เมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน เรามักจะได้ยินคำเหล่านี้ “ซินเจียอยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้” แปลว่า “ขอให้โชคดีปีใหม่” ซึ่งเป็นคำอวยพรของชาวจีน และลูกหลานมักจะพูดกลับไปว่า “อั่งเปา ตั่วๆไก๊ไล้” แปลว่า ขอซอง หนาๆ นะ ซึ่งเป็นธรรมเนียมประเพณีของชาวจีน
วันตรุษจีน คือ วันขึ้นปีใหม่ของจีน (วันที่ 1 เดือน 1 ของวันจีน) ถือเป็นเทศกาลใหญ่ ที่ประหนึ่งรวมเทศกาลวันตรุษ และอาจรวมเทศกาลไหว้สิ้นปี เข้ากับเทศกาลวันตรุษ ในเทศกาลนี้ก็จะมีการแจกอั่งเปา หรือแต๊ะเอีย และมีการทำของเซ่นไหว้เจ้าตามความเชื่อของชาวจีน
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มุสลิมต้องร่วมทำธุรกิจกับคนต่างศาสนิก มุสลิมเป็นลูกจ้าง หรือเป็นพนักงานของคนต่างศาสนิก เมื่อเป็นเช่นนี้ ในช่วงนี้เป็นช่วงตรุษจีน มุสลิมจะรับซองอั่งเปา หรือซองแต๊ะเอียได้หรือไม่ และหากมีเพื่อนบ้านนำอาหารวันตรุษจีนมาให้เราสามารถรับประทานได้หรือไม่?
ชาวจีนมีความเชื่อว่า “อั่งเปา ซองแดงบรรจุธนบัตรเป็น ของขวัญ ในการเริ่มต้นชีวิตในขวบปีใหม่และการพักผ่อนอันเบิกบานติดต่อกันนานหลายๆ วัน” ซึ่งมุสลิมไม่มีความเชื่อเช่นนั้นอยู่แล้ว เพราะอิสลามมิได้ระบุว่า การเริ่มต้นชีวิตใหม่ต้องรอให้ถึงสิ้นปี ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ้นเดือนซุลหิจญะฮฺ ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปฏิทินอิสลามก็ตาม
ส่วนเงินที่ได้รับในวันตรุษจีนนี้จึงเรียกว่า เงินแต๊ะเอีย และถือว่าเป็นโชคลาภอย่างหนึ่งซึ่งคนจีนรวมทั้งคนไทยเชื้อสายจีนได้ตั้งความ ปรารถนาจิตใจจดจ่อที่จะได้รับในวันตรุษจีน ฉะนั้นซองที่เรียกว่า เงิน (หรือซอง) แต๊ะเอียก็ถือว่าเป็นโชคลาภอย่างหนึ่ง ซึ่งโชคลาภข้างต้นเป็นความเชื่อของชาวจีน ไม่เกี่ยวข้องกับอะไรกับมุสลิมเลยแม้แต่น้อย เพราะมุสลิมถูกสอนให้เชื่อว่าความจำเริญ (บะรอกัต) นั้นมาจากพระเจ้า หรือสิ่งที่พระเจ้ากำหนดไว้เท่านั้นว่าสิ่งนั้นทำแล้วมีความจำเริญ สิ่งนั้นทำแล้วได้รับความเมตตา
ด้วยข้อมูลข้างต้น สรุปได้ว่า ไม่ว่าเงิน หรือซองจะเรียกว่า “อั่งเปา” หรือเรียกว่า “แต๊ะเอีย” ล้วนมาจากความเชื่อของชนชาวจีนทั้งสิ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ในฐานะที่เราเป็นมุสลิม จึงวายิบ (จำเป็น) จะต้องหลีกห่างกับแนวความเชื่อข้างต้น เพราะพระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ ความว่า “สำหรับพวกท่าน คือศาสนาของพวกท่าน และสำหรับฉัน คือศาสนา (ของฉัน)” (ซูเราะห์อัลกาฟิรูน อายะห์ที่ 6)
และไม่ว่าเงินอั่งเปา หรือเงินแต๊ะเอียที่ใส่ซองให้นั้น จะมีจำนวนเงินมากมายเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าจำนวนเงินเหล่านั้นมีที่มาจากความเชื่ออื่นจากความเชื่อของอิสลาม หน้าที่ของมุสลิมทุกคน (วายิบ/จำเป็น) จะต้องปฏิเสธโดยดุษฎี และต้องไม่นึกเสียดายจำนวนเงินนั้นอีกด้วย เพราะอย่าลืมโดยเด็ดขาดว่า ริสกี (ปัจจัยยังชีพ) นั้นล้วนมาจากพระองค์อัลลอฮฺ(ซบ.)
ฉะนั้นเมื่อมุสลิมคนหนึ่งปฏิเสธไม่รับเงินจำนวนดังกล่าว เพราะเป็นเงินที่มีพื้นฐานมาจากความเชื่ออื่น เช่นนี้พระองค์อัลลอฮฺจะทรงตอบแทนรางวัลให้แก่เขาผู้นั้น ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง (อินชาอัลลอฮฺ)
ส่วนในกรณีที่เพื่อนบ้านนำอาหารวันตรุษจีน มาให้นั้น เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าอาหารไหว้เจ้าในวันตรุษจีนนั้นเป็นอาหารที่ผ่าน การกระบวรการทางพิธีกรรม ทางความเชื่อของศาสนาอื่นเราก็ไม่สามารถที่จะทานได้ เราสามารถบอกปฏิเสธเพื่อนบ้านอย่างนิ่มนวลได้ โดยให้เขาทราบถึงเหตุผลดังกล่าว
ข้อมูลโดย thaimuslim
http://islamhouse.muslimthaipost.com/