• “สำนักข่าวอันดับหนึ่งของมุสลิมไทย”

ห้ามนอนหลังกินข้าวเสร็จ ท่านนบีบอกไว้ 1,400 ปี แพทย์ยังเห็นด้วย

  • 3676

เรื่องราวคำสอนของท่านนบีมูฮำหมัด (ซล) เมื่อ 1,400 กว่าปีที่แล้ว เกี่ยวกับการห้ามนอนหลับทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ

ห้ามนอนหลังกินข้าวเสร็จ ท่านนบีบอกไว้ 1,400 ปี แพทย์ยังเห็นด้วย

เรื่องราวคำสอนของท่านนบีมูฮำหมัด (ซ.ล.) เมื่อ 1,400 กว่าปีที่แล้ว เกี่ยวกับการห้ามนอนหลับทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ

ซึ่งปัจจุบันทางการแพทย์ ได้ค้นพบแล้วว่า ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายเป็นอย่างมาก และจะเป็นอันตรายในรูปแบบไหนบ้าง เรามาดูคำตอบพร้อมๆกันเลย

สำหรับอิสลามแล้ว อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ส่งท่านนบีมูฮำหมัด มาเพื่อเป็นบุรุษต้นแบบที่ดีที่สุดในโลก ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านได้ทำ ถือว่า เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชาติอิสลามทุกคน รวมไปถึงอาหารการกินก็เช่นกัน นอกจากนี้ ท่านนบีมูฮำหมัด (ซ.ล.) ก็ได้สั่งห้ามไม่ให้นอนหลับทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ

ตามฮาดิษของท่านนบีมูฮำหมัด (ซ.ล.) ได้กล่าวไว้ ความว่า “อย่านอนทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เพราะจะทำให้หัวใจของคุณแข็งกระด้าง” ( H.R. Abbu Nua’im, จาก Aisyah, ra )

จากฮาดิษข้างต้น ซึ่งได้สอดคล้องกับทางการแพทย์ในปัจจุบัน ที่ได้วิจัยเกี่ยวกับผลกระทบหลังจากการนอนหลับทันทีหลังรับประทานอาหารเสร็จ เพราะมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคตามต่างๆ ตามมา อย่างเช่น

ห้ามนอนหลังกินข้าวเสร็จ ท่านนบีบอกไว้ 1,400 ปี แพทย์ยังเห็นด้วย

1. มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัมพฤษ์หรืออัมพาต

การนอนหลับทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัมพฤกษ์หรืออัมพาต ซึ่งจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศกรีซ (University of Ioannina Medical School di Yunani) ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับกลุ่มคนตัวอย่างประมาณ 500 คน ระหว่างคนที่นอนหลับทันทีหลังจากรับประทานอาหารและคนที่ไม่นอนหลับทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ผลปรากฏว่าคนที่ไม่ได้นอนหลับทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าในการเป็นโรคอัมพฤกษ์หรืออัมพาตเมื่อเทียบกับคนที่นอนหลับทันทีหลังจากรับประทานอาหาร

2. โรคกรดไหลย้อน

โดยนายแพทย์ธวัช ได้กล่าวว่า การนอนหลังจากรับประทานอาหารทันทีนั้น เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคกรดไหลย้อน ซึ่งปัจจุบันพบว่าประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม ยุโรป อเมริกา สิงคโปร์จะพบอุบัติการณ์การเกิดโรคกรดไหลย้อนเพิ่มสูงขึ้นโดยตัวเลขกลุ่มประเทศตะวันตก มีมากถึง 11.8-28.5%  เอเซีย 3.3-16% ซึ่งจะพบมากในคนสิงคโปร์

ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเป็นกรดไหลย้อน ควรหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ด้วยไม่นอนหลับทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เราควรเว้นระยะห่างสักประมาณ 3 ชั่วโมง

3. ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

นอกจากจะทำให้เป็นกรดไหลย้อนหรือโรคอัมพฤษ์หรืออัมพาตแล้วก็ยังทำให้อ้วนอีกต่างหาก เนื่องจากเมื่อเรารับประทานอาหารเสร็จ ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารเข้าไปจำนวนมาก และเป็นช่วงเวลาที่กระเพาะและระบบย่อยอาหารกำลังทำงานหนักในช่วงเวลาที่ร่างกายกำลังได้รับการพักผ่อน

ด้วยเหตุนี้จะส่งผลกระทบให้ร่างกายไม่ได้เผาผลาญพลังงาน ทำให้ระดับแคลอรี่ในร่างกายสูงขึ้น และทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นเพิ่มน้ำหนักตัวหรือเรียกจะเรียกว่าอ้วนก็ได้ ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นคือ เมื่ออ้วนแล้วจะเรียกโรคมาเร็วมาก

4. รู้สึกร้อนที่อก

นอนหลับทันทีหลังรับประทานอาหารเสร็จอาจทำให้รู้สึกดีในตอนแรก แต่ในขณะที่ร่างกายกำลังพักผ่อนและระบบย่อยอาหารก็ทำงานหนัก ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเป็นแผลในกระเพาะอาหารที่เกิดจากกรดในกระเพาะส่วนเกินและก่อให้เกิดความร้อนที่การกระจายจากหน้าท้องไปยังทรวงอกและบางครั้งก็อาจจะกระจายไปถึงลำคอ จนทำให้เกิดรู้สึกร้อนที่อกได้ในที่สุด

5. เกิดลมในกระเพาะอาหาร

เนื่องจากจะทำให้อาหารที่รับประทานเข้าไปไม่สามารถย่อยได้ง่าย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดโรคติดเชื้อและเกิดลมในกระเพาะอาหารได้เช่นกัน

เห็นแล้วใช่ไหมว่า สิ่งที่ท่านนบีได้เตือนไว้เมื่อ 1,400 กว่าปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับผลการวิจัยในปัจจุบันแล้ว เห็นผลได้ชัด เพราะทุกสิ่งที่ท่านนบีได้บอกไว้จะมีประโยชน์แก่ตัวเราอย่างแน่นอน แม้กระทั่งการสั่งห้ามไม่ให้นอนหลับทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ นั่นแสดงว่าเป็นการปกป้องหรือป้องกันความเสี่ยงให้กับตัวเรานั่นเอง

สำหรับอิสลามแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ศาสนาได้บอกไว้ ย่อมสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่สั่งให้ทำจะส่งผลดีต่อตัวเรา และสิ่งที่ห้ามทำก็เป็นการป้องกันจากความเสี่ยงต่างๆ

อย่างไรก็ตามทั้งหมดทั้งมวล อัลลอฮฺ (ซ.บ.) เท่านั้นเป็นผู้กำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง และการมีสุขภาพดีหรือห่างไกลจากโรค อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ก็เป็นความประสงค์ของ อัลลอฮฺ (ซ.บ.)ทั้งหมด ที่สำคัญเราอย่าลืมดูแลสุขภาพของเราเองและครอบครัว พร้อมทำการดุอาอฺให้มีสุขภาพที่ดีตลอดไปนะ อินชาอัลลอฮฺ

เรียบเรียงโดย Fateemoh / Beritamuslimmag.com

เรื่องในหมวดเดียวกัน