เวลาห้ามนอนในอิสลาม ว่าด้วยการนอนหลับ ในคำสอนของอิสลาม
เวลาห้ามนอนในอิสลาม
ว่าด้วยการนอนหลับ ในคำสอนของอิสลาม
ในอิสลามมีคำสอน ทุกวินาทีของชีวิต ตั้งแต่ตื่นนอน จนถึงเข้านอน ล้วนแล้วแต่เป็นคุณงามความดีของมนุษย์ ทั้งสิ้นหากสิ่งนั้นทำตามคำสั่งใช้ของศาสนา ที่ท่านนบีมฺุฮัมหมัด ได้ทรงทำเป็นแบบอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการพูด การยิ้ม การทำดีต่อตัวเอง ครอบครัว และผู้อื่นล้วนแล้วแต่ได้รับการตอบแทนความดี ทั้งสิ้น พูดถึง การนอนก็เป็นการทำความดี ที่ได้ผลบุญ การตอบแทนเช่นกัน เพราะฉะนั้นการนอนของมุสลิม จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพยายามปฏิบัติตามคำสอน เพื่อการตอบแทนของเอกองค์อัลลอฮฺ (ซุบฮาฯ)
1. หลับด้วยความสะอาด
อะ บิน อับบาส กล่าวว่า นบีมูฮัมหมัดกล่าวว่า ทำร่างกายให้สะอาดแล้วอัลลอฮจะทำให้เจ้าสะอาด ไม่มีบ่าวผู้ใดเข้านอนด้วยความสะอาดเว้นแต่มะลาอิกะฮใช้เวลาช่วงกลางคืนกับ เขาและทุกครั้งที่เขาพลิกตัว มะลาอิกะฮจะกล่าวว่า “โอ้ อัลลอฮ ให้อภัยบ่าวของท่าน สำหรับเขาที่เข้านอนด้วยความสะอาด” (รายงานโดย อัต-ตาบารานี , ซอเฮี๊ยะ อัล-จามี(3831))
2. เข้านอนเร็ว
เข้านอนเร็ว เป็นการกระทำที่ช่วยรักษาสุขภาพ และมันเป็นการปฏิบัติของนบีที่หลับทันทีหลังจากละหมาดอิชา อบูบาซาร์ อัล-อัสลามี กล่าวว่า นบีชอบที่จะยืดเวลาอิชาและเขาไม่ชอบหลับก่อนมันหรือคุยหลังมัน (ซอเฮี๊ยะ อัล-บุคอรี)
3. เลือกที่นอนให้เหมาะสม
ที่นอนที่หรูหราหรือนิ่มเกินไปทำให้ขี้เกียจและทำให้หลับมากขึ้นและทำให้ละเลย อะอิชะฮ์กล่าวว่าหมอนของนบีมูฮัมหมัดทำจากหนังสัตว์ยัดใส้ด้วยใบปาร์ม (อบู ดาวูดและ มุสนัด อาหมัด ,ซอเฮี๊ยะ อัล-จามี)
4.ทำความสะอาดเตียงและนอนทับขวา
อบู ฮุรอยเราะรายงานว่า นบีมูฮัมหมัดกล่าวว่า “เมื่อคนใดคนหนึ่งในพวกเจ้าเข้านอน ให้เขาปัดที่นอนด้วยผ้าของเขา สำหรับเขาไม่รู้ว่าอะไรอาจขึ้นมาบนมัน จากนั้นให้นอนทับขวา…” (ซอเฮี๊ยะ อัล-บุคอรี และ ซอเฮี๊ยะมุสลิม)
5. อ่านอัดฮกาเราะ(Adhkaar) (การอ้อนวอน) ถูกกล่าวในซุนนะก่อนนอน
มีหลายอัดฮกาเราะที่ถูกแนะนำในซุนนะก่อนเข้านอน หนึ่งในนั้นกล่าวอายะฮ์ท้ายๆของซูเราะฮ อัล-บากอเราะฮ อายะฮ285 และ 286, กล่าวซูเราะ อัล-ฟะลัก,ซูเราะ อันนาส และ ซูเราะอัล-อิคลาส ,เป่าใส่อุ้งมือและลูปให้ทั่วตัวเท่าที่จะทำได้,เริ่มจากหัว หน้าและด้านบนของตัว ทำมัน3ครั้ง (ซอเฮี๊ยะ อัล-บุคอรีและ ซอเฮี๊ยะมุสลิม)
อาลี อะบิน อาไบ ตอลิบ รายงานว่าเมื่อลูกสาวนบีมูฮัมหมัด,ฟาติมะฮ,มาหาเขาและถามถึงทาสรับใช้ เขากล่าวกับเธอและอาลีว่า” ฉัน ไม่ได้สอนเจ้าหรอในสิ่งที่ดีกว่าทาสรับใช้ เมื่อเจ้าเข้านอน จงกล่าว”ซุบฮานัลลอฮ” 33 ครั้ง, “อัลฮัมดุลลิลละฮ” 33 ครั้ง และ อัลลอฮูอักบัร 33 ครั้ง สิ่งนี้ดีต่อเจ้ายิ่งกว่าทาสรับใช้” (ซอเฮี๊ยะ อัล-บุคอรี และ ซอเฮี๊ะมุสลิม)
- ทำไมละหมาด 5 เวลา ยังตกนรกได้
- ข้อห้ามในการหลับนอนระหว่างสามีภรรยา อิสลามว่าไว้อย่างไร
- เหตุใดจึงห้ามนอนหันเท้าไปทางกิบลัต
- ซุนนะฮฺในการเข้านอนและตื่นนอน
- เครียดนอนไม่หลับ ให้ท่านอ่านดุอาอฺต้นนี้!
- นี่คือเหตุผลทําไมมุสลิมต้องอ่านดุอาอฺก่อนมีเพศสัมพันธ์
เวลาที่มักรูฮฺ (น่ารังเกียจ, ไม่สนับสนุน) ให้นอนคือ
1.หลังละหมาดศุบหฺ เพราะจะทำให้พลาดบะเราะกะฮฺ (ความจำเริญ) ที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ขอต่ออัลลอฮฺไว้ในหะดีษที่บันทึกโดยอิมาม อะหฺมัดและอัศหาบุสสุนัน (เ้จ้าของสุนัน เช่น อบูดาวูด, อัต-ติรมิซียฺ, อิบนิมาญะฮฺ ฯลฯ) ว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ขอต่ออัลลอฮฺให้ทรงประทานบะเราะกะฮฺให้แก่ประชาชาตินี้ในยามเช้าของพวกเขา่
2.ก่อนละหมาดอิชาอ์ (หลังละหมาดมัฆริบนั่นเอง) เพราะอาจทำให้พลาดละหมาดอิชาอ์ได้ จากหะดีษที่บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺและมุสลิม (มุตตะฟะกุนอะลัยฮฺ) ว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม รังเกียจการพูดคุย (ทีไม่จำเป็น) หลังละหมาดอิชาอ์และการนอนก่อนละหมาดอิชาอ์
เพิ่มเติม
ส่วนเวลาหลังละหมาดอัศรฺ (ช่วงเวลาประมาณหลัง บ่าย 4 โมง) นั้น มีนักวิชาการบางท่านเห็นว่าไม่ควรนอนเพราะอาจทำให้เสียสุขภาพ เช่น ทำให้สมองมีประสิทธิภาพในการทำงานน้อยลง แต่ไม่มีหะดีษที่เศาะฮีหฺเกี่ยวกับเรื่องนี้จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังมีผู้รู้บางท่านมีความเห็นอีกว่า ในระหว่างที่เรานอนหลับในตอนกลางคืนอยู่นั้น ถ้าเราตื่นขึ้นมากลางดึกก็ไม่สมควรที่เราจะกลับไปนอนอีก แต่ความเห็นนี้ขัดแย้งกับการปฎิบัติของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อย่างชัดเจน จากหะดีษที่บันทึกโดยมุสลิมว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ตื่นขึ้นมาในตอนกลางคืนเพื่อปัสสาวะแล้วท่านได้กลับไปนอนต่อ แล้วหลังจากนั้นท่านได้ตื่นขึ้นมาอีกทีเพื่อละหมาด
จากาารอ้างอิงถึงศาสตร์ทางการแพทย์ของจีน ที่อ้างว่าการงีบการวัน มีผลดีต่อร่างกายและระบบภายในของมนุษย์ ซึ่งบทความนี้สอดคล้องกับหะดีษที่ว่า
ท่านอนัส เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าวว่า : ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า :
قيلوا فإن الشياطين لا تقيل
ความว่า: พวกท่านจงนอนกลางวันเถิด เพราะแท้จริงบรรดาชัยฏอนนั้นไม่นอนกลางวัน
[บันทึก โดยอบูนุอัยมฺใน "อัคบารฺ อัศบะฮาน" 1/195 , อัฏเฏาะบะรอนีย์ ใน "อัลเอาสัฏ" 1/13 ลำดับหะดีษที่28, และอัลอิรอกีย์ ใน "อัลมูฎิหฺ" 2/159]
อัล มุฮันนาได้ถามอิหม่ามอะหฺมัดว่า: ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า
"พวกท่านจงนอนกลางวันเถิด เพราะแท้จริงบรรดาชัยฏอนนั้นไม่นอนกลางวัน"
ท่านอิหม่ามอะหฺมัดตอบว่า: "ไม่รู้ แท้จริงแล้วมันเป็นสายรายงานจากมันศูรฺ จากมุญาฮิด จากท่านอุมัรฺ"
[ดู อัลมุนตะค็อบ ฟี อิละลิล ค็อลลาล หน้า 84 , ตะหฺกีก อบูมุอาซ ฏอริก อิวะฎุลลอฮฺ]
ท่าน อัสสุยูฏีย์กล่าวว่า: "เมื่ออัลหาฟิซ-ผู้มีความจำหะดีษ- ผู้ศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์วิจารณ์หะดีษ ได้พูดถึงหะดีษบทใดบทหนึ่งว่า ฉันไม่รู้จักแล้ว ถือเป็นหลักในการปฏิเสธหะดีษนั้น ๆ " [ตัดรีบุรฺรอวีย์ 1/296]
ที่มา : oknation.nationtv.tv