
ซูเราะห์อัลอันอาม ต่อจากญุซที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งที่พระองค์ทรงกล่าวไว้
สรุปความ อัล-กุรอาน ญุซที่ 8
ซูเราะห์อัลอันอาม ต่อจากญุซที่ผ่านมา ... ส่วนหนึ่งที่พระองค์ทรงกล่าวไว้ดังนี้ :-
____________________
อัลอันอาม : 112
____________________
อัลลออฮทรงกล่าว ว่า พระองค์ทรงให้นบีทุกคนนั้นมีศัตรู เป็นบรรดา มนุษย์ ชัยฏอน และญิน ... ซึ่งพวกมันจะกระซิบกระซาบ วางแผนกัน ... แต่อัลลอฮทรงกล่าวว่า หากพระองค์ไม่ทรงประสงค์ มันก็จะไม่เกิดขึ้นได้.. ดังนั้น ปล่อยพวกมันให้อยู่กับสิ่งที่อุปโลกน์ขึ้นมานั้นต่อไป
____________________
อัลอันอาม : 116
____________________
อัลลอฮทรงกล่าวแก่ท่านนบีมูฮัมหมัด(ซอลฯ) ว่า และหากเจ้าเชื่อฟังคนหมู่มากในแผ่นดินนี้แล้ว (ผู้ปฏิเสธ มีมาก กว่าผู้ศรัทธา) .. พวกเขาก็จะทำให้เจ้า หลงออกไปจากทางของอัลลอฮ.. พวกเขาจะไม่ปฏิบัติตาม นอกจากที่คิดเอง เออเอง เท่านั้น
____________________
อัลอันอาม : 118-119
____________________
และพระองค์ทรงกล่าว ว่าจงบริโภค สิ่งที่พระนามของพระองค์นั้น ถูกกล่าวบนมัน (บิสมิลละฮ...) .. และจงอย่าบริโภค สิ่งที่ไม่ได้ถูกกล่าวนั้น (เชือดโดยไม่ถูกต้องตามหลักชารีอัต)
ทั้งยังทรงกล่าว ว่า แท้จริงแล้ว มีผู้คนมากมาย ที่หลงผิด และทำให้ผู้อื่น หลงตามความใคร่ ใฝ่ต่ำของตน แท้จริงพระองค์ทรงรู้
____________________
อัลอันอาม : 120
____________________
และพระองค์ ยังทรงห้ามการทำกรรมบาป ทั้งในที่แจ้ง และในที่ลับ ... หากบุคคลใดแสวงหาการทำกรรมบาปนั้น แน่นอน เขาจะได้รับ การลงโทษ ตามสิ่งที่เขาขวนขวายไว้
____________________
อัลอันอาม : 122
____________________
จากนั้นพระองค์ยังทรงเปรียบ ว่า และผู้ที่ตายแล้ว จากนั้นพระองค์ทรงทำให้มีชีวิตขึ้นมา ทรงให้แสงสว่างแก่เขา เดินไปในหมู่คน จะเหมือนกับ คนที่มีแต่ความมืดมิด ไร้ทางออกใดๆ กระนั้นหรือ? ทำนองนั้นแหละ ผู้ปฏิเสธศรัทธา จะถูกประดับประดา ด้วยสิ่งที่กระทำ (คือ สิ่งที่ล้อมรอบพวกเขา ก็คือสิ่งที่เขาก่อ ที่เต็มไปด้วย บาป และความผิด)
(( อายัตนี้ถูกประทานลงมา ครั้งหนึ่ง ที่ อาบูญะฮัล ได้ขว้างสิ่งปฏิกูล ไปยังท่านนบีมูฮัมหมัด(ซอลฯ) .. เมื่อท่านฮัมซะฮ์ อิบนุ อับดุลมุฏฏอลิบ (ร.ฎ.) ลุงของท่านนบีรู้ จึงเกิดการโต้เถียงกันของทั้ง 2 ท่านฮัมซะฮ์ถึงกับชักคันธนูใส่
อาบูญะฮัลถาม .. เจ้าไม่เห็นหรือว่าเขานำอะไรมา ดูหมิ่นความคิดเรา ดูหมิ่นพระเจ้าของเรา และทำไม่เหมือนบรรพบุรุษของเรา
ท่านฮัมซะฮ์สวนกลับไป ว่า .. มันจะมีใครเขลาไปกว่าพวกเจ้าล่ะ?? กราบไหว้หินเป็นพระเจ้าเนี่ยนะ! ข้าขอปฏิญาณตน ว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ และไม่ตั้งภาคีใดๆต่อพระองค์ และมูฮัมหมัด คือรอซูล ของพระองค์
และอายัตนี้ ก็ถูกประทานลงมา เทียบบุคคล 2 คน ที่คนหนึ่งได้รับทางนำและจะได้รับรางวัล กับอีกคนที่โง่เขลา ไร้ซึ่งทางนำ มีแต่จะต้องเจอกับการลงโทษ ))
____________________
อัลอันอาม : 125
____________________
จากนั้น พระองค์ทรงกล่าวเปรียบเทียบ ว่าผู้ใด ที่พระองค์ทรงประสงค์นำทางเขา อก (หัวใจ) ของเขานั้นจะถูกเปิดออก รับอิสลามทางนำนี้ ... แต่ผู้ที่พระองค์ประสงค์จะปล่อยให้เขาอยู่ต่อไปในการหลงทาง พระองค์ก็จะทำให้ อก (หัวใจ) เขาคับแคบ อึดอัด... ประหนึ่งเขากำลังขึ้นสู่ฟากฟ้า
ทำนองนั้นแหละ ที่อัลลอฮทรงให้มีความ โส มม แก่บรรดาผู้ไม่ศรัทธา
(( อายัตนี้ มี 2 ประเด็น
1. ทางนำ นั้น เป็นของอัลลอฮ มาจากความเมตตาของพระองค์ ดังนั้น จะเห็นว่าบางคน เพียงคำพูดสั้นๆของเรา เขากลับตัวกลับใจทันที เพราะพระองค์ทรงเปิดใจ..
ในขณะที่บางคน ต่อให้กรอกหูนานแค่ไหน ก็ยังฝ่าฝืนทำต่อไป
แต่ไม่ใช่สิทธิของเราในการยกเลิก หรือหมดหวัง .. หน้าที่เราคือการ ตักเตือน บอกกล่าว เผยแพร่ และมอบหมาย ตะวักกัล เท่านั้น.. ส่วนเขาจะรับไม่รับ อัลลอฮนั้นเป็นผู้ทรงกำหนด
เช่นเดียวกับ หากเราเป็นผู้ถูกตักเตือน ก็จงฟังคำนั้น อย่าได้ตำหนิผู้ที่มาตักเตือน มิเช่นนั้นจะกลายเป็นว่า เราเอง ที่อัลลอฮไม่ทรงเปิดใจ (นาอูซุบิลลาฮ...)
2. อายัตนี้ เป็นวิทยาศาสตร์ ... อากาศในที่ยิ่งสูง ยิ่งเบาบาง และมันจะรู้สึกอึดอัด เหมือนหน้าอกกำลังถูกบีบ ... ซึ่งในอายัต ก็กล่าวว่า "พระองค์ก็จะทำให้ อก (หัวใจ) เขาคับแคบ อึดอัด... ประหนึ่งเขากำลังขึ้นสู่ฟากฟ้า "
เป็นหลักวิทยาศาสตร์ที่พระองค์ทรงเฉลยมาตั้งแต่ 1400 กว่าปีที่แล้ว ในยุคที่ยังไม่มีเครื่องมือใดๆของมนุษย์พิสูจน์ได้ ))
____________________
อัลอันอาม : 128
____________________
จากนั้นพระองค์ ทรงกล่าวกับพวกญิน ว่า โอ้บรรดาญินทั้งหลาย พวกเจ้าได้กระทำ (หลอกลวง) มนุษย์มากมาย ... และพระองค์ยังทรงกล่าว ว่า ทั้งพวกมัน และมนุษย์ที่หลงเชื่อ และกราบไหว้มัน จะเข้าสู่นรก ที่พำนักตลอดกาล
(( ญิน มี 2 จำพวก
1. ญิน มุสลิม ญินดี ผู้ศรัทธา นอบน้อมต่ออัลลอฮ .. ญินจำพวกนี้ ไม่ต่างจากเรา ทำการละหมาด อ่านกุรอ่าน ซิกรุลลอฮ มีชีวิตเพื่ออีบาดัตต่ออัลลอฮ เหมือนเรา
ญิน ก็เหมือนมนุษย์ เพียงแต่คนละภพ เราจะมองไม่เห็น ยกเว้นเพียงถ้าอัลลอฮทรงประสงค์ และพวกเขาก็มีการเข้ารับอิสลาม ดังเช่นที่เกิดขึ้น ในสมัยท่านนบีมูฮัมหมัด(ซอลฯ) ที่พวกเขาต่างพากันศรัทธา หลังจากได้ยินท่านอ่านอัลกุรอ่าน
2. ญิน กาฟิร ญินร้าย คือพวกที่คอยหลอกลวงมนุษย์ กระซิบกระซาบมนุษย์ ให้หลงผิด ฝ่าฝืนอัลลอฮ ญินพวกนี้มีหัวหน้าใหญ่คือ อิบลีส.... ใช่แล้ว กลุ่มนี้แหละที่เรารู้กันในชื่อ "ชัยฏอน"
และจำพวกที่ 2 นี่แหละ ที่คนเราเรียกว่า ผีหลอก วิญญานคนตาย หรืออะไร ที่บางคนเห็น ... เพราะวิญญาณนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ พระองค์ไม่ได้ทรงเผยความรู้นี้แก่ผู้ใด เว้นเพียงแต่เล็กน้อยเท่านั้น
ดังนั้น สิ่งที่เขาเห็น คือ ญิน หรือ ชัยฏอน แปลงกาย มาหลอกนั่นเอง ไม่ใช่วิญญาณคนแต่อย่างใด (หากกล่าวถึงวิญญาณ คนตาย พวกเขาอยู่ กับ มลาอีกัตมุนกัร และมลาอีกัตนากิร ในกุโบร์ ... จะเป็นไปได้อย่างไรที่ วิญญาณ .. จะหนีจากมลาอีกัตของอัลลอฮที่มีพละกำลังมากมาย อย่าง 2 ท่านนั้นได้ ?? ... วิญญาณมนุษย์เล็กๆนั้น ยิ่งใหญ่มากจากไหนกันเชียว?? ) ))
____________________
อัลอันอาม : 130
____________________
อัลลอฮยังทรงกล่าวต่อ ว่า บรรดาญินและมนุษย์ทั้งหลาย เราได้ส่งรอซูลมายังพวกเจ้าแล้วมิใช่หรือ? พวกเขาจะบอกเล่าแก่พวกเจ้าซึ่งโองการของข้า และตักเตือนพวกเจ้า ถึงวันนี้ (วันกียามัต) ..
____________________
อัลอันอาม : 132
____________________
พระองค์ยังทรงกล่าว ว่ามนุษย์นั้น มีหลายระดับชั้น ตามสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้ และอัลลอฮนั้น ไม่เคยเผลอไผล (มองข้าม แม้เพียงเล็กน้อย) ในสิ่งที่พวกเขากระทำไว้
____________________
อัลอันอาม : 136
____________________
จากนั้น อัลลอฮ จะทรงกล่าวถึง พวกผู้ตั้งภาคี
(( อธิบาย สำหรับบางคน ที่อาจจะยังไม่รู้
.. ภาคี หมายถึง เพื่อน
การตั้งภาคี หมายถึง ตั้งบุคคลหรือสิ่งใด เทียบเท่ากับอัลลอฮ ประหนึ่งว่า อัลลอฮนั้น เป็นเพียงพระเจ้า องค์หนึ่ง จากพระเจ้าหลายๆองค์
แต่ที่จริง อัลลอฮ เป็นพระเจ้าองค์เดียว และไม่มีพระเจ้าองค์ใดอีก พระองค์ผู้ทรงเอกะ หนึ่งเดียว
กลุ่มคนที่ตั้งภาคี กราบไหว้ อุปโลกน์พระเจ้าพวกนี้ขึ้นมา เรียกว่า ผู้ตั้งภาคี หรือ มุชรีกีน (ชีริก) นั่นเอง
ส่วนคนอีกกลุ่ม ปฏิเสธอัลลอฮ นั่นคือ กาฟิร หรือ กุฟฟาร ))
อัลลอฮทรงกล่าวว่าพวกนี้ นำพืชผลและปศุสัตว์ ที่ได้มานั้น นำมาบนบาน กราบไหว้ แก่พระเจ้า (ชื่อซูเราะฮ์นี้ อัลอันอาม -ปศุสัตว์- )
โดยแบ่ง ส่วนนึง กราบไหว้ อัลลอฮ
อีกส่วนนึง กราบไหว้ รูปปั้น เจว็ด เทวรูป พระเจ้าของพวกเขา
ส่วนที่เก็บไว้ กราบไหว้ อัลลอฮนั้น จะเอาไปบูชา เจว็ดได้
แต่ส่วนที่ไว้กราบไหว้ เจว็ดนั้น จะเอาไปบูชา กราบไหว้ อัลลอฮไม่ได้
การกระทำและความคิดพวกเขานี้แหละ เป็นสิ่งที่เลวทราม ชั่วร้ายยิ่ง
____________________
อัลอันอาม : 137
____________________
จากนั้น พระองค์ทรงกล่าวถึง พวกเขาอีก ว่า ญิน(กลุ่มชัยฏอน) นั้น จะหลอกพวกเขา (บอกพวกเขาว่า การมีลูกเยอะ ยิ่งเป็นภาระ โดยเฉพาะลูกสาว)
พวกนี้ จึงทำการ ฆ่า หรือฝัง ลูกตัวเอง ถ้าคลอดออกมาเป็นเด็กผู้หญิง
ชัยฏอน มันหลอกพวกเขา เพื่อจะทำลาย (วงศ์วาน ตระกูล) พวกเขา แต่พวกเขากลับหลงทาง ทำตาม เห็นดีเห็นงามด้วย
____________________
อัลอันอาม : 138-139
____________________
พวกเขาจะห้ามการกิน พืช หรือ ปศุสัตว์ (เช่น วัวตัวนี้ ฉันขอถวายแก่ (เจว็ด)พระเจ้าองค์นี้ๆ แล้ว ใครอย่าแตะมันเด็ดขาด) (เป็นสัตว์ ที่ถูกบนบาน หรือบูชายัญ เซ่นไหว้)
และพวกเขา จะไม่กล่าวพระนามของอัลลอฮ บนมัน (พืช หรือ ปศุสัตว์นั้น) พวกเขาอุปโลกน์ความเท็จขึ้น .. และแน่นอน อัลลอฮ จะทรงลงโทษผู้อุปโลกน์ความเท็จ อย่างสาสม
____________________
อัลอันอาม : 142
____________________
จากนั้น พระองค์ทรงกล่าว ว่า ในหมู่ปศุสัตว์นั้น อัลลอฮทรงบังเกิดมา ให้ใช้บรรทุก และ ให้เชือดพวกมัน .. จงบริโภค จากสิ่งที่อัลลอฮได้ทรงให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าเถิด
____________________
อัลอันอาม : 143-144
____________________
และพระองค์ยังกล่าว ถึงปศุสัตว์พวกนี้อีก ที่พวกตั้งภาคี บนบานแก่เจว็ด เทวรูป อุปโลกน์เป็นพระเจ้าของพวกเขา นั้น โดยปล่อยสัตว์พวกนั้น และห้ามใครทำร้าย หรือบริโภคมัน (เช่น บาฮีเราะฮ์ ซาอีบะฮ์ วาศีละฮ์ และฮาม ที่ได้อธิบายไปเมื่อวาน ญุซ 7)
อัลลอฮ กล่าวถึง สัตว์ 8 ตัว ( 4 คู่ )
แกะ 2 ตัว ตัวผู้ ตัวเมีย
แพะ 2 ตัว ตัวผู้ ตัวเมีย
อูฐ 2 ตัว ตัวผู้ ตัวเมีย
วัว 2 ตัว ตัวผู้ ตัวเมีย
รวมถึง ลูก ที่อยู่ในท้องพวกมัน
(( ที่พวกตั้งภาคีใช้บนบาน และห้ามใครทำร้ายมัน ทั้งๆที่อัลลอฮ ทรงอนุมัติให้บริโภคได้ เพราะพวกมัน คือปัจจัยยังชีพ ที่พระองค์ทรงมอบให้มนุษย์ ))
พวกนี้อุปโลกน์ความเท็จแก่อัลลอฮ และอัลลอฮ จะไม่ทรงนำทาง บรรดาผู้ที่อธรรม
____________________
อัลอันอาม : 145
____________________
พระองค์ยังกล่าว แก่ท่านนบีมูฮัมหมัด(ซอลฯ) ให้ท่านกล่าวแก่ผู้คนว่า ฉันไม่พบว่ามีโองการใด ห้ามการบริโภคมัน .. นอกจากว่าจะเป็น สัตว์ที่ตายเอง เลือดที่ไหลออก หรือเนื้อสุกร ... เหล่านี้ คือสิ่งละเมิด
____________________
อัลอันอาม : 151
____________________
จากนั้น พระองค์ทรงกล่าว ว่า จงอย่าตั้งภาคี
จงทำดีต่อผู้บังเกิดเกล้าทั้ง 2
จงอย่าฆ่าลูก เพราะกลัวความจน .. แท้จริง พระองค์คือผู้ทรงให้ปัจจัย
จงอย่าเข้าใกล้ บรรดาสิ่งชั่วร้าย ทั้งที่ลับ และที่แจ้ง
จงอย่าฆ่าชีวิต ที่อัลลอฮทรงห้ามไว้ นอกจาก สิทธิ อันชอบธรรมเท่านั้น
____________________
อัลอันอาม : 152
____________________
จงอย่าเข้าใกล้ทรัพย์สิน เด็กกำพร้า จนกว่าพวกเขาจะบรรลุวัยฉกรรจ์
จงตวงเครื่องชั่ง เครื่องตวงอย่างเที่ยงตรง
จงตัดสิน อย่างยุติธรรม แม้ว่าเขาจะเป็นญาติใกล้ชิดก็ตาม
จงปฏิบัติตาม สัญญาต่ออัลลอฮ เพื่อพวกเจ้า จะได้รำลึก
____________________
อัลอันอาม : 153
____________________
และพระองค์ทรงกล่าว ถึงอัลกุรอ่านนี้ ว่าเป็นคัมภีร์ ที่มีแต่ความจำเริญ บารอกัต ดังนั้น จงปฏิบัติตามเถิด และจงยำเกรง เพื่อว่าพวกเจ้า จะได้รับความเมตตา
____________________
อัลอันอาม : 157
____________________
ทั้งยังทรงกล่าวถึง บุคคลที่คัมภีร์ถูกประทานลงมาแล้ว แต่กลับปฏิเสธ และฝ่าฝืนมัน พระองค์จะทรงลงโทษพวกนี้ด้วยการลงโทษ อันชั่วช้า รุนแรง
____________________
อัลอันอาม : 160
____________________
จากนั้นอัลลอฮทรงกล่าวถึง ผลตอบแทนของผู้ประกอบกรรมทั้งดีชั่ว.. คนที่ทำ 1 ความดี พระองค์ ตอบแทนด้วย 10 เท่าความดีนั้น ... คนที่ทำ 1 ความชั่ว อัลลอฮก็จะลงโทษ 1 ความชั่วนั้น
(( คิดง่ายๆ
ทำดี 1 ได้ 10
ทำชั่ว 1 ได้ 1
หมายความว่า ต้องทำชั่ว 10 ครั้ง ถึงจะลบล้างความดี ที่ทำเพียง 1 ครั้ง
แต่เคยสงสัยมั้ยล่ะ .. ทำไมกลายเป็นว่า ชาวนรกนั้น มีมากกว่า ชาวสวรรค์ ?? .. ทั้งๆที่การเข้านรกนั้น ยากกว่า ... ต้องทำความชั่ว มากกว่าความดีถึง 10 เท่าเป็นอย่างน้อย ... แสดงว่า พวกเขา ต้องทำความชั่ว ฝ่าฝืนอัลลอฮ มากมายขนาดไหนกัน !!! ))
____________________
อัลอันอาม : 162
____________________
และอัลลอฮทรงให้ท่านนบีกล่าว ว่า "แท้จริง การละหมาดของฉัน การทำอีบาดัตของฉัน การมีชีวิตของฉัน และการตายของฉัน เพื่ออัลลอฮ ผู้ทรงเป็นพระเจ้า แห่งสากลโลก เท่านั้น
____________________
อัลอันอาม : 163
____________________
ไม่มีการตั้งภาคีใดๆต่อพระองค์ และด้วยสิ่งนั้นแหละข้าพระองค์ถูกใช้ และข้าพระองค์คือคนแรกในหมู่ผู้สวามิภักดิ์ทั้งหลาย
____________________
อัลอันอาม : 164
____________________
ฉันจะแสวงหาพระเจ้าอื่นๆนอกจากอัลลอฮกระนั้นหรือ ทั้งๆที่พระองค์ เป็นพระเจ้าของทุกสรรพสิ่ง
____________________
อัลอันอาม : 165
____________________
จากนั้น ในอายัตสุดท้ายซูเราะฮ์ อัลอันอามนี้ พระองค์ทรงกล่าวว่า พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ เป็นผู้ปกครอง ผู้สืบทอดในแผ่นดินนี้ (เหมือนที่ได้กล่าวแก่มลาอีกัต ใน ญุซ 1)
ให้พวกเขาบางคน มีระดับสูงกว่าพวกเขาบางคน (ด้วยทางนำและการศรัทธา) เพื่อทดสอบพวกเขาในสิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้ แท้จริง พระองค์นั้นเป็นผู้ทรงรวดเร็วในการลงโทษ .. เเละแท้จริง พระองค์ เป็นผู้ทรงอภัยโทษ ทรงเอ็นดู ทรงเมตตา
เข้าสู่ ซูเราะฮ์ ที่ 7 อัลอะอ์รอฟ (ยอดกำแพง)
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 3
____________________
พระองค์ทรงกล่าวถึง คัมภีร์ของพระองค์ ว่า พวกเจ้าจงปฏิบัติตามสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่พวกเจ้าจากพระเจ้าของพวกเจ้าเถิด และอย่าปฏิบัติตามบรรดาผู้คุ้มครองใดๆ อื่นจากพระองค์
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 4
____________________
จากนั้น พระองค์ทรงกล่าว กี่เมืองกี่มากน้อยแล้ว (ชาวเมืองในนั้น) ที่ถูกพระองค์ทรงทำลาย (เพราะความดื้อดึงนั้น)
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 6
____________________
อัลลอฮทรงถามบรรดา รอซูล ถึงหน้าที่ (เพื่อเป็นการให้มนุษย์ตระหนักถึงสัจธรรม และวันตอบแทน)
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 8
____________________
พระองค์ทรงพูดถึงตราชู ในวันพิพากษา ที่หากของใครหนัก พวกเขาเหล่านั้นแหละ ที่ได้รับความสำเร็จ
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 9
____________________
แต่หากของใครเบา พวกเขานั้น ก่อความขาดทุนด้วยตัวพวกเขาเอง เพราะไม่ได้ให้ความเป็นธรรม(ฝ่าฝืน) ต่อโองการของพระองค์
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 10
____________________
อัลลอฮทรงกล่าว ว่าพระองค์ ทรงประทานที่พำนักแก่มนุษย์ในแผ่นดินนี้ และมอบปัจจัยยังชีพมาให้ แต่ส่วนน้อยเท่านั้น ที่จะขอบคุณ ((วันนี้ เรากล่าว อัลฮัมดุลิลลาฮ รึยัง?))
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 11
____________________
จากนั้นจะเป็นเรื่องราวของท่านนบีอดัม(อ.ฮ.) บนสวรรค์ ในตอนที่พระองค์ทรงสร้างท่าน
พระองค์ทรงกล่าวว่า พระองค์ทรงสร้าง และทรงบังเกิดให้เป็นรูปร่าง และทรงกล่าวแก่บรรดามลาอีกัตว่า จงสุญูด ต่อ อดัม เถิด (มลาอีกัต ทั่วทั้งชั้นฟ้า และแผ่นดินทั้งหมด จำนวนมากมายนั้น ก็ปฏิบัติตามบัญชาของพระองค์)
แต่ (ญินตนหนึ่ง ที่ชื่อ) อิบลีส .. กลับไม่ทำ !
(( นักวิชาการมีความขัดแย้งกันเล็กน้อยเรื่องสถานะของ อิบลีส ว่าเป็น ญิน หรือ มลาอีกัต
แต่น้ำหนักส่วนใหญ่ กล่าวว่า เป็น ญิน ตามหลักฐานที่อัลลอฮทรงกล่าว
ตามรายงานของอิบนุ อับบาส (ร.ฎ.) ที่เล่าว่า อิบลีส มีชื่อเดิม คือ อาซาซีล อยู่ในหมู่มลาอีกัตที่มีเกียรติ มีปีก 4 ปีก .. แต่ภายหลัง เขาก็ได้สิ้นหวังลง (คำว่า อิบลีส มาจาก อับลาซา ที่แปลว่า สิ้นหวัง)
อิบลีส ก่อนที่จะเข้าสู่ด้านมืดนี้ เขาเป็นผู้ทำอีบาดัต ต่ออัลลอฮ อย่างมากมายมาก่อน จึงได้เป็น ทหารของอัลลอฮ
แต่ด้วย ความโอหัง (ที่จะกล่าวต่อไป) จึงทำให้ตกต่ำลง ))
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 12
____________________
อัลลอฮ จึงทรงตรัสถาม ว่าทำไมเจ้าถึงไม่สุญูด
อิบลีส กล่าวตอบว่า ข้านั้น ดีกว่าเขา พระองค์สร้างข้าจากไฟ และสร้างเขา จากดิน
(( มีประเด็นดังนี้
1. แน่นอน อิบลีส นั้น รู้ ว่า อัลลอฮ นั้น ทรงเป็นพระเจ้าผู้สร้าง มันไม่ปฏิเสธการสร้างนี้ แต่มันปฏิเสธบัญชาของพระองค์ (พูดตามหลักเตาฮีดคือ มีรูบูบียะฮ์ แต่ไม่มี อูลูฮียะฮ์ นั่นเอง)
2. จากตรงนี้ ทำให้เรารู้ว่า อิบลีส เป็น ญิน เพราะในส่วนอื่นของอัลกุรอ่าน อัลลอฮจะทรงกล่าว
ว่า ญิน ถูกสร้าง มาจาก ไฟ ซึ่งจะต่างจากมลาอีกัต ที่ถูกสร้าง มาจาก รัศมีบริสุทธิ์ (อย่าสับสนนะ คนละ ธาตุ กัน)
3. นี่เป็นการแสดงความโอหัง หยิ่งยโส ซึ่ง ความหยิ่ง ยโส นี่แหละ จะนำมันสู่นรกตลอดกาล เพียงเพราะตนคิดว่า ตัวเองดีกว่า (ดังนั้น ใครที่มีสิ่งนี้ในหัวใจ จงระวัง อิบลีส มันถูกสาปแช่ง เพราะสิ่งนี้) ))
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 13
____________________
อัลลอฮ จึงทรงบัญชา ไล่อิบลีส ลงจากสวรรค์ทันที และกล่าวว่า แท้จริง เจ้านั้น อยู่ในหมู่ผู้ต่ำต้อย
(( อัลลอฮทรงกล่าวสถานะของอิบลีส คือผู้ต่ำต้อย.. แสดงว่า ใครที่โดนชัยฏอนหลอกนี่ ต่ำต้อยของต่ำต้อย หรืออาจจะของต่ำต้อยอีก เลยละสิ! อัซตัฆฟิรุลลอฮ อย่าโอหัง บนโลกใบนี้เลย ))
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 14
____________________
อิบลีส (เมื่อรู้ว่าถูกไล่ออกจากสวรรค์แล้ว และรู้แล้วว่าปลายทางของตน คือ นรก มันจึงขอประวิงเวลา) กล่าวว่า โปรดประวิงเวลาข้า จนกว่าจะถึงวันแห่งการฟื้นคืนเถิด
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 15
____________________
พระองค์จึงอนุญาต
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 16-17
____________________
มันจึงกล่าวต่อว่า มัน (จะไม่เข้านรกคนเดียว) จะหลอกผู้คนให้หลงเชื่อมัน จะไปยังเบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องขวา เบื้องซ้าย ของบรรดาผู้คน และพระองค์จะพบว่า ส่วนมากของพวกเขานั้น จะไม่ขอบคุณ ((มีเพียงส่วนน้อยของมนุษย์ที่ศรัทธา และไม่หลงคำหลอกของชัยฏอน))
(( ตรงนี้มีประเด็น
อิบลีส นั้น ทำอีบาดัตมาตลอด ไม่เคยทำผิด .... แต่ด้วยการไม่เชื่อฟังอัลลอฮ เพียงครั้งเดียว ..พระองค์ ถึงกับกำหนด นรกให้มันเลย ?
มันก็ใช่ ที่คำตรัสของอัลลอฮนั้นยิ่งใหญ่ ใครฝ่าฝืน สมควรโดนลงโทษ ... แต่แล้วเราล่ะ .. เมื่อทำผิด อัลลอฮเปิดโอกาสให้เตาบัตแล้วเตาบัตอีก ไม่ตายซักที แต่เราก็ยังดื้อทำมะศียัตต่อไป
หรืออย่างท่านนบีอดัม(อ.ฮ.) ที่ประเดี๋ยวจะฝ่าฝืน คำสั่งของอัลลอฮ ท่านก็จะทำการเตาบัต อัลลอฮก็ทรงอภัยโทษ
แต่ ทำไมอิบลีส อัลลอฮไม่ให้โอกาสมันเลยล่ะ ?? แต่กลับ ได้ตั๋วเที่ยวเดียวไปทัวร์นรกเลย .. แถมจะไปลงหลัก ปักฐานในนั้นตลอดกาลอีก
เพราะ .. นี่คือ ความรู้ของอัลลอฮ .. ความรู้อันไม่มีที่สิ้นสุด ที่ไม่มีผู้ใดรู้เทียบเท่าพระองค์ได้ .
หลักฐานคือ หากพระองค์ จะส่งอิบลีสไปนรกตอนนั้น ก็ทำได้ แต่ไม่ .. พระองค์ทรงให้มันประวิงเวลา อยู่ได้ถึงวันกียามัต
และเป็นที่ประจักษ์ แก่มวลสรรพสิ่งแล้ว ว่าอิบลีสนั้น กู่ไม่กลับ ไม่เพียงแต่มันไม่เคยเตาบัต มันยิ่งทำชั่ว หลอกลวง สารพัด สร้างความฉิบหาย บนโลกใบนี้ ฝ่าฝืนทุกดำรัสของอัลลอฮ
ซึ่งการที่ปล่อยให้มันอยู่ ปล่อยให้ทำชั่ว ปล่อยให้คนอื่นเห็นมันทำชั่ว สิ่งนี้ อัลลอฮรู้อยู่แล้ว ว่ามันจะไม่มีทางสำนึกตัวแน่นอน
ย้อนกลับไปตอน ที่มันปฏิเสธการสุญูด และเหตุการณ์อื่นๆยังไม่เกิดขึ้น อัลลอฮที่ทรงรู้อยู่แล้ว ว่ามันจะเลือกเดินทางผิดนี้ จึงประกาศิตโทษ เป็นนรก ให้มันตอนนั้นเลย
การประวิงเวลา ให้มันได้อยู่ต่อบนโลกใบนี้ .. เพื่อแสดงให้ทุกสิ่งเห็นว่า .. มัน สมควร กับ โทษ ที่มันได้รับแค่ไหนนั่นเอง ))
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 19
____________________
จากนั้น ณ สวนสวรรค์ อัลลอฮทรงกล่าวแก่ท่านนบีอดัม(อ.ฮ.) และพระนางฮาวา ว่าจงบริโภค สิ่งใดก็ได้ ในสวนสวรรค์นี้ ยกเว้น จากต้นไม้ต้นนี้ (ต้นคุลดี) มิเช่นนั้น พวกเจ้า จะเป็นผู้อธรรม
(( ต้นไม้นี้ไม่ได้มีอะไร นี่เป็นเพียงการทดสอบของอัลลอฮ ว่า ถ้าอัลลอฮตรัสสั่งแล้ว เขาจะทำตามไหม
เสมือนกับบทบัญญัติของเรา ห้ามบริโภคสุกร ห้ามดื่มสุรา ผู้หญิงใส่ผ้าคลุม ถ้ามีใครถาม คำตอบข้อแรกที่ต้องตอบคือ มันคือดำรัส คำสั่งจากพระเจ้า .... ส่วนเหตุผลอื่นๆ ไปไว้ 2 3 4 ... ))
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 20
____________________
ชัยฏอน (อิบลีส) จึงเข้าไปหลอกพวกท่านทั้ง 2 ว่า ที่อัลลอฮไม่ให้กิน ไม่ใช่อะไร พระองค์กลัวพวกเจ้าเป็นอมตะ เป็นมลาอีกัต
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 21-22
____________________
ด้วยการหลอกลวงนี้ พวกท่านจึงได้ลิ้มรสผลไม้นั้น .. ครั้นเมื่อลิ้มรสแล้ว อวัยวะพึงสงวนของพวกท่านทั้ง 2 จึงปรากฏออกมา จนพวกท่าน ไปหาใบไม้แถวนั้น มาปิดไว้
อัลลอฮจึงทรงเรียกพวกท่านทั้ง 2 มากล่าวโทษ ว่า ข้ามิได้เตือนพวกเจ้าแล้วดอกหรือ ว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับต้นไม้นั้น? และมิได้เตือนอีกดอกหรือ ว่าชัยฏอน เป็นศัตรูที่ชัดแจ้ง ของพวกเจ้า 2 คน??
(( จึงเป็นที่มาของ 1 ในดุอามุสตะญาบ - ร็อบบานา ซอลัมนา .... - นั่นเอง ))
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 23
____________________
ท่านนบีอดัม(อ.ฮ.) จึงกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของพวกข้าพระองค์ แท้จริง พวกข้าพระองค์นั้น ได้ทำการอธรรม ต่อตัวพวกข้าพระองค์แล้ว และหากพระองค์ไม่ทรงอภัยโทษ และเมตตาพวกข้าพระองค์ ... พวกข้าพระองค์จะต้องกลายเป็นผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน
(( เอาจริงๆภาษาอาหรับง่ายกว่าเยอะ " พวกข้าพระองค์ " ใช้คำเดียว " นา " แต่พอแปลไทย มันเลยยาว ))
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 24-25
____________________
อัลลอฮจึงทรงบัญชา ให้พวกท่าน ลงไปยังบนโลก พระองค์ทรงกล่าว ว่า พระองค์ทรงเตรียมที่พำนักให้ .. จงใช้ชีวิต จนถึงเวลาหนึ่ง ... ณ แผ่นดินนั้นที่เจ้าจะอยู่ .... ณ แผ่นดินนั้นที่เจ้าจะตาย ... และจากแผ่นดินนั้นแหละ ที่เจ้าจะกลับออกมา (ฟื้นคืนชีพ)
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 26
____________________
อัลลอฮเตรียม แก่ลูกหลานอดัม ซึ่งเครื่องนุ่งห่ม ที่เอาไว้ปิดสิ่งที่ละอาย ... และเครื่องนุ่งห่มที่ดีที่สุด คือการยำเกรง
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 27
____________________
อัลลอฮทรงกล่าวแก่ลูกหลานอดัมอีก ว่าอย่าโดนชัยฏอนหลอก ดั่งที่พ่อแม่เจ้า (ท่านนบีอดัม(อ.ฮ.)และพระนางฮาวา) เคยโดน
ทั้งยังทรงกล่าวอีกว่า เผ่าพันธุ์ของมัน (ชัยฏอน) นั้น จะเห็นเผ่าพันธุ์ของท่าน (มนุษย์) แต่ตรงกันข้าม มนุษย์จะไม่เห็นชัยฏอน
(( มนุษย์ ถูกสร้างมาจาก ดิน ภพดิน สิ่งที่จับต้องได้
ญิน ถูกสร้างมาจาก ไฟ ภพไฟ ไม่เห็นกายหยาบ จับต้องไม่ได้ - นอกเสียจาก อัลลอฮจะทรงประสงค์ให้เห็น เพื่อทดสอบ บ่าวคนนั้น - และนอกจาก บรรดานบี ที่จะเห็นญินเหล่านี้ ))
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 31
____________________
พระองค์ยังทรงกล่าวอีก ว่าอย่าฟุ่มเฟือย แท้จริง พระองค์ไม่ชอบ บรรดาผู้ที่ฟุ่มเฟือย
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 38
____________________
จากนั้น พระองค์ทรงกล่าวถึง ผู้ปฏิเสธศรัทธา ที่ในวันกียามัต อัลลอฮ ทรงถามพวกเขา ถึงสิ่งที่พวกเขากราบไหว้บนโลกนี้ ไหนล่ะที่พวกเจ้าศรัทธา? พวกเขาจะตอบว่า สิ่งเหล่านั้นได้หายไปจากเราแล้ว ... ยืนยันถึงการปฏิเสธศรัทธา
แล้วพวกเขาจะถูกโยนลงไปในนรก ที่มีทั้งญิน และมนุษย์ ... และพวกเขา จะเจอคนรุ่นก่อนๆที่พวกเขาบูชาตาม พวกเขาก็จะฟ้องต่ออัลลอฮว่า... พวกนี้แหละ โอ้อัลลอฮ ที่ทำให้เราหลงผิด โปรดลงโทษพวกนั้นเป็น 2 เท่าด้วยเถิด ... อัลลอฮทรงตรัสว่า .. แต่ละกลุ่ม จะได้รับ 2 เท่า แต่พวกเจ้าไม่รู้
(( หลายคนอาจสงสัย ญิน มันถูกสร้างมาจากไฟ ญินในนรก คือกลุ่มชัยฏอนนั่นเอง แล้ว ไฟนรกจะทำอะไรมันได้หรือ
ง่ายๆ เราถูกสร้างมาจากดิน เวลาเราล้มกระแทกพื้นดิน เจ็บมั้ย .. แสบเลยล่ะ
ชัยฏอน ก็เหมือนกัน ถึงเป็นไฟ ก็ถูกไฟนรก แผดเผา เจ็บปวด แสนสาหัส เหมือนมนุษย์นั่นเอง ))
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 46
____________________
จากนั้น อัลลอฮทรงเล่าถึง กลุ่มคนที่อยู่บนกำแพง ( ชื่อซูเราะฮ์นี้ อัลอะอ์รอฟ - ยอดกำแพง - )
อัลลอฮทรงกล่าวว่า และระหว่างพวกเขานั้น มีกำแพงกั้น
(( ระหว่างสวรรค์ และนรกนั้น จะมีสถานที่หนึ่ง ซึ่งคนบนนั้น มีความดีความชั่ว เท่ากัน จึงยังไม่สามารถไปไหนได้ ))
และบนยอดสูงกำแพงนั้น มีชายกลุ่มหนึ่ง (คนกลุ่มหนึ่ง)
และพวกนี้จะเรียกชาวสวรรค์ โดยกล่าวว่า ขอความปลอดภัยจงมีแด่พวกท่านเถิด โดยที่พวกเขายังเข้ามิได้ แม้ว่าจะปราถนาอย่างแรงกล้า
(( อิบนุ มัสอู้ด (ร.ฎ.) กล่าวว่า (แต่สุดท้าย) พวกนี้ก็จะเข้าสวรรค์ โดยเข้าเป็นกลุ่มสุดท้าย )) นั่นเอง
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 50
____________________
จากนั้น อัลลอฮ ทรงกล่าวถึงชาวนรก ที่ช่วงเวลาหนึ่ง เขาจะเห็นชาวสวรรค์ และพวกเขา จะขอชาวสวรรค์ ให้ส่งน้ำลงมาหน่อย ... ชาวสวรรค์จะกล่าวว่า อัลลอฮสั่งห้ามเราทำเช่นนั้น
และพวกชาวนรก จะอยู่ภายในนั้น ภายใต้การครอบคลุม (เต็มไปด้วยควันไฟและความร้อน จนกลบพวกนี้จนมิด)
จากนั้น จะเป็นช่วงสุดท้าย ของญุซ นี้
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 59
____________________
พระองค์ทรงเล่า ถึง ท่านนบีนูฮ (อ.ฮ.) ที่พระองค์ทรงส่งท่าน ไปยังประชาชาติของท่าน
(( อธิบายเพิ่มเติม รายงานจากท่าน อิบนุ อับบาส (ร.ฎ.) ว่า ช่วงเวลาระหว่าง ท่านนบีอดัม (อ.ฮ.) กับท่านนบีนูฮ (อ.ฮ) นั้น 10 ศตวรรษ
เราจึงรู้ว่า ระหว่าง 2 ท่านนั้น ห่างกัน 1000 ปี (โดยประมาณ) ซึ่งช่วงนั้น มนุษย์ทั้งโลก ที่มีเพียงไม่กี่คนนั้น เป็นผู้ศรัทธา ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลา ของท่านนบีชีซ(อ.ฮ.) ลูกชายของท่านนบีอดัม(อ.ฮ.) หรือในช่วงเวลาของท่านนบี อิดรีส(อ.ฮ.) ที่เป็น เหลน ของ เหลน ของท่านนบีอดัม(อ.ฮ.) ก็ตาม [ชื่อท่าน นบีอิดรีส ตามคัมภีร์เตารอต คือ อีโนค หรือ อัคโนค]
แต่จากนั้น ชัยฎอน มันหลอกผู้คนสำเร็จ มันค่อยๆหลอก ให้ผู้คน อยากที่จะรำลึกถึง บรรพบุรุษ จึงปั้นรูปปั้นขึ้นมา เมื่อผันผ่านกาลเวลาไป ผู้คนยุคต่อมา ก็ถูกหลอกให้เข้าใจ ว่านี่ คือพระเจ้า และลัทธิ บูชารูปปั้น ก็เริ่มต้นขึ้น
ในยุคท่านนบีนูฮ (อ.ฮ.) ลัทธิบูชา เจว็ด รูปปั้น เทวรูปนี้ แพร่หลายไปทั่ว สร้างความเสื่อมเสียบนหน้าแผ่นดินอันมีเกียรตินี้ ของอัลลอฮ อย่างมากมาย ))
ท่านนบีนูฮ (อ.ฮ.) กล่าวกับ ประชาชาติของเขาว่า โอ้ประชาชาติของฉัน จงเคารพภักดีต่ออัลลอฮเถิด ไม่มีพระเจ้าอื่นใด สำหรับพวกท่าน นอกจากพระองค์เท่านั้น ... แท้จริง ฉันกลัวการลงโทษในวันอันยิ่งใหญ่ จะประสบกับพวกท่าน
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 60
____________________
แต่พวกนั้น กลับบอกว่า ท่านนบีนูฮ (อ.ฮ.) นั้นแหละ ที่อยู่ในทางหลงผิด
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 61
____________________
ท่านจึงกล่าวว่า ท่านไม่ได้หลงผิดใดๆ และท่าน เป็นศาสนฑูต (ที่ถูกส่งมา) จากพระเจ้าแห่งสากลโลก
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 64
____________________
แน่นอน พวกนั้น ปฏิเสธท่านนบีนูฮ (อ.ฮ.) พระองค์จึงลงโทษพวกนั้น ให้จมน้ำหายไป
(( รายละเอียดเรื่อง เหตุการณ์น้ำท่วมโลกนี้ อัลลอฮทรงกล่าวไว้ ในซูเราะฮ์อื่น อินชาอัลลอฮ เราจะอธิบายกันตอนนั้น ))
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 65
____________________
จากนั้น พระองค์ทรงเล่า ถึง ท่านนบีฮูด (อ.ฮ.) ที่พระองค์ทรงส่งท่าน ไปยังประชาชาติของท่าน คือ ชนเผ่าอ๊าด
(( ภายหลังชะล้างโลก เมื่อน้ำท่วมเหือดแห้ง ท่านนบีนูฮ (อ.ฮ.) เรียกว่า เป็นผู้เริ่มต้นศักราชใหม่ แห่งมวลมนุษยชาติ เพราะนอกจากผู้ศรัทธาที่มาด้วยกันแล้ว บนโลกนี้ ไม่มีมนุษย์ ซักคน
ท่านก็พาบรรดาผู้ศรัทธา ลงมา ลงหลักปักฐาน
ลูกชายของท่าน 3 คน
ซาม ( บรรพบุรุษมนุษย์ สายเซเมติก - รูปร่างใหญ่โต จมูกโด่ง คิ้วหนา - )
ฮาม ( บรรพบุรุษมนุษย์ สายเฮเมติก - ผิวคล้ำ - )
และยาฟัส ( บรรพบุรุษมนุษย์ สายอารยัน - ผิวขาว - )
ก็แยกย้ายกันไปตั้งถิ่นฐานตามที่ต่างๆ ทำให้มนุษย์ในยุคหลัง มีความแตกต่างกันไปตามภูมิภาค และทวีป
ภายหลังท่านนบีนูฮ (อ.ฮ.) เสียชีวิต รุ่นต่อๆมา ชัยฏอนก็ทำหน้าที่มันต่อ จนนำลัทธิบูชาเจว็ด กลับมาแพร่หลาย บนหน้าแผ่นดินนี้อีก
จนถึงยุคท่านนบี ฮูด (อ.ฮ.) ))
ท่านนบีฮูด (อ.ฮ.) กล่าวกับ ประชาชาติของเขา ( ชนเผ่า อ๊าด ) ว่า โอ้ประชาชาติของฉัน จงเคารพภักดีต่ออัลลอฮเถิด ไม่มีพระเจ้าอื่นใด สำหรับพวกท่าน นอกจากพระองค์เท่านั้น ... พวกท่าน ไม่ยำเกรง ดอกหรือ??
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 70
____________________
แน่นอนพวกเขาก็ปฏิเสธ (เว้นเสียแค่ส่วนน้อย) และกล่าวแก่ท่านนบีฮูด (อ.ฮ.) ว่า ท่านจะให้เราเคารพ ภักดีต่ออัลลอฮ เพียงองค์เดียว และจะให้เรา ทิ้ง สิ่งที่บรรพบุรุษเรากราบไหว้กันมาอย่างนั้นหรือ??
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 71
____________________
แน่นอน อัลลอฮก็ได้ทรงพิโรธ และทำลายกลุ่มชนนี้จนพินาศสิ้น (( รายละเอียดเหตุกาณ์ จะมีกล่าวในซูเราะฮ์อื่น อินชาอัลลอฮ ))
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 73
____________________
จากนั้นอัลลอฮทรงกล่าวถึง พวกชนเผ่าษะมูด (ประชาชาติที่มาหลัง อ๊าด) ที่พระองค์ทรงส่ง ท่านนบีซอลิฮ์ (อ.ฮ.) มาเป็นนบีของพวกเขา
(( ชนเผ่าษะมูด บูชาเจว็ด รูปปั้น มีทรัพย์สินมั่งคั่ง พวกเขาได้ท้าให้ท่านนบีซอลิฮ์ (อ.ฮ.) แสดงสิ่งที่จะทำให้พวกเขาศรัทธา
อัลลอฮ จึงทดสอบ ด้วยการให้มีอูฐ ตัวเมีย ตัวใหญ่ เดินออกมาจากหลังหิน ที่ว่างเปล่า ... นมของมัน เพียงพอต่อให้คนทั้งเมืองดื่มกิน ทุกวัน จนอิ่ม และไม่มีวันหมด ... แต่พระองค์ทรงสั่งห้ามใคร ทำร้ายอูฐตัวนี้ มิเช่นนั้น จะต้องพบกับความพิโรธของพระองค์ ))
ท่านนบีซอลิฮ์ (อ.ฮ.) กล่าวกับ ประชาชาติของเขาว่า โอ้ประชาชาติของฉัน จงเคารพภักดีต่ออัลลอฮเถิด ไม่มีพระเจ้าอื่นใด สำหรับพวกท่าน นอกจากพระองค์เท่านั้น ..
และอูฐตัวนี้ เป็นสัญญาณอันชัดเจนแล้ว
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 77-78
____________________
แต่พวกเขาละเมิดคำสั่ง สังหารอูฐตัวนั้น (( ตามช่วงเวลาคือ หลังจากที่อูฐตัวนี้ปรากฏออกมาหลายปีแล้ว แถมมันยังคลอดลูกอูฐ ออกมาด้วย 1 ตัว แต่ไม่วาย พวกนั้น ก็วิ่งไล่ จนสังหารลูกอูฐตัวนี้ได้เช่นกัน ))
และพวกนี้ท้าให้ท่านนบีซอลิฮ์ (อ.ฮ.) เอาสัญญาณจากอัลลอฮมา ... (หลังจากท่านนบีซอลิฮ์ (อ.ฮ.) และบรรดาผู้ศรัทธา หนีออกจากเมืองไปแล้ว) อัลลอฮก็ส่งการทำลายล้าง แผ่นดินไหว ทำลายประชาชาตินี้ไปจนสิ้น
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 80
____________________
จากนั้น อัลลอฮทรงเล่าเรื่องของท่านนบีลูฏ (อ.ฮ.) ที่ท่านกล่าวแก่ ชนเผ่าของท่านว่า พวกเจ้าจะกระทำความชั่ว เลวทรามนี้ ที่ไม่เคยมีผู้ใดก่อนหน้าเจ้า กระทำมาก่อนกระนั้นหรือ?
(( ชายสัมพันธ์ชาย หญิงสัมพันธ์หญิง ... จากคำพูดของท่านนบีลูฏ (อ.ฮ.) แสดงให้เห็นว่า เกย์ เลสเบี้ยน ครั้งแรกของโลก เกิดขึ้นที่นี่ ))
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 81
____________________
ท่านยังกล่าวแก่คนพวกนั้น ว่าแท้จริง พวกเจ้าสมสู่ชายกับชาย โดยไม่ใช่กับหญิง ยิ่งกว่านั้น พวกเจ้ายังละเมิดขอบเขตอีกด้วย
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 83
____________________
จากนั้น อัลลอฮทรงเล่าว่า ปรากฏว่า พวกนี้กลับไล่ท่านนบีลูฏ (อ.ฮ.) กับคนของท่าน (บรรดาผู้ศรัทธา) ออกไปจากเมือง และอัลลอฮก็ทรงช่วยเหลือ ให้พวกท่านออกไปสำเร็จ
ยกเว้น ภรรยาของท่าน (( ภรรยาของท่านนบีลูฏ (อ.ฮ.) ไม่ใช่ผู้ศรัทธา และนาง เป็นหนึ่งในคนพวกนี้ ))
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 84
____________________
จากนั้น พระองค์ก็ลงโทษพวกนั้น โดยให้ฝนตกลงมา (( และพลิกแผ่นดินจมหายไปทั้งเมือง นั่นเอง - ปัจจุบัน คือ ทะเลเดดซี - ))
____________________
อัลอะอ์รอฟ : 85
____________________
และสุดท้ายในญุซนี้ อัลลอฮทรงกล่าวถึง นบีชุอัยบ์ (อ.ฮ.) ที่พระองค์ทรงส่งมายังประชาชาติ (อัยกะฮ์) ณ เมืองมัดยัน
ท่านนบีชุอัยบ์ (อ.ฮ.) กล่าวกับ ประชาชาติของเขาว่า โอ้ประชาชาติของฉัน จงเคารพภักดีต่ออัลลอฮเถิด ไม่มีพระเจ้าอื่นใด สำหรับพวกท่าน นอกจากพระองค์เท่านั้น ..
จงเที่ยงธรรมในการตวงตาชั่ง (( ผู้คนในยุคนี้ มีแต่ความมั่งคั่ง ไม่เชื่อว่าอัลลอฮมีอยู่ จึงทำชั่วสารพัด ))
(( พวกนี้รังแกท่านนบีชุอัยบ์ (อ.ฮ.) ยึดทรัพย์ต่างๆ จนสุดท้าย อัลลอฮทรงลงโทษ เป็นฟ้าผ่า ระเบิดทำลายเมืองนี้จนสิ้นซาก ))
บทความที่น่าสนใจ