
ชนชาติยิว (ชาวยิว) เป็นผู้สมควรอย่างยิ่งที่จะต้อง ปฏิบัติตามท่านนบีมูฮัมหม้ด (ซอล) ขณะที่ท่านได้รับแต่งตั้ง ให้เป็นเราะซูล
เมื่อชนชาติยิว ปฏิเสธศาสดามูฮัมหมัด (ซอล.)
ชนชาติยิว (ชาวยิว) เป็นผู้สมควรอย่างยิ่งที่จะต้อง ปฏิบัติตามท่านนบีมูฮัมหม้ด (ซอล.) ขณะที่ท่านได้รับแต่งตั้ง ให้เป็นเราะซูล เพราะพวกเขา รู้ดีว่าการมาปรากฏ ของนบีท่านสุดท้าย ตามคำกล่าวในคัมภีร์ของชาวยิวใกล้เข้ามาแล้ว ซึ่งพวกเขารู้ลักษณะต่างๆ ของท่านเราะซูลเป็นอย่างดี แต่เมื่อปรากฏว่ าเราะซูลนั้นมิใช่บุคคลที่มาจากชนชาวยิว พวกเขาจึงปฏิเสธ ไม่ยอมเข้ารับศาสนาของมูฮัมหม้ด (ซอล.) และได้ปกปิดความจริงที่รู้มา เพราะความอิจฉาริษยาที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแค่ การปกปิดความจริงเท่านั้น พวกเขายังเบี่ยงเบนประเด็นข้อเท็จจริง ขณะที่ พวกกุเรชถามผู้นำของยิวบางคน ถึงความเกี่ยวข้องของพวกเขา กับท่านนบีมูฮัมหม้ด (ซอล.) เขาตอบว่า :
"พวกท่านดีกว่า และอยู่ในแนวทางที่เที่ยงตรงกว่า มูฮัมหม้ด (ซอล.)"
อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จึงได้ประทานอายะฮ์นี้ ลงมาว่า :
"เจ้า (มูฮัมหม้ด (ซอล.)) มิได้เห็นบรรดา ผู้ที่ได้รับส่วนหนึ่งจากคัมภีร์หรอกหรือ ? โดยที่พวกเขาศรัทธาต่อ อัลญิบติ (เจว็ด) และ อัฏฏอฆู๊ต (ชัยฎอน หรือทุกสิ่งที่ถูกเคารพกราบไหว้ ที่ไม่ใช่อัลลอฮ์) และกล่าวกับ บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาว่า พวกเขาเหล่านี้แหละ เป็นผู้อยู่ในแนวทางที่เที่ยงตรง กว่าบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย" (อันนิซาอ์ 4 : 51)
พวกเขาได้ยื่นคำถาม ให้พวกกุเรชถามท่านนบีมูฮัมหม้ด (ซอล.) เพื่อสร้างความอึดอัดใจให้แก่ท่านนบีมูฮัมหม้ด (ซอล.) และเมื่อท่านเราะซูล เดินทางมาถึงเมืองมะดีนะฮ์ ท่านได้แสดงความสุภาพอ่อนโยน เอ็นดู เมตตา สงสารต่อชาวยิวอย่างเปิดเผย และปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดี และเปิดกว้าง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุผลสำเร็จ ท่านเราะซูล ได้เซ็นสัญญาสงบศึกกับชาวยิว ชาวยิวที่เซ็นสัญญาก็เพื่อให้อยู่รอดในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ภายในหัวใจนั้น พวกเขารอคอยโอกาสและหาช่องทาง ที่จะขจัดมุสลิมให้หมดสิ้นไปจาก เมืองมะดีนะฮ์ ชนชาติยิวได้แสดงออกถึงความอิจฉาริษยาต่ออิสลาม และบรรดามุสลิมด้วยรูปแบบต่างๆ เช่น การดูถูกเหยียดหยาม การเยาะเย้ย สร้างความคลุมเครือ และความสงสัยให้เกิดขึ้น พยายามปลุกความเป็นพรรคพวกนิยม ระหว่างชาวอาหรับที่เมืองมะดีนะฮ์ขึ้นมาใหม่ และสนับสนุนให้มี ขบวนการตีสองหน้า (นิฟ๊าก) โดยที่ มีบางคนเข้ารับอิสลาม เพื่อโกหกและหลอกลวง แล้วออกมาจากอิสลาม เพื่อสร้างความสงสัยให้เกิดแก่ ผู้คนต่อศาสนาของอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
ดังที่ อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงกล่าวถึง พวกนั้นไว้ว่า :
และ กลุ่มหนึ่ง จากหมู่ชนที่ได้รับคัมภีร์ กล่าวว่า : "ท่านทั้งหลายจงศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกประทานลงมา แก่บรรดาผู้ที่ศรัทธาในตอนเริ่มต้นของกลางวัน (เช้าตรู่) และจงปฏิเสธศรัทธาในช่วงสุดท้ายของวัน (เย็น) เพื่อพวกเขาจะได้กลับใจ" ( อาละอิมรอน 3 : 72 )
แต่ท่านเราะซูล ยังคงยึดมั่นอยู่กับสัญญาที่ทำไว้กับชาวยิวจนการละเมิด กลายมาเป็นการเผชิญหน้ากันอย่างโจ่งแจ้ง และในที่สุดชนชาติยิวได้ทำผิดสัญญาที่ทำไว้ และท่าทีของท่านร่อซูล ที่มีต่อชาวยิว สามกลุ่ม ที่ได้ทำผิดสัญญา
วงศ์วานของยิว กอยนุก็ออ์
ชัยชนะของมุสลิมที่ได้รับ ในสงครามบัดร์ ได้สร้างความเจ็บปวดขึ้นในหัวใจของชาวยิว ที่อยากจะให้มุสลิมได้รับความหายนะ ชาวยิว บนีย์ ก็อยนุก็ออ์ ได้เปิดเผยความอิจฉา ความเกลียดชังที่อยู่ในใจออกมาอย่างชัดเจน หลังจากสงครามบัดร์ผ่านไป ด้วยเหตุนี้ ท่านเราะซูล จึงได้เรียกพวกเขามาประชุมกัน ณ ที่ตลาด (ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวม) และท่านเราะซูล ได้กล่าวขึ้นว่า :
َامَعْشَرَ يَهُوْد اِحْذَرُوْا مِنَ اللهِ مثل ما نـزل بِقُرَيْشٍ مِنَ النِّقْمَةِ ، وَأَسْلِمُوا فإِنَّكُمْ قَدْ عَرَفْتُمْ أنِّي نَبِيٌّ مُرْسَلٌ : تَجِدُوْنَ ذَلِكَ فِي كِتَابِكُمْ وَعَهْدِ اللهِ إِلَيْكُمْ : قَالُوْا يَا مُحَمَّدُ إِنَّكَ تَرَى أَنَّا قَوْمكَ لاَ يَغُرَّنَّكَ أَنَّكَ لَقِيْتَ قَوْمًا لاَ عِلْمَ لَـهُمْ بِالْحَرْبِ فَأَصَبْتَ مِنْهُمْ فُرْصَةً ، وَإِنَّا وَاللهِ لَئِنْ حَارَبْنَاكَ لَتَعْلَمَنَّ أَنَّا نَحْنُ النَّاس
"โอ้ชาวยิวทั้งหลาย พวกท่านจงระวังการลงโทษ จากอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา มันเหมือนกับโทษที่ลงมาประสบกับพวกกุเรช จงเข้ารับศาสนาอิสลามเถิด เพราะพวกท่านรู้อยู่แล้วว่า แท้จริง ฉันนั้น คือนบีที่ถูกส่งมา พวกท่านรู้ว่าเรื่องนี้ มีปรากฏอยู่ในคัมภีร์ของพวกท่าน อยู่แล้ว"
ชาวยิว กล่าวว่า :
"มูฮัมหม้ด (ซอล.)เอ๋ย ท่านก็รู้ว่าเราเป็นพวกพ้องของท่าน ท่านอย่าได้หลอกตัวเองเลย ท่านได้เจอกับพวกที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องสงคราม ท่านจึงได้ประสบกับชัยชนะจากพวกเขา เราขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ว่า แน่นอน หากพวกเราทำสงครามกับท่านละก็ ท่านจะได้รู้ว่าเรานั้น เป็นมนุษย์พันธุ์แท้"
นี่เป็นคำขู่ ของชนชาติยิว ที่มีต่อท่านเราะซูล แต่ท่านยังคงนิ่งเฉย จนกระทั่งยิวคนหนึ่งได้ล่วงเกินสตรีผู้ศรัทธา (มุมินะฮฺ) ในขณะที่นางไปในตลาดของชาวยิว นางได้นั่งลงที่ช่างทำทอง พวกเขาต้องการให้นางเปิดผ้าคลุมหน้าออก นางปฏิเสธไม่ยอมเปิดหน้า ยิวผู้เป็นช่างทำทองผู้นั้นจึงใช้เล่ห์กลอันชั่วร้าย โดยผูกชายผ้าของเธอมาวางไว้บนหลัง เมื่อเธอลุกขึ้นยืนจึงทำให้ เอาเราะฮ์ (สิ่งที่พึงสงวนและปกปิด) ของเธอต้องเผยออกมาให้เห็น แล้วชาวยิวต่างหัวเราะชอบใจกัน เธอจึงร้องตะโกนเสียงดังขึ้น ทันใดนั้นมีมุสลิมคนหนึ่งกระโดดเข้าไปและได้สังหารยิวคนนั้น แล้วชาวยิวก็เข้ามารุมทำร้ายและฆ่ามุสลิมคนนั้นจนตาย หลังจากนั้น ความเลวร้ายจึงเกิดขึ้นระหว่างมุสลิมกับชาวยิว
บะนีย์ กอยนุก็ออ์ ถอนตัวออกไป
เหตุการณ์ที่เกิดจากชาวยิว บะนีย์ กอยนุก็ออ์ นั้น เป็นการกระทำที่ละเมิดข้อสัญญาที่มีต่อกัน ท่านเราะซูล จึงได้นำซอฮาบะฮ์ไปปิดล้อมพวกเขา และทำสงครามเป็นเวลา 15 คืน ในที่สุดชนชาติยิวจึงยอมจำนน และตกอยู่ภายใต้การปกครองของท่านนบี ในเหตุการณ์ครั้งนี้ อับดุลลอฮ์ อิบนุ อุบัยย์ อิบนุ์ ซะลูล พวกที่ตีสองหน้าของชาวยิว ได้เข้ามาอ้อนวอนให้ปล่อยชนชาติยิวไป ท่านเราะซูล จึงกล่าวว่า : "(هم لك) พวกเขาเป็นกรรมสิทธิของท่าน"
แล้วเขา (อับดุลลอฮ์) จึงให้ ชาวยิว บะนีย์ กอยนุก็ออ์ ออกจากเมืองมะดีนะฮ์ไปอยู่ที่ประเทศชาม (ซีเรีย) จากพฤติกรรมของ อับดุลลอฮ์ อิบนุ อุบัยย์ อิบนิ ซะลูล อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงประทานอายะฮ์ต่อไปนี้ลงมา คือ :
"โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่าได้ยึดเอาชาวยิว (ยิว) และพวกคริสต์มาเป็นมิตร (เพราะ) บางส่วนของพวกเขานั้น คือ มิตรของอีกบางส่วน และผู้ใดในหมู่พวกเจ้า เอาพวกเขามาเป็นมิตรแล้วไซร้ แน่นอน ผู้นั้นก็เป็นคนหนึ่งในพวกเขา แท้จริง อัลลอฮ์ นั้นไม่ทรงแนะนำกลุ่มชนที่ก่ออธรรม"
" แล้วเจ้าจะได้เห็นบรรดาผู้ที่ ในหัวใจของพวกเขามีโรค (กลับกลอกตีสองหน้า) ต่างรีบเร่งกันไปอยู่ในหมู่พวกเขา โดยกล่าวว่า กลัวว่าภัยพิบัติจะเวียนมาประสบกับพวกเรา หวังว่าอัลลอฮ์ จะทรงนำมาซึ่งชัยชนะหรือไม่ก็นำเอาพระบัญชาอย่างหนึ่งอย่างใดจากที่พระองค์มา แล้ว (ในที่สุด) พวกเขาก็กลายเป็นผู้ที่เสียใจ กับสิ่งที่พวกเขาได้ปกปิดไว้ ในใจของพวกเขา" ( อัลมาอิดะฮ์ 51-52)
บทความที่น่าสนใจ