ชาวเมืองสะดูม จะเฝ้าคอยการมาของพวกพ่อค้าที่นำสินค้ามาขาย ในเมืองของพวกตน เมื่อพวกพ่อค้ามาถึงพวกเขาก็จะเข้ารุมล้อม และช่วยกันหยิบสินค้าไปคนละชิ้นสองชิ้นจนหมดเกลี้ยง
ความเลวทรามของชาวเมืองสะดูม ในสมัยนบีลูฏ
ชาวเมืองสะดูม จะเฝ้าคอยการมาของพวกพ่อค้าที่นำสินค้ามาขาย ในเมืองของพวกตน เมื่อพวกพ่อค้ามาถึงพวกเขาก็จะเข้ารุมล้อม และช่วยกันหยิบสินค้าไปคนละชิ้นสองชิ้นจนหมดเกลี้ยง และนำไปแจกจ่ายกันจนทั่วถึง แล้วก็พากันกลับไป โดยไม่ได้จ่ายราคาสินค้าเลย ส่วนพ่อค้าก็จะโศกเศร้าเสียใจร้องไห้ ไม่รู้จะทําประการใด และเขาก็จะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ จนมีชาวเมืองคนหนึ่งมาหาแล้วคืนสิ่งของที่หยิบเอาไปจากเขาและใช้มือลูบหลัง แล้วพูดปลอบใจว่า :
เพื่อนรักท่านทำทุกวิถีทางเลยหรือ สำหรับของเล็กๆ น้อยๆ ที่ฉันได้เอาไปจากท่าน ท่านจงรับคืนไปเถิด นี่คือสิ่งที่ฉันได้เอาไปจากท่าน และอย่าโศกเศร้าเลย
เขาได้คืนสิ่งของที่เอาไปให้แก่พ่อค้า ซึ่งเป็นจำนวนเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าที่พ่อค้าได้นำมาอย่างมากมาย พ่อค้าคิดถึงความมีน้ำใจของชายคนนี้เขามองดูสิ่งของเล็กน้อยที่ชายคนนั้นนำมาคืน พร้อมยืนยัน กับตัวเองว่าสินค้าเล็กน้อยที่ได้คืนมานี้ไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาเลย เพราะมันไม่มีค่าสำหรับเขา เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้ามากมายของเขาที่ถูกขโมยไป เขาจึงกล่าวแก่ชายคนนั้นว่า :
สิ่งที่ท่านนำมาคืนคงไม่มีประโยชน์อะไรกับฉัน เพราะสินค้าของฉัน ทั้งหมดมันหายไปแล้ว? ขอบคุณท่านมากที่มีน้ำใจนำมาคืน
ไม่นานนักก็มีคนนำของที่ขโมยไปมาคืนเขาอีก ด้วยวิธีการและเล่ห์เหลี่ยมอย่างเดียวกัน จนในที่สุดพ่อค้าก็ยอมยกของที่เขาขโมยไปแล้วนำมาคืนเพียงเล็กน้อยให้แก่เขาไป
ชาวเมืองสะดูม ที่ได้หยิบฉวยสินค้าของเขาไปต่างได้ทยอยนำสินค้ามาคืนให้แก่เขา จนในที่สุดเขาก็ยอมยกสิ่งที่นำมาคืนให้แก่ทุกรายไป เพราะมันมีจำนวนเล็กน้อยและไม่มีค่าอะไรสำหรับเขา ด้วยเหตุนี้พ่อค้าจึงสูญเสียสินค้าของเขาไปทั้งหมด เขาเดินทางกลับออกไปจากเมืองสะดูม อย่างโศกเศร้าเสียใจ เพราะขาดทุนอย่างย่อยยับจากการเดินทางนําสินค้ามาขายในเมืองนี้
ยังจะมีอะไรที่เลวทรามยิ่งไปกว่า การใช้เล่ห์เหลี่ยมคดโกงเอาทรัพย์สินจากเพื่อนมนุษย์อีกไหม ?
เรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า ซาเราะห์ ภรรยาของท่านนบีอิบรอฮีม (อ.ล.) ได้ส่ง “ละอาซัร” ซึ่งเป็นทาสอาวุโสของอิบรอฮีม (อ.ล.) เพื่อนําสารไปมอบให้แก่นบีลูก (อ.ล.) เมื่อละอาซัรเดินทางเข้าสู่เมืองสะดูมนั้นมีชาวเมืองคนหนึ่งเห็นเขา และพบว่าเขาไม่ได้นำสินค้าใดๆมาด้วย และไม่ได้ทำการค้าใดๆเลย ชาวเมืองคนนั้นจึงคิดว่าเขาจะทำอย่างไรกับชายคนนี้ เพื่อเอาทรัพย์สินจากเขา?
ชาวเมืองคนนั้นจึงไปหยิบหินมาก้อนหนึ่ง แล้วนําไปขว้างใส่เขาโดนที่ศีรษะเลือดไหลอาบ ละอาซัรหันไปมองดูว่า ใครเป็นคนขว้างเขาด้วยก้อนหิน พบว่าชาวเมืองสะดูมคนนั้นกำลังตรงมาหาเขา พร้อมกับพูดขึ้นว่า :
ฉันเป็นคนขว้างท่านด้วยก้อนหิน และทำให้เลือดท่านไหล
ละอาซัร ถามเขาว่า ทำไมท่านจึงทำกับฉันอย่างนี้ ฉันทำอะไรให้ ท่านโกรธเคืองหรือ ?
ชาวเมืองสะดุม พูดกับเขาว่า : เพราะฉันจะได้รับค่าจ้างที่ฉันได้กระทำกับท่านอย่างนี้ จนเลือดไหล
ละอาซัร โกรธ พร้อมกับพูดขึ้นว่า :
การใช้ก้อนหินปาหัวคนจนเลือดไหล สมควรเป็นงานที่ได้รับค่าจ้าง ตอบแทนอย่างนั้นหรือ ? เป็นเรื่องประหลาดมาก
ละอาซัร กับชาวเมืองสะดูมคนนั้นได้โต้เถียงกัน จนมีผู้คนเข้ามา ห้อมล้อมคนทั้งสองมากมาย ละอาซัรจึงถามคนเหล่านั้นว่า :
ชายคนนี้ขว้างหัวฉันแตกด้วยก้อนหิน เลือดไหล แล้วยังจะมาขอ คาจ้างที่เขาทํากับฉันอย่างนี้อีก มันรับกับสติปัญญาหรือ ?
ละอาซัร ทาสของอิบรอฮีม ได้นำตัวชายคนนั้นไปหาผู้พิพากษาของเมืองซะดูม และผู้พิพากษาก็เป็นชาวเมืองสะดูมเช่นเดียวกัน เขาได้เล่าเรื่องราว ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดให้ผู้พิพากษาฟัง และเมื่อผู้พิพากษาได้รับฟังข้ออ้างของชาวเมืองสะดูมที่เป็นคนขว้างจบลง เขาก็ได้ประกาศคำตัดสินโดยกล่าวว่า :
เราขอตัดสินว่า ละอาซัร ท่านจะต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ชายชาวเมืองสะดูม ที่เขาได้ทำให้หัวท่านแตกและทำให้เลือดท่านไหล
ละอาซัร ทาสของอิบรอฮีม ประหลาดใจในคำตัดสินที่แปลกพิศดารนี้ ความถูกต้องกลายเป็นความผิดได้อย่างไร ผู้ถูกทำร้ายต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ผู้ที่ทำร้ายเขาได้อย่างไรกัน !!
ทันใดนั้นละอาซัร ก็คิดได้ว่าจะจ่ายค่าจ้างให้แก่ชาวเมืองสะดูมอย่างยุติธรรมได้อย่างไร เขาคว้าก้อนหินขึ้นมาก้อนหนึ่งแล้วขว้างมันไปที่ศีรษะของผู้พิพากษา มันได้ทำให้ศีรษะเขาแตก และมีเลือดไหลโทรม ละอาซัร ได้กล่าวแก่ผู้พิพากษาว่า :
ค่าจ้างที่ฉันจะได้รับจากท่านที่ทำให้ศีรษะท่านแตกและเลือดไหลนั้น ขอให้ท่านจงจ่ายค่าจ้างนั้นแก่ชายชาวเมืองสะดูมเถิด เพื่อเป็นค่าจ้างที่เขาทำให้หัวฉันแตกและเลือดไหล
ละอาซัร เดินออกมาจากสถานที่ตัดสินนั้นอย่างมีความสุขที่ได้แก่แค้นชาวเมืองสะดูม และการกระทำที่ชั่วร้ายของพวกเขาได้เป็นผลสำเร็จ
ความชั่วช้าเลวทรามอีกอย่างหนึ่งของชาวเมืองสะดูมก็คือ การที่พวกเขามีเพศสัมพันธ์กับเพศชายด้วยกันที่เรียกพฤติกรรมนี้ว่า “ลิวาต” ภายในสโมสรที่พวกเขาร่วมกันจัดขึ้น เรียกว่า สโมสรแห่งความชั่วร้าย พวกเขาจะหมกมุ่นอยู่กับเพศชายด้วยกัน ไม่ข้องแวะกับสตรีเพศ จึงทำให้ประชากรของเมืองซะดูมลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนหมดสิ้น นี้เป็นความเมตตาของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ที่มีต่อชาวโลกด้วยประการหนึ่ง
จากหนังสือ 25 ศาสดาในศาสนาอิสลาม / โดย อ.อรุณ บุญชม