40 วิธีทำให้เข้าสวรรค์ ที่คุณควรรู้และนำไปปฏิบัติ มีดังนี้
40 วิธีทำให้เข้าสวรรค์ ที่คุณควรรู้และนำไปปฏิบัติ
บทความโดย : มุรีด ทิมะเสน
1. ไม่ตั้งภาคีใด ๆ สำหรับพระองค์อัลลอฮฺ
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลใดพบพระองค์อัลลอฮฺในสภาพที่เขาไม่ตั้งสิ่งใดเป็นภาคีสำหรับพระองค์ (เช่นนี้) เขาได้เข้าสวรรค์ และบุคคลใดพบพระองค์ในสภาพที่เขาตั้งภาคี (ชิริก) ต่อพระองค์ เช่นนี้ เขาลงนรก” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 280)
2. อ่านอายะฮฺกุรฺซีย์
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลใดที่อ่านอายะฮฺกุรฺซีย์ ทุก ๆ หลังนมาซฟัรฎู เช่นนี้ไม่มีสิ่งใดห้ามเขาเข้าสวรรค์ นอกจากความตายเท่านั้น” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย เฏาะบะรอนีย์ หะดีษเลขที่ 7408)
3. กล่าวดุอาอฺหลังอาบน้ำละหมาด
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลใดในหมู่พวกท่านอาบน้ำนามอย่าง (ประณีต) ครบถ้วนสมบูรณ์ จากนั้นเขากล่าว (ดุอาอฺ) ว่า อัชฮะดู้ อัน ลา อี้ ลาฮ่า อิ้ลลัลลอฮฺ ว่าอันนะ มู่ฮัมม่าดัน อั๊บดุลลอฮิ ว่าร่อซูลุฮฺ (ความว่า ฉันขอปฏิญาณตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใด (ที่ถูกเคารพภักดี) นอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว และแท้จริงมุฮัมมัด คือบ่าวของอัลลอฮฺ และศานทูตของพระองค์) เช่นนี้ประตูต่าง ๆ ของสวรรค์ทั้งแปดประตูจะถูกเปิดให้สำหรับเขา ซึ่งเขาจะเข้าประตูบานใดก็ได้ตามที่เขาประสงค์” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 576)
4. ขอดุอาอฺให้ได้เข้าสวรรค์
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลใดขอต่ออัลลอฮฺให้ได้เข้าสวรรค์ (โดยขอ) สามครั้ง สวรรค์จะกล่าวขึ้นว่า โอ้อัลลออฺ ขอพระองค์ทรงโปรดทำให้เขาเข้าสวรรค์ด้วยเถิด” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย ติรมีซีย์ หะดีษเลขที่ 2772)
5. แสวงหาความรู้โดยปรารถนาความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลใดที่เดินทางไปสู่การแสวงหาความรู้ (เช่นนั้น) พระองค์อัลลอฮฺจักทรงทำให้เขาเดินไปสู่หนทางหนึ่งจากหนทางต่าง ๆ ของสวรรค์” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย อบูดาวูด หะดีษเลขที่ 3643)
6. นมาซสุนนะฮฺก่อนและหลังละหมาดฟัรฎู
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บ่าวมุสลิมคนใดที่นมาซเพื่ออัลลอฮฺทุก ๆ วัน ๆ ละสิบสองร็อกอะฮฺซึ่งเป็นนมาซสุนนะฮฺ ไม่ใช่นมาซฟัรฎู เช่นนี้พระองค์อัลลอฮฺจักทรงสร้างบ้านหลังหนึ่งในสวรรค์ให้แก่เขา หรือ บ้านหลังหนึ่งถูกสร้างในสวรรค์ให้แก่เขา” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 1729 และ หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย ติรมีซีย์ หะดีษเลขที่ 416 บทว่าด้วย การนมาซ)
7. ให้สลาม, เลี้ยงอาหาร และนมาซยามค่ำคืน
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“โอ้ ผู้คนทั้งหลาย พวกท่านจงให้สลามกันทั่ว ๆ, จงเลี้ยงอาหารเถิด, จงนมาซในยามค่ำคืนในขณะที่ผู้คนกำลังหลับ เช่นนี้พวกท่านจะได้เข้าสวรรค์อย่างศานติ” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย อิบนุมาญะฮฺ หะดีษเลขที่ 1395)
8. สร้างมัสญิด
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลใดที่สร้างมัสญิด โดยหวังในความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ (เช่นนี้) พระองค์อัลลอฮฺจักทรงสร้างเช่นเดียวกันให้แก่เขาในสวรรค์” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 7661)
9. การทำหัจญ์ (หัจญ์ที่ถูกตอบรับ)
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“การทำหัจญ์ที่ถูกตอบรับ ไม่มีสิ่งใดตอบแทนสำหรับเขานอกจาสวรรค์เท่านั้น และการทำอุมเราะฮฺหนึ่งไปสู่อุมเราะฮฺหนึ่งเป็นการกัฟฟาเราะฮฺ (ไถ่โทษ) ในสิ่งที่อยู่ระหว่าง (ช่วง) เวลาทั้งสอง” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย เฏาะบะรอนีย์ หะดีษเลขที่ 830)
10. การขจัดสิ่งที่เป็นอันตรายออกจากบนถนนหนทาง
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“ฉันเห็นบุคคลหนึ่งสุขสบาย (ชื่นบาน) อยู่ในสวรรค์ เพียงเพราะต้นไม้ (หรือกิ่งไม้) ที่เขาตัด (หรือขจัด) ออกจากถนนหนทาง (โดยไม่ทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้สัญจรไปมา)” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 6837)
11. เดินไปมัสญิดเป็นประจำเพื่อทำอิบาดะฮฺ
ท่านรอสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลที่ไปมัสญิด (และกลับ) ในช่วงเช้า หรือช่วงเย็น (เพื่อทำอิบาดะฮฺ, นมาซฟัรฎู, นมาซสุนนะฮฺ, และแสวงหาความรู้, อ่านอัลกุรอ่าน หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการทำอิบาดะฮฺ) เช่นนี้ พระองค์อัลลอฮฺจักทรงเตรียมสวรรค์ให้สำหรับเขา เพื่อต้อนรับทุกครั้ง (ที่เขาไปและกลับมัสญิด) ในช่วงเช้า หรือช่วงเย็น (ก็ตาม)” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 1556)
12. บุคคลที่ญิฮาด (ต่อสู้) ในหนทางของอัลลอฮฺ
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“แท้จริงในสวรรค์นั้นมีหนึ่งร้อยชั้น พระองค์อัลลอฮฺทรงเตรียมสวรรค์ไว้สำหรับบรรดามุญาฮิดีน (นักรบชะฮีด) ในหนทางของอัลลอฮฺ ซึ่งในระหว่างชั้น (ความกว้าง) นั้น ประมาณ (ระหว่าง) ชั้นฟ้าและแผ่นดิน” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย บุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 2790)
13. การบริจาคทาน (เศาะดะเกาะฮฺ)
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“และบุคคลใดบริจาคทานด้วยการบริจาคทานหนึ่ง เพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากพระองค์อัลลอฮฺ เช่นนี้สำหรับเขาจะถูกบันทึกให้เข้าสวรรค์ด้วยสาเหตุ (บริจาคทาน) ดังกล่าว” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย อะหมัด หะดีษเลขที่ 24028)
14. การนมาซศุบหฺ และนมาซอัศริ
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลใดนมาซศุบหฺ และนมาซอัศริ (แน่นอนยิ่ง) เขาได้เข้าสวรรค์” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย บุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 574)
อนึ่ง หะดีษเจาะจงนมาซศุบหฺ เพราะช่วงเวลานมาซศุบหฺนั้น ผู้คนกำลังหลับอย่างเพลิดเพลิน ส่วนช่วงเวลานมาซอัศริ ผู้คนกำลังสาละวนอยู่กับการทำงาน ดังนั้นโอกาสจะพลาดนมาซเวลาทั้งสองจึงมีมากกว่าเวลานมาซอื่น ๆ นั่นเอง
15. พอใจให้อัลลอฮฺเป็นพระเจ้า, ให้อิสลามเป็นศาสนา และให้มุหัมมัดเป็นนบี
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“โอ้ อบูสะอีดเอ๋ย บุคคลใดที่พึงพอใจให้พระองค์อัลลอฮฺเป็นพระผู้อภิบาล, พอใจให้อิสลามเป็นศาสนา และพอใจให้มุหัมมัดเป็นนบีแล้วไซร้ สวรรค์เป็นที่พำนักสำหรับเขา” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 4987)
16. ไม่วอนขอ ไปขอความช่วยเหลือสิ่งหนึ่งสิ่งใดกับผู้คน
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลใดมอบหมายต่อฉัน โดยไม่วอนขอสิ่งหนึ่งสิ่งใดต่อผู้คน เช่นนี้ฉันจะมอบสวรรค์ให้แก่เขา” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย อบูดาวูด หะดีษเลขที่ 1645)
17. ทำความดีต่อพ่อแม่
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“น่าอัปยศเสียนี่กระไร, น่าอัปยศเสียนี่กระไร ช่างน่าอัปยศเสียนี่กระไร, มีผู้กล่าวถามว่า ใครกันครับท่านรสูลของอัลลอฮฺ ท่านรสูลตอบว่า บุคคลที่เขาอยู่ร่วมกับพ่อแม่ของเขาที่แก่ชรา หนึ่งจากทั้งสอง หรือทั้งสองท่าน ทว่าเขาไม่ได้เข้าสวรรค์ (หมายถึง ไม่ได้เลี้ยงดูพ่อ หรือแม่ หรือทั้งพ่อและแม่)” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 6674)
18. เยี่ยมผู้ป่วย
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลที่เยี่ยมผู้ป่วย ขณะนั้นเจายังคงเก็บเกี่ยวผลไม้ในสวรรค์ จนกระทั่งเขากลับ (บ่งบอกถึงความจำเริญในการเยี่ยมคนป่วย และการเยี่ยมคนป่วยเป็นหนทางไปสู่สวรรค์)” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 7617)
19. การอดทนทันทีในขณะที่ถูกทดสอบ (มุศีบะอฺ)
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงตรัสแก่ลูกหลานอาดัมว่า หากท่านอดทน และยับยั้งในทันทีทันใด (ระงับความโกรธ, ความหุนหัน) ขณะประสบกับสิ่งที่ถูกทดสอบในตอนแรก เช่นนี้ ฉันพึงพอใจตอบแทนสวรรค์ให้แก่เขา” (หะดีษหะสัน. บันทึกโดย อิบนุมาญะฮฺ หะดีษเลขที่ 1665)
20. ความละอาย
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“ความละอายเป็นส่วนหนึ่งของความศรัทธา และความศรัทธานั้น (เป็นสาเหตุหนึ่ง) ทำให้เข้าสวรรค์” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย ติรมีซีย์ หะดีษเลขที่ 2140)
อนึ่ง ความละอายในที่นี้ หมายถึง ละอายในทุก ๆ เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ละอายที่จะไม่ทำความผิดต่อพระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.)”
- เหตุใดผู้หญิงเข้านรกมากกว่าผู้ชาย
- เรื่องราวของคนสุดท้ายที่สุดที่จะได้เข้าสวรรค์!
- บาปที่อัลลอฮฺจะไม่ให้อภัย เมื่อตายลงในขณะที่ยังไม่เตาบัต
21. การทำให้เกิดความง่ายดายในการซื้อและการขาย
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“พระองค์อัลลอฮฺทรงทำให้บุคคลหนึ่งเข้าสวรรค์เนื่องจากเขา (ทำให้) ง่ายดาย (ในสภาพ) ที่เป็นผู้ซื้อ, ผู้ขาย, ผู้ตัดสิน และ (หรือ) เป็นผู้ขอให้ตัดสิน (นั่นเอง)” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย นะวาอีย์ หะดีษเลขที่ 4713)
22. ก่อนเสียชีวิตกล่าว “ลาอิลาฮ่า อิ้ลลัลลอฮฺ”
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลใดที่ประโยคสุดท้ายของเขากล่าว ลาอิลาฮ่า อิ้ลลัลลอฮฺ (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ถูกเคารพภักดีนอกจากพระองค์อัลลอฮฺเท่านั้น) เขาได้เข้าสวรรค์” (หะดีษหะสัน. บันทึกโดย อบูดาวูด หะดีษเลขที่ 3118)
อนึ่ง บุคคลที่กล่าวซะฮาดะฮฺก่อนตายเขาย่อมได้เข้าสวรรค์ (เพราะเขาเป็นมุสลิม) อาจะเข้าสวรรค์เร็ว เพราะได้รับการอภัยโทษ หรืออาจเข้าสวรรค์ช้า หลังถูกลงโทษหมดบาปแล้ว ก็เป็นได้
23. ศึกษานามของพระองค์อัลลอฮฺ และนำคุณลักษณะของพระองค์ (ที่ศาสนาอนุญาต) มาปฏิบัติ
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“แท้จริงสำหรับพระองค์อัลลอฮฺมีอยู่ด้วยกัน 99 พระนาม (ดังนั้น) บุคคลใดที่รวมรวม (ศึกษานามของพระองค์อัลลอฮฺทั้ง 99 พระนามตามกิตาบุลลอฮฺ และสุนนะฮฺ จากนั้นนำมาปฏิบัติตามคุณลักษณะของพระองค์ที่ศาสนาอนุญาตให้นำมาปฏิบัติ) เช่นนี้เขาจักได้เข้าสวรรค์” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย บุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 2736)
24. การถือศีลอด
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“แท้จริงในสวรรค์มีประตูบานหนึ่ง ถูกเรียกว่า อัรฺร็อยยาน บรรดาผู้ถือศีลอดจะ (มีสิทธิ์) เข้าประตูบานนั้นในวันกิยามะฮฺ ซึ่งไม่มีบุคคลใดอื่นจากพวกเขาจะเข้าในประตูบานนั้น, จะมีเสียงกล่าวขึ้นว่า บรรดาผู้ถือศีลอดอยู่ไหน? พวกเขาก็ยืนขึ้น, อื่นจากพวกเขาจะไม่ได้เข้าประตูบานนั้น ครั้นเมื่อพวกเขาเข้าไป (หมด) แล้ว ประตูจะถูกปิด จากนั้นจะไม่มีบุคคลใด (สามารถ) เข้าประตูบานนั้นได้อีก” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย บุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 1896)
25. ภรรยาที่เชื่อฟังสามี
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“เมื่อสตรีนมาซ (ฟัรฎู) 5 เวลา, นางถือศีลอด (ฟัรฎู) ในเดือนเราะมะฎอน, นางรักษาอวัยวะเพศของนาง และนางเชื่อฟังสามีของนาง (เช่นนี้ในวันกิยามะฮฺ) จะมีเสียงกล่าวแก่นางว่า เธอจงเข้าประตูสวรรค์ บานไหนก็ได้ตามแต่เธอจะประสงค์” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย อะหมัด หะดีษเลขที่ 1683)
26. รักษาลิ้น และอวัยวะเพศ
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลใดที่รับประกันฉันในสิ่งซึ่งอยู่ระหว่างสองหนวด (คือ ลิ้น ไม่นินทา, ไม่ใส่ร้าย) และสิ่งซึ่งอยู่ระหว่างสองขา (คือ อวัยวะเพศ ไม่ทำซินา) แน่นอนยิ่ง ฉันจะรับประกันสวรรค์ให้แก่เขา” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย บุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6474)
27. การเมตตาต่อสัตว์
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“แท้จริงชายผู้หนึ่งเห็นสุนัขเลียพื้นเปียกอันเนื่องจากความกระหาย ชายผู้นั้นจึงถอดรองเท้าคุฟ (หุ้มส้น) แล้วเขาใช้รองเท้านั้นตักน้ำ จนกระทั่งเขาทำให้มันดื่มน้ำนั้น เช่นนี้พระองค์ทรงชื่นชมเขา โดยทำให้เขาได้เข้าสวรรค์” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย บุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 173)
28. ทันตักบีเราะตุลอิหฺรอม (ตักบีรฺแรก) นมาซญะมาอะฮฺ 40 เวลา
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลที่นมาซญะมาอะฮฺ (นมาซรวม) เพื่ออัลลอฮฺ โดยทันตักบัรฺแรก (เป็นระยะเวลา) 40 วัน เช่นนี้เขาถูกบันทึกว่าเป็นผู้รอดพ้น 2 ประการ (1) รอดพ้นจากไฟนรก และ (2) รอดพ้นจากการเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่กลับกลอก (มุนาฟิก)” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย ติรมีซีย์ หะดีษเลขที่ 241)
29. ปราศจากการโอ้อวด, การคดโกง และหนี้สิน
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลใดสิ้นชีวิต โดยเขาปราศจากสิ่ง 3 ประการ (1) โอ้อวด (2) ขโมย (หรือยักยอก) ทรัพย์เชลยก่อนการแบ่งสรร และ (3) มีหนี้สิน (ตั้งใจไม่ใช่หนี้ป เช่นนี้เขาได้เข้าสวรรค์” (หะดีษหะสัน. บันทึกโดย ติรมีซีย์ หะดีษเลขที่ 1667)
30. เชื่อฟังและปฏิบัติตามท่านนบี
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“ทุก ๆ ประชาชาติ (อุมมะฮฺ) ของฉันได้เข้าสวรรค์ ยกเว้นบุคคลที่ปฏิเสธ (ไม่เข้าสวรรค์), บรรดาเศาะฮาบะฮฺกล่าวว่า โอ้รสูลของอัลลอฮฺ ใครกันที่ปฏิเสธ, ท่านรสูลตอบว่า บุคคลใดที่เชื่อฟัง (ปฏิบัติตาม) ฉัน เขาได้เข้าสวรรค์ ส่วนบุคคลใดที่ฝ่าฝืน (ไม่ปฏิบัติตาม) ฉัน เขาก็ปฏิเสธ (ไม่เข้าสวรรค์)” (หะดีษศอเฮี๊ยะ บันทึกโดย บุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 7280)
31. อ่านซูเราะฮฺ อัลมุลก์ (หรือซูเราะฮฺตะบา)
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“ซูเราะฮฺหนึ่งจากอัลกุรอาน ซึ่งมี 30 อายะฮฺ โดยซูเราะฮฺดังกล่าวขอไถ่โทษให้แก่เจ้าของ (ผู้ที่อ่าน) ซูเราะฮฺนั้น จนกระทั่งทำให้เขาเข้าสวรรค์ ซูเราะฮฺนั้นก็คือ ซูเราะฮฺตะบาเราะก้า (ซูเราะฮฺอัลมุลก์)” (หะดีษหะสัน บันทึกโดย เฏาะบะรอนีย์ หะดีษเลขที่ 3796)
32. บุคคลที่รักษาเวลานมาซ และนมาซอย่างดี
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“บุคคลใดรักษานมาซ (ฟัรฎู) 5 เวลา, การรุกูอฺ (โค้ง), การสุญูด (กราบ), การอาบน้ำนมาซ, การรักษาเวลานมาซฟัรฎู และรู้ว่าเรื่องนมาซนั้นเป็นสิทธิ์ (ที่จะให้) ณ ที่พระองค์อัลลอฮฺ เช่นนี้ (สำหรับ) เขาจะได้เข้าสวรรค์” (หะดีษหะสันลิฆ็อยริฮี, บันทึกโดย อะหมัด หะดีษเลขที่ 18842)
33. การยำเกรงอัลลอฮฺ และการมีมารยาทดีงาม
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เล่าว่า
“ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) ถูกถามเกี่ยวกับสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ผู้คนได้เข้าสวรรค์ ท่านรสูลตอบว่า การยำเกรง (สำรวมตนจากความชั่ว) ต่ออัลลอฮฺ และการมีมารยาทอันงดงาม” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย ติรมีซีย์ หะดีษเลขที่ 280)
34. ช่วยเหลือเด็กกำพร้า
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“ฉันและคนที่อุปการะ (เลี้ยงดู) เด็กกำพร้า ได้อยู่ในสวรรค์แบบนี้ และท่านรสูลชูนิ้วชี้และนิ้วกลาง จากนั้นก็กางนิ้วออกจากกันเล็กน้อย” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย บุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 5304)
35. ผ่อนปรนให้แก่คนยากจน (คนลำบาก)
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“แท้จริงชายผู้หนึ่งเสียชีวิต เขาได้เข้าสวรรค์ มีเสียงกล่าวแก่เขาว่า ท่านทำอะไรมาหรือ (จึงเป็นเหตุให้เข้าสวรรค์) ? เขาตอบว่า ปรากฏว่าเมื่อฉันจะทำสัญญา (ซื้อขาย หรืออื่น ๆ) กับผู้คน ฉันจะพิจารณาว่าเขาเป็นผู้ลำบาก (หรือไม่) ซึ่งฉันจะผ่อนปรน (ยอมให้) ในเรื่องเงิน (หรือข้อสัญญานั้น ๆ) เช่นนี้แหละ (เป็นเหตุให้) เขาถูกอภัยโทษ (และทำให้เขาเข้าสวรรค์ในที่สุด)” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 4078)
36. สตรีแท้งลูกแล้วเสียชีวิต
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“ตายเนื่องจากต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ เป็นชะฮีด (ใหญ่), โรคระบาดตาย เป็นชะฮีด (เล็ก), จมน้ำตาย เป็นชะฮีด (เล็ก), ตายด้วยโรคเกี่ยวกับท้อง (เช่น โรคท้องร่วง) เป็นชะฮีด (เล็ก) และสตรีที่เสียชีวิตขณะคลอดบุตร เป็นชะฮีด (เล็ก) ซึ่งลูกของนางจะดึงนางด้วยสายสะดือของเขาเข้าไปในสวรรค์” (หะดีษหะสัน. บันทึกโดย อะหมัด หะดีษเลขที่ 16420)
อนึ่ง คำว่า “ชะฮีดใหญ่” หมายถึง บทบัญญัติให้เขาถูกฝังอย่างเดียว โดยไม่ต้องอาบน้ำ, ไม่ต้องกะฝั่น และไม่ต้องนมาซญะนาซะฮฺ อาทิเช่น ตาย (ชะฮีด) ในสนามรบเพื่ออัลลอฮฺ, ส่วนคำว่า “ชะฮีดเล็ก” หมายถึง บทบัญญัติต้องทำให้เขา 4 ประการตามปกติ กล่าวคือ อาบน้ำ, กะฝั่น, นมาซญะนาซะฮฺ และฝัง เช่น สตรีแท้งลูกแล้วนางเสียชีวิต เป็นต้น
37. มอบหมาย (ตะวักกุล) ต่ออัลลอฮฺอย่างสิ้นเชิง
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“กลุ่มชนซึ่งหัวใจของพวกเขาเฉกเช่นหัวใจของนก จะได้เข้าสวรรค์” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 7341)
กล่าวคือ นกไม่มีอะไรติดรังของมัน เข้าบินออกหากินโดยไม่รู้เลยว่าจะมีอาหารใดบ้างให้มันกิน แต่จิตใจของมันได้มอบหมายต่อพระเจ้า ด้วยการบินออกหากิน โดยมันทำหน้าที่ของมัน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับผู้ศรัทธาที่ต้องทำหน้าที่แสวงหาปัจจัยยังชีพ (ริซกี) โดยตะวักกุล (มอบหมายริซกี) ต่อพระผู้เป็นเจ้าอย่างสิ้นเชิง
38. ความสัตย์จริง
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“แท้จริงความสัตย์จริง คือทางนำไปสู่ความดี และแท้จริง ความดีนั้น คือทางนำไปสู่สวรรค์” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย บุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6094)
อนึ่ง ความสัตย์จริง แทบหาได้น้อยมากในสังคมปัจจุบัน จึงเข้าใจได้ไม่ยากว่าทำไมความสัตย์จริงจึงเป็นสาเหตุทำให้เข้าสวรรค์
39. สตรีที่แต่งกายปกปิดเอาเราะฮฺ
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“สตรีซึ่งสวมใส่เสื้อผ้า (คล้าย) เปลือยกาย (เดินส่ายสะโพก) โยกไปโยกมา ส่วนศีรษะของพวกนางประหนึ่งโหนกอูฐที่เอียง พวกนางจะไม่ได้เข้าสวรรค์ และจะไม่ได้กลิ่นอายของสวรรค์ ถึงแม้ว่ากลิ่นอายของสวรรค์จะโชยจากระยะทางเท่านั้น เท่านี้ก็ตาม” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 7373)
40. กล่าวดุอาอฺ เช้า – เย็น
ท่านรสูลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า
“สุดยอด (ดุอาอ์) แห่งการขออภัยโทษ คือการกล่าว
อัลลอฮุมม่า อันต้า ร็อบบี้ ลา อิลาฮ่าอิ้ลลา อันต้า ค่อลักต้านี ว่าอ้าน่า อับดู้ก้า ว่าอ้าน่า อ้าลา อะฮฺดี้ก้า ว่าวะอฺดี้ก้า มัสต้าเฏ๊าะอฺตู้ อ้าบูอู้ล่าก้า บี้เนียะม่าตี้ก้า ว่าอ้าบูอู้ล่าก้า บี้ซันบีฟัฆฟิรฺลี ฟ่าอินน้าฮู ลา ยัฆฟี้รุซ ซู่นูบ้า อิ้ลลา อันต้า อ้าอูซู บี้ก้า ม นซัรฺรี้มา เซาะนะอฺตู้
ความว่า (โอ้อัลลอฮฺ พระองค์คือพระผู้อภิบาลของฉัน ไมมีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์อัลลอฮฺ พระองค์ทรงสร้างฉันขึ้นมา ฉันเป็นบ่างของพระองค์ ซึ่งฉันอยู่ใต้คำปฏิญาณ และคำมั่นสัญญาของพระองค์ ตราบเท่าที่ฉันมีความสามารถ ฉันขอสารภาพต่อพระองค์ด้วยความโปรดปรานของพระองค์ และขอสารภาพในความผิดของฉัน เช่นนั้น ขอพระองค์อัลลอฮฺโปรดอภัยโทษให้แก่ฉันด้วยเถิด แท้จริงไม่มีบุคคลใดอภัยในเรื่องความผิด ยกเว้นพระองค์เท่านั้น (และ) ฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความผิดในสิ่งที่ฉันได้เคยทำไว้ด้วยเถิด)
เมื่อ (บุคคลหนี่ง) กล่าว (ดุอาอฺข้างต้น) ในช่วงเย็น (หาก) เขาเสียชีวิต เขาได้เข้าสวรรค์ (หรือเป็นส่วนหนึ่งของชาวสวรรค์) และ เมื่อเขากล่าว (ดุอาอฺข้างต้น) ในตอนเช้า เช่นนั้น (หาก) เขาเสียชีวิตในวันนั้น เขาได้เข้าสวรรค์ (เช่นกัน)” (หะดีษเศาะหี้หฺ. บันทึกโดย บุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6323)