้เฉพาะสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์จะให้รู้เท่านั้น
(8) หมายถึงว่าอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้ในทุกหนทุกแห่งทั้งในฟากฟ้าและพิภพ เพราะเมื่อเก้าอี้ของพระองค์กว้างใหญ่ทั่วชั้นฟ้าและแผ่นดินแล้ว สิ่งใดที่เกิดขึ้นในชั้นฟ้าและแผ่นดินจะเป็นที่ใดก็ตาม ก็ย่อมอยู่ในความรู้ของพระองค์ทั้งสิ้น
(9) ไม่เป็นการยากลำบากแก่พระองค์เลย แม้แต่นิดเดียว
กุรซียฺ - เก้าอี้ ซึ่งในเนื้อหาอายะฮฺนี้มีกล่าวถึงก กุรซี คือเก้าอี้ของอัลลอฮฺตะอาลา อันเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่อัลลอฮฺสร้างไว้ จึงเป็นชื่อของอายะฮฺนี้และเป็นที่รู้กันตั้งแต่สมัยท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
อิมามอิบนิกะษีรได้พูดถึงเรื่องนี้ไว้ว่า ท่านนบีได้ถามท่านอุบัยยฺว่า "อายะฮฺใดในอัลกุรอานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" อุบัยยฺก็ตอบว่า "อัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ย่อมรู้มากกว่า" ท่านนบีก็ถามย้ำหลายครั้ง อุบัยยฺจึงตอบว่า อายะตุลกุรซียฺ (ก็แสดงว่าอุบัยยฺรู้คำตอบตั้งแต่แรก แต่ไม่ตอบ อุละมาอฺกล่าวว่า เรื่องนี้แสดงถึงมารยาทระหว่างลูกศิษย์กับอาจารย์ว่า ไม่สมควรที่จะรีบตอบคำถามของอาจารย์ เพื่อให้เกียรติ,ไม่เป็นการโอ้อวดและไม่เสนอตัวกับความเสี่ยง(ต่อการแสดงความโง่เขลา) เป็นมารยาทของผู้แสวงหาความรู้คือให้ฟังมากกว่าพูด - สะลัฟท่านหนึ่งชื่อว่า อะฏออฺ ถูกถามว่าทำไมท่านไม่ค่อยพูดเลย ? เขาตอบว่า อัลลอฮฺให้ฉันมีสองหูและลิ้นเดียว เพื่อสอนฉันว่า จำนวนที่จะพูดเนี่ยให้เป็นครึ่งหนึ่งของเนื้อหาที่ฟังมา คือให้คัดเลือกสิ่งที่จะพูด ให้พูดน้อย
ด้วยมารยาท อุบัยยฺรู้คำตอบอยู่แล้วแต่ไม่ตอบ จนท่านนบีต้องถามหลายครั้งจึงได้ยอมตอบ ท่านนบีก็ได้สรรเสริญอุบัยยฺว่า "ขอแสดงความยินดีในความรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่ท่านมี โอ้อบุลมุนซิร" เพราะอุบัยยฺทราบคำตอบด้วยการวินิจฉัยเองอย่างลึกซึ้ง ซึ่งตรงกับความเป็นจริง ณ ที่อัลลอฮฺและที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮฺวะซัลลัม ตรงนี้อุละมาอฺได้บอกว่า ความรู้ที่แท้จริงคือความรู้ที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของอัลลอฮฺและร่อซูล แสดงว่าความรู้ที่ไม่สอดคล้องก็เป็นความรู้ที่ไม่แท้จริง
لِيَهْنِك الْعِلْم أَبَا الْمُنْذِر وَاَلَّذِي نَفْسِي بِيَدِهِ إِنَّ لَهَا لِسَانًا وَشَفَتَيْنِ تُقَدِّس الْمَلِك عِنْد سَاقَ الْعَرْش
ท่านนบี ได้ยึนยันในข้อวินิจฉัยของอุบัยยฺที่ว่า อายะตุลกุรซียฺประเสริฐที่สุด และท่านนบีได้ให้รางวัลโดยอธิบายเพิ่มเติมว่า อายะตุลกุรซียฺนั้นมีลิ้นและมีสองฝีปาก มันจะอยู่ในสภาพนั้นด้วยการสดุดีพระผู้ทรงอำนาจที่ขาพระบัลลังค์ของอัลลอฮฺ (จินตนาการของเราไม่สามารถถึงภาพที่แท้จริงชัดเจนได้ ท่านนบี หมายถึงว่าอายะตุลกุรซียฺมีความสามารถในการสดุดีอัลลอฮฺจริงๆ เช่นเดียวกับหะดีษที่มีเนื้อหาว่า ในวันกิยามะฮฺ เมื่อชาวสวรรค์เข้าสวรรค์แล้วและชาวนรกเข้านรกแล้ว อัลลอฮฺจะให้ความตายได้ปรากฏแก่ชาวสวรรค์และชาวนรก เสมือนเป็นแพะตัวหนึ่งและมันจะถูกเชือด และจะมีเสียงประกาศว่า โอ้ชาวสวรรค์ พวกท่านจะอยู่ตลอดกาล และชาวนรกก็อยู่ตลอดกาลเช่นกัน ไม่มีตาย
อายะตุลกุรซียฺให้ความคุ้มครองจากญิน
ญิน เป็นสิ่งเร้นลับที่มีโลกของมันเองเป็นเอกราช มนุษย์ไม่มีอิทธิพลต่อโลกของมัน ไม่สามารถจะเข้าไปแทรกแทรงได้ อัลกุรอานทั้งหมด(ทั้งเล่ม)คุ้มครองจากญิน แต่อัลลอฮฺตะอาลาให้อายะตุลกุรซียฺมีอำนาจในการเข้าไปจัดการโลกของญินได้ ถ้าอายะตุลกุรซียฺมีความสามารถขนาดนี้แสดงว่าอายะตุลกุรซียฺต้องมีความสามารถพิเศษในเรื่องอื่นด้วย
ญิน เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น เป็นสิ่งเร้นลับที่มีจริง ซึ่งอัลลอฮฺสร้างขึ้น (อ.ดิเรก ใช้คำว่า "อรูป" อธิบายลักษณะของญิน ในภาคผนวกของกุรอานมะญีด จึงถูกกล่าวหาว่าปฏิเสธญิน แต่ที่จริง อ.ดิเรกไม่ได้ปฏิเสธ เพราะมีหลักฐานยืนยันความเชื่อของท่านในเรื่องนี้) และอายะตุลกุรซียฺจะจัดการมันได้ แสดงว่าอายะตุลกุรซียฺมีความสามารถในการแก้ไขจัดการผลงานของญินที่มันทำกับมนุษย์ ญินทำอะไรกับมนุษย์ได้บ้าง? ในซูเราะฮฺอันนาสเราขอความคุ้มครองจากการกระซิบกระซาบของญิน ซึ่งเป็นความเลวร้ายของญินที่เรากลัวมากและเลวร้ายกว่าการที่ญินเข้าร่างกายมนุษย์ ญินมันกระซิบกระซาบแต่ไม่ได้บังคับ และในวันกิยามะฮฺหัวหน้าชัยฏอนจะบอกว่า วันนี้จบแล้ว สัญญาที่แท้จริงคืออัลลอฮฺ แต่ข้านั้นสัญญาเท็จ ข้าไม่มีอำนาจต่อพวกท่านเลย ข้าไม่ได้บังคับ ข้าเพียงแต่บอกพวกท่าน พวกท่านก็เชื่อข้า
อันตรายของการกระซิบกระซาบ คือ เมื่อมนุษย์เชื่อฟังและปฏิบัติตามมันโดยอาสา มันสามารถใช้งานมนุษย์ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินเดือน เช่น การแข่งขันกันเปิดเผยเอาเราะฮฺ ฯลฯ อันเป็นนโยบายของชัยฏอนตั้งแต่สมัยนบีอาดัม เมื่อครั้งที่ชัยฏอนล่อหลอกให้นบีอาดัมและนางเฮาวาอฺทำความผิดด้วยการกินจากต้นไม้ต้องห้ามและเปิดเผยเอาเราะฮฺ สังคมที่ทำตามนโยบายของมันก็ไม่มีความสงบสุขและไม่มีศีลธรรม ดังที่อัลลอฮฺได้เตือนลูกหลานอาดัมไว้ว่า
سورة الأعراف
) يَا بَنِي آَدَمَ لَا يَفْتِنَنَّكُمُ الشَّيْطَانُ كَمَا أَخْرَجَ أَبَوَيْكُمْ مِنَ الْجَنَّةِ يَنْزِعُ عَنْهُمَا لِبَاسَهُمَا لِيُرِيَهُمَا سَوْآَتِهِمَا إِنَّهُ يَرَاكُمْ هُوَ وَقَبِيلُهُ مِنْ حَيْثُ لَا تَرَوْنَهُمْ إِنَّا جَعَلْنَا الشَّيَاطِينَ أَوْلِيَاءَ لِلَّذِينَ لَا يُؤْمِنُونَ (27)
ลูกหลานของอาดัมเอ๋ย! จงอย่าให้ชัยฏอนหลอกลวงพวกเจ้า เช่นเดียวกับที่มันได้ให้พ่อแม่ของพวกเจ้าออกจากสวนสวรรค์มาแล้ว โดยที่มันได้ถอดเครื่องนุ่งห่มของเขาทั้งสองออกเพื่อที่จะให้เขาทั้งสองเห็นสิ่งที่น่าละอายของเขาทั้งสองแท้จริงทั้งมัน และเผ่าพันธุ์ของมันมองเห็นพวกเจ้าโดยที่พวกเจ้าไม่เห็นพวกมัน แท้จริงเราได้ให้บรรดาชัยฏอนเป็นเพื่อนกับบรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธา
ในการบันทึกของอิหม่ามบุคอรียฺ รายงานโดยท่านมุฮัมมัด อิบนุซีรีน (ตาบิอีน) ว่า ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ*รายงานว่า ท่านนบี มอบหมายให้ฉันรักษาซะกาตของเดือนรอมฎอน (แสดงว่าสมัยท่านนบี มีคลังเก็บซะกาต คือ ทรัพย์สิน พืช สัตว์ น้ำมันมะกอก ฯลฯ คือบัยตุ้ลม้าล) ก็มีผู้ที่มาผู้หนึ่ง แล้วก็เริ่มตัก อบูฮุร็อยเราะฮฺก็จับเขาไว้และว่า ฉันจะยกเรื่องนี้ถึงท่านนี้ ผู้นั้นก็กล่าวว่า ฉันเป็นคนลำบากยากจนมีลูกหลานมากมาย ปล่อยฉันไปเถอะ พอตื่นเช้าละหมาดกับนบี นบี ก็กล่าวกับอบูฮุร็อยเราะฮฺว่า เชลยที่ท่านจับเขาเมื่อคืนน่ะท่านได้ทำอะไรกับเขา อบูฮุร็อยเราะฮฺก็บอกว่า เขาบอกว่าเขายากจนมีลูกหลานมากมาย ฉันจึงปล่อยเขาไป นบี ก็บอกว่า ผู้นั้นน่ะโกหกและมันจะมาอีก อบูฮุร็อยเราะฮฺก็เชื่อว่ามันจะมาอีก คืนนั้นขณะที่อบูฮุร็อยเราะฮฺเฝ้าอยู่ ผู้นั้นก็มาอีก อบูฮุร็อยเราะฮฺจับได้และว่าเรื่องนี้จะต้องถึงท่านนบี ผู้นั้นก็บอกว่า ได้โปรดเถอะ ฉันน่ะยากจน มีครอบครัวต้องรับผิดชอบ ฉันจะไม่กลับมาอีกแล้ว สัญญา อบูฮุร็อยเราะฮฺสงสารจึงปล่อยไป พอเช้าท่านนบี ก็ถามถึงเชลยเมื่อคืนอีก ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺก็เล่าให้ฟัง ท่านนบีก็บอกว่าเขาโกหก และคืนที่สามมันก็มาอีก อบูฮุร็อยเราะฮฺจับไว้และว่า เรื่องนี้ต้องถึงท่านนบี นี่ครั้งที่สามแล้ว ทุกครั้งเจ้าก็บอกว่าจะไม่ทำอีก มันก็บอกว่า ปล่อยฉันและฉันจะสอนคำพูดที่เป็นประโยชน์ อัลลอฮฺจะให้แก่ท่าน อบูฮุร็อยเราะฮฺก็เชื่อถามว่า อะไรล่ะ มันก็บอกว่า เมื่อท่านจะนอนก็จงอ่านอายะตุลกุรซียฺจนจบ ท่านจะได้รับการคุ้มครองจากอัลลอฮฺตะอาลาตลอดไป ไม่มีชัยฏอนใดๆจะสามารถมาอยู่ใกล้ท่านจนถึงยามเช้า อบูหุร็อยเราะฮฺก็บอกว่า ความรู้เข้าท่า และปล่อยไป พอเช้าท่านนบี ถามว่า ขโมยเมื่อคืนทำอะไร อบูหุร็อยเราะฮฺก็บอกว่า โอ้ร่อซุล มันบอกว่าจะสอนอะไรดีๆและอัลลอฮฺจะให้เป็นประโยชน์แก่ท่าน ท่านนบี ก็ถามว่าอะไรล่ะ อบูฮุร็อยเราะฮฺบอกว่า มันบอกให้อ่านอายะตุลกุรซียฺแล้วอัลลอฮฺจะคุ้มครองทั้งคืน (บรรดาเศาะฮาบะฮฺเป็นผู้ที่แสวงหาความดีอย่างมากเหลือเกิน) ฉันจึงปล่อยมันไป ท่านนบี ก็บอกว่า คราวนี้มันพูดจริง แต่มันช่างโกหกเสียนี่กระไร โอ้อบูหุร็อยเราะฮฺท่านรู้ไหมว่าสามคืนน่ะท่านพูดกับใคร แท้จริงมันเป็นชัยฏอน
* อบูหุร็อยเราะฮฺเป็นคนที่ชอบศึกษา เขารับอิสลามปี ฮ.ศ.7 แสดงว่าอยู่กับท่านนบีประมาน 3 ปี เพราะท่านนบีเสียชีวิตต้นปีที่ 11 แต่ท่านอบูหุร็อยเราะฮฺอพยพมาจากเผ่าเด๊าซฺของเขามาหาท่านนบีที่มะดีนะฮฺเพื่อศึกษากับท่านนบี ไม่ได้ทำธุรกิจอะไร อยู่กับท่านนบีตลอด ตั้งใจฟังและท่องจำหะดีษของท่านนบี ครังหนึ่งเขาบ่นกับท่านนบีว่า โอ้ท่านนบีฉันฟังท่านแล้วลืม ท่านนบีก็บอกว่า เวลาท่านฟังฉันให้ท่านถอดเสื้อมาวางด้านหน้า เมื่อฟังเสร็จแล้วก็ใส่เสื้อ แล้วท่านจะไม่ลืม ปรากฏว่าในเวลาสามปีอบูหุร็อยเราะฮฺท่องจำหะดีษของท่านนบี 5,000 บท
ที่มา: มหัศจรรย์อัลกุรอ่าน