เราขอเสนอประวัติของนักรบสตรีที่ถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์อย่างน่าภาคภูมิใจยิ่ง ท่านจะได้รับฟังประวัติของสตรีมุสลิมที่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ ในสมัยของท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ประวัติ ท่านอุมมิ อิมาเราะฮฺ (นักรบสตรีมุสลิม)
เราขอเสนอประวัติของนักรบสตรีที่ถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์อย่างน่าภาคภูมิใจยิ่ง ท่านจะได้รับฟังประวัติของสตรีมุสลิมที่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ ในสมัยของท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
นางคือ อุมมิ อิมาเราะฮฺ มีนามเดิมว่า นะซีบะฮฺ บินติ กะอับ อัลอันซอรียะฮฺ นางเป็นชาวนครมะดีนะฮฺ นะซีบะฮฺ และ ซัยดฺ อิบนิฮาซิม ผู้เป็นสามีกับบุตรชายอีกสองคนคือ ฮะบี๊บ และ อับดุลลอฮฺ ได้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลามก่อนที่ท่านมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะอพยพจากนครมักกะฮฺไปยังนครมะดีนะฮฺ และนาซีบะฮฺได้ร่วมไปกับคณะผู้แทนชาวมะดีนะฮฺ เมื่อคราวไปประกอบพิธีฮัจญ์ด้วยผู้หนึ่ง
ที่มักกะฮฺนางได้มีโอกาสได้พบกับ ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นางมีความซาบซึ้งในคำเรียกร้องของท่านนบีแล้วเกิดศรัทธา จึงได้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม และได้ร่วมให้สัตยาบันไว้กับท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เมื่อกลับมาถึงนครอัลมะดีนะฮฺ นางก็เริ่มทำหน้าที่เรียกร้องสตรีชาวมะดีนะฮฺให้มาสู่อิสลาม นางได้ตระเวนไปตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อสอนสัจจธรรมแห่งอิสลาม จึงนับได้ว่านางเป็นสตรีนักเผยแผ่อิสลามผู้หนึ่ง
นะซีบะฮฺ ให้รู้สึกยินดีเป็นที่สุด เมื่อได้ทราบว่าท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะอพยพมายังนครมะดีนะฮฺ เพราะนางจะได้เห็นและฟังคำประกาศแห่งสัจธรรมจากท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทุกวันอย่างใกล้ชิด
เมื่อคราวสงครามอุฮุด นะซีบะฮฺได้ทราบข่าวว่าพวกกุฟฟารมักกะฮฺ ยกกองทัพจะมาตีนครมะดีนะฮฺ นางจึงพูดกับสามีและบุตรทั้งสองว่า..
"บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องออกรบเพื่อป้องกันศาสนาของอัลลอฮฺไว้"
สามีของนางก็ยอมรับว่า "ใช่แล้ว นะซีบะฮฺเอ๋ย ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลุกขึ้นจับอาวุธเพื่อป้องกันศาสนาของอัลลอฮฺ เธอช่วยตระเตรียมอาวุธของฉันไว้ให้ด้วย "
ฝ่ายบุตรทั้งสองคือ ฮะบี๊บ และ อับดุลลอฮฺ ก็พูดขึ้นว่า "ครับ คุณแม่ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทำการญิฮาด(ต่อสู้) เพื่อป้องกันศาสนาของอัลลอฮฺ คุณแม่ช่วยจัดหาอาวุธของลูกเตรียมไว้ให้พร้อมด้วย"
นะซีบะฮฺจึงพูดขึ้นว่า "ฉันได้เตรียมอาวุธของเธอและลูกๆพร้อมทั้งของฉันไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะการญิฮาดเป็นฟัรฎูหน้าที่เหนือมุสลิมทุกคนทั้งชายและหญิง"
ขณะที่การรบเริ่มที่ภูเขาอุฮุด ระหว่างทหารมุสลิมีนกับศัตรูกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือดอยู่นั้น นะซีบะฮฺจะวิ่งวุ่นอยู่กับการแบกภาชนะใส่น้ำรินให้ทหารมุสลิมีนที่กระหายน้ำและช่วยพยาบานทหารที่บาดเจ็บ พลางปากก็เปล่งเสียงปลุกใจให้ฝ่ายมุสลิมีนยืนหยัดต่อสู้ศัตรูต่อไป การรบทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ศัตรูกำลังได้เปรียบ ฝ่ายมุสลิมีนต้องถอยร่น คุมกระบวนไม่ติด มีท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กับสาวกส่วนน้อยเท่านั้นที่ยืนหยัดต่อสู้อยู่กับฝ่ายมุชริก ศัตรูได้เห็นโอกาสซึ่งรอคอยมานานมาถึงแล้ว จึงเร่งจะสังหารท่านรอซูลุลลอฮฺเสีย
ดังนั้น ทหารฝ่ายมุชริกีนหมู่หนึ่งได้มุ่งตรงมายังท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หมายจะสังหารเสียให้ได้ เมื่อนะซีบะฮฺเหลือบเห็น ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ยืนหยัดต่อสู้อยู่ท่ามกลางหมู่ศัตรูผู้มุ่งร้ายอย่างห้าวหาญเด็ดเดี่ยว เห็นดาบของศัตรูกวัดแกว่งฉวัดเฉวียนอยู่รอบตัวท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เห็นลูกศรลูกธนูพุ่งมาสู่ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อยู่รอบทิศ นะซีบะฮฺเห็นเข้าเช่นนั้นจึงร้องขึ้นสุดเสียงว่า
"โอ้ ช่วยท่านมูฮัมมัดด้วย" พลางนางก็คว้าดาบกำมั่นไว้ในมือหนึ่ง อีกมือหนึ่งฉวยธนูพาดบ่าบุกฝ่าเข้าไปในแนวรบ มือที่ถือดาบก็ฝ่าฟันศัตรูที่มุ่งหน้าไปยัง ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เมื่ออยู่ห่างออกมาก็ใช้ธนูยิงสู้ศัตรูกลับไป นางต่อสู้ป้องกันท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไว้ด้วยความสามารถ พวกมุชริกีนต้องประสบกับความยุ่งยากลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องมาพบกับนักรบสตรีที่ห้าวหาญเช่นนี้เข้า จึงมุ่งเข้าหานางเพื่อจะสังหารเสีย จนนางต้องเพลี่ยงพล้ำแก่ศัตรูถูกดาบฟันที่บ่าเลือดไหลโทรมกาย สิ้นสติล้มลง
เมื่อการรบสิ้นสุดลงแล้ว ทหารฝ่ายมุสลิมีนก็ทยอยกลับมาสู่ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และช่วยตรวจดูพรรคพวกที่บาดเจ็บและล้มตาย ก็พบนะซีบะฮฺนอนหายใจระรวยๆอยู่ เลือดที่บาดแผลยังไหลซึม จึงมีเสียงกระซิบว่า
"นะซีบะฮฺเอ๋ย เธอเป็นอย่างไรบ้าง เธอถูกอาวุธบาดเจ็บที่ตรงไหนบ้าง?"
นางกลับย้อนถามว่า "ช่วยบอกข่าวคราวของท่านรอซูลลุลลอฮฺให้ฉันฟังด้วย อัลลอฮฺได้คุ้มครองท่านให้พ้นจากดาบของศัตรู และท่านปลอดภัยแล้วใช่ไหม? "
ท่านผู้นั้นตอบว่า "ใช่แล้ว พระองค์อัลลอฮฺได้ทรงคุ้มครองท่านรอซูลุลลอฮฺให้รอดพ้นจากศัตรู และท่านปลอดภัยแล้ว" นางจึงกล่าวขอร้องว่า "ช่วยพยุงฉันให้ไปเห็นท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ด้วยตาของฉันด้วยเถิด"
เสียงนั้นก็ถามว่า "เธอไม่ถามถึง ซัยดฺผู้เป็นสามีกับลูกชายทั้งสอง คือ ฮะบี๊บ กับ อับดุลลอฮฺบ้างหรือ? " นางก็ตอบว่า " อย่าเพิ่งเล่าอะไรให้ฉันฟัง นอกจากข่าวของท่านรอซูลลุลลอฮฺเท่านั้น "
ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้สรรเสริญชมเชย นะซีบะฮฺ ไว้ว่า
"ไม่ว่าท่านจะเหลียวไปทางใดก็พบแต่นะซีบะฮฺคอยรบพุ่งป้องกันท่านไว้ ไม่ว่าจะผินไปข้างหน้า ทางขวาหรือทางซ้ายก็เห็นนางอยู่ในทิศนั้น เมื่อเหลือบไปมองนางครั้งใดต้องเห็นนางไม่ฟาดฟันด้วยดาบ ก็ใช้ธนูยิงข้าศึกอยู่อุตลุด"
ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เห็นการสู้รบ ด้วยความห้าวหาญของนะซีบะฮฺ ท่านถึงกับอุทานด้วยความยกย่อง และประทับใจต่อหน้านางว่า "มีใครอีกบ้างไหมที่อดทนสามารถอย่างเธอ"
แม้บาดแผลที่บ่าของนางจะหายดีแล้ว แต่รอยแผลเป็นยังฝังลึกอยู่บนบ่าของนางเป็นรอยจารึกติดประจำตัวนางอยู่ตลอดชีวิต ซึ่งนางมักจะเผยให้หมู่สตรีมุสลิมด้วยกันดูเมื่อพูดคุย ถามนางถึงเหตุการณ์ต่างๆในสงครามอุฮุด
กาลเวลาผ่านไป พร้อมกับท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้จากไปสู่พระผู้เป็นเจ้าของท่าน แล้วท่านอบู บักรฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ก็ได้สืบตำแหน่งคอลีฟะฮฺแทน ส่วนที่แผ่นดิน อัลยะมามะฮฺ มุซัยละมะฮฺ อัลกัซซาบจอมโกหกได้อ้างตนขึ้นเป็นนบี ท่านคอลีฟะฮฺอบูบักรฺจึงได้จัดทัพส่งไปปราบปราม
นะซีบะฮฺก็ได้กล่าวขึ้นอย่างที่เมื่อหลายปีมาแล้ว เธอเคยกล่าวไว้ว่า "บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องจับอาวุธเพื่อป้องกันศาสนาของอัลลอฮฺ"
ฮะบี๊บ บินซัยดฺ บุตรของนางจึงกล่าวว่า "ผมจะไปแล้วคุณแม่อยู่นะครับ" แล้วเขาก็ออกไป ไปสู่สมรภูมิที่เมือง อัลญะมามะฮฺ เพื่อต่อสู้ป้องกันศาสนาของอัลลอฮฺไว้ให้คงอยู่ประจำแผ่นดินอัลญะมามะฮฺ แต่แล้วฮะบี๊บ ต้องเสียทีแก่ศัตรูตกเป็นเฉลยของมุซัยละมะฮฺ มุซัยละมะฮฺได้บังคับให้เขากุฟุรต่อ อัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ แต่ฮะบี๊บขัดขืนไม่ยอมประฎิบัติตาม ดังนั้น มุซัยละมะฮฺศัตรูของอัลลอฮฺจึงสังหารเขาด้วยการสับร่างฮะบี๊บเสียเป็นท่อนๆ เขาจึงถึงแก่ความตายในขณะที่ปากพร่ำกล่าวคำปฎิญาณว่า"ลาอิลาฮะ อิลลัลลฮ มุฮัมมะดุร ร่อซูลุลลอฮฺ"(ไม่มีพระเจ้าที่ควรแก่การเคารพอิบาดะฮฺ นอกจากอัลลอฮฺ ท่านนบีมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตคนสุดท้ายของอัลลอฮฺ)
เมื่อข่าวการตายของ ฮะบี๊บ มาถึงนะซีบะฮฺผู้เป็นมารดาเข้า นางไม่ได้แสดงความตกอกตกใจ ไม่ได้ร้องไห้ตีโพยตีพาย และไม่ได้พร่ำรำพันแต่อย่างใดเลย นางพูดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว และมีอีมานเชื่อมั่นว่า
"บัดนี้ไม่มีใครเป็นตัวแทนแก่ฉันในการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺแล้ว" ว่าแล้ว นางก็ฉวยดาบและคันธนูขึ้นบ่าแล้วออกตามไปสนามรบพร้อมกับอับดุลลอฮฺผู้เป็นบุตรชาย นะซีบะฮฺ ในสมรภูมิอัลญะมามะฮฺยังเป็นนะซีบะฮฺคนเดิมในสมรภูมิอุฮุด เธอเป็นนักรบที่เก่งกล้ารุกตลุยข้าศึกด้วยดาบคู่มือ ถ้าอยู่ห่างศัตรู เธอก็เหนี่ยวน้าวคันธนูยิงสู้ศัตรูอย่างห้าวหาญ จนทำให้ศัตรูต้องลำบากใจอย่างที่สุด ดังเช่นในสงครามอุฮุด ที่บรรดาศัตรูต้องลำบากใจมาแล้ว ดังนั้นศัตรูหมู่หนึ่งจึงตรงรี่มาหานาง หมายสังหารนางเสียอย่างที่นางเคยประสบมาแล้วเมื่อคราวก่อน
ตามหนังสือประวัติศอหะบะฮฺ ได้รายงาน ท่านอุมมิ อิมาเราะฮฺ (นักรบสตรีในอิสลาม) ไว้เพียงเท่านี้
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์
ข้อมูลจาก Santi Mana
เขียนโดย ดาบแห่งอัลเลาะห์ อะคาเดมี่