ถ้าหญิงกับชายชอบพอกันแล้วนัดพบกันเพื่อนั่งคุยจู๋จี๋กัน แต่ก็ไม่ได้นั่งชิดติดกัน ไม่ทราบว่ามีความผิดไหม และถ้าผิด ผิดอย่างไร แล้วทำไมถึงผิด?
ถ้าหญิงกับชายชอบพอกันแล้วนัดพบกันเพื่อนั่งคุยจู๋จี๋กัน แต่ก็ไม่ได้นั่งชิดติดกัน ไม่ทราบว่ามีความผิดไหม และถ้าผิด ผิดอย่างไร แล้วทำไมถึงผิด?
ตอบโดย อ.มุรีด ทิมะเสน
คำถามข้างต้นเป็นประเด็นดังนี้
ประเด็นแรก : การที่ชายหญิงชอบพอกันฉันแฟนถือว่า ไม่อนุญาตในทัศนะอิสลาม เพราะค่านิยมว่าด้วยเรื่องแฟนไม่มีในอิสลาม อีกทั้งอิสลามปฏิเสธค่านิยมดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง ที่มาของค่านิยมดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากค่านิยมและวัฒนธรรมของตะวันตกที่ใช้วิถีชีวิตแบบอิสรเสรี ไม่มีขอบเขตถือความคิดของตนเองเป็นใหญ่ซึ่งไม่ถูกครอบงำความคิดจากสิ่งใดแม้ว่าจะเป็นเรื่องของศาสนาก็ตามเมื่อเป็นค่านิยมของชาวตะวันตกซึ่งส่วนใหญ่เป็นยะฮูดีย์และนัศรอนีย์ท่าทีของมุสลิมจำเป็นจะต้องหลีกห่างจากแนวทางดังกล่าวอย่างไม่ต้องสงสัย
- ทำไมอิสลามไม่ให้มีระบบแฟน
- ผิดไหม ถ้าจะเป็นภรรยาคนที่ 2 เพื่ออิสลาม
- ทำไมแต่งงานกับอิสลาม ต้องเปลี่ยนศาสนา
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลใดที่เลียนแบบอื่นจากแนวทางของเรา ถือว่าไม่เป็นส่วนหนึ่งจากพวกเรา (หมายถึงไม่อยู่ในแนวทางของท่านนบี (ซ.ล.) และบรรดาเศาะหาบะฮฺ) และพวกท่านจงอย่าเลียนแบบพวกยะฮูดีย์และพวกนัศรอนีย์” (บันทึกโดยติรฺมิซีย์ หะดีษที่ 2619 บทว่าด้วยการขออนุญาตและมารยาท)
ประเด็นที่สอง : การนัดพบกันระหว่างชายหญิงที่ชื่นชอบเพื่อนั่งคุยจู๋จี๋กัน ถึงแม้ไม่ได้นั่งชิดติดกันถือว่า มีความผิดตามหลักการของศาสนา
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“พึงทราบเถิดไม่อนุญาตให้บุรุษกับสตรีอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เว้นแต่ชัยฏอนจะเป็นบุคคลที่สาม” (บันทึกโดยติรฺมิซีย์ หะดีษที่ 2091 บทว่าด้วยฟิตนะฮฺ, อะหฺมัด, อิบนุ หิบบาน และท่านหากิม
อีกหะดีษหนึ่งท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“ไม่อนุญาตให้บุรุษกับสตรีอยู่ด้วยกันสองต่อสองยกเว้นจะมีมะหฺร็อมอยู่ร่วมกับนางด้วย”
อนึ่งประเด็นการห้าม คือ การอยู่ด้วยกันสองต่อสอง หากไปไหนมาไหนด้วยกันสองต่อสอง ถึงแม้ว่าจะนั่งหรือเดินห่างกันก็ถือว่าต้องห้ามเช่นกัน
ส่วนกรณีการนั่งคุยจู๋จี๋กันในเชิงเกี้ยวพาราสี เช่นนี้ศาสนา ถือว่าเป็นการทำซินาทางหู
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“การทำซินาของมือคือการสัมผัส และการทำซินาของเท้าคือ การเดิน (ไปยังสถานที่ ๆ มีสิ่งยั่วยุกามารมย์) และการทำซินาของหูคือการฟัง (สิ่งลามก)” (บันทึกโดยบุคอรีย์, มุสลิม และอบู ดาวูด)
อนึ่ง นางอุมเราะฮฺ บุตรสาวของอับดุรฺเราะหฺมานเล่าว่าฉันได้ยินท่านหญิงอาอิชะฮฺ กล่าวว่า
“หากท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) เห็นพฤติกรรมของสตรีในปัจจุบันนี้ ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) จะต้องห้ามพวกนางมามัสญิดอย่างแน่นอน เฉกเช่นสตรีของบนีอิสรออีลที่เคยถูกห้ามมาแล้ว มีผู้กล่าวถามนางอุมเราะฮฺว่าสตรีบนีอิสรออีลถูกห้ามมาสถานที่สักการะกระนั้นหรือนางตอบว่า ใช่แล้ว” (บันทึกโดยมุสลิม)
ประเด็นอยู่ที่การเดินมาละหมาดที่มัสญิดของสตรี ศาสนายังไม่ส่งเสริมให้กระทำเลยทั้งที่นางเดินมากระทำความดี สำมะหาอะไรกับสตรีที่เดินไปไหนมาไหนหรือนั่งคุยจู๋จี๋กับผู้ชายที่แต่งงานกันได้จะไม่ เป็นที่ต้องห้าม