ในอิสลามส่งเสริมให้ผู้ศรัทธาบริจาคอย่างต่อเนื่อง หมั่นฝึกฝนการเป็นผู้ให้ด้วยการบริจาคอยู่เป็นอาจิณ เพราะการบริจาคคือความดีในอิสลาม การฝึกปรือเริ่มต้องทำความดี
7 จำพวกใต้ร่มเงาของอัลลอฮฺ
โดย อ.มุรีด ทิมะเสน
ท่านรสูลุลลอฮฺ กล่าวว่า
سَبْعَةٌ يُظِلُّهُمُ اللَّهُ فِي ظِلِّهِ، يَوْمَ لاَ ظِلَّ إِلَّا ظِلُّهُ....وَرَجُلٌ تَصَدَّقَ، أَخْفَى حَتَّى لاَ تَعْلَمَ شِمَالُهُ مَا تُنْفِقُ يَمِينُهُ
“เจ็ดบุคคลซึ่งพระองค์อัลลอฮฺทรงทำให้พวกเขาไปอยู่ในใต้ร่มเงาของพระองค์ ณ วัน (กิยามะฮฺ) ซึ่งไม่มีร่มเงาใดๆ ยกเว้นร่มเงาของพระองค์ดังกล่าว (1ใน 7) คือ บุคคลซึ่งเศาะดะเกาะฮฺ (บริจาค) อย่างลับๆ กระทั่งว่าเขาบริจาคมือขวาโดยมือซ้ายของเขาไม่รู้” [หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดยบุคอรีย์ หะดีษที่ 660]
สิ่งที่ได้รับจากหะดีษ
ในอิสลามส่งเสริมให้ผู้ศรัทธาบริจาคอย่างต่อเนื่อง หมั่นฝึกฝนการเป็นผู้ให้ด้วยการบริจาคอยู่เป็นอาจิณ เพราะการบริจาคคือความดีในอิสลาม การฝึกปรือเริ่มต้องทำความดี ควรฝึนจากสิ่งเล็กๆ สิ่งใกล้ตัวของเรา จากนั้นค่อยพัฒนาทำสิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มาตรว่าไม่ฝึกปรือทำความดีเล็กๆ ไว้ก่อน ยากขนาดหนักที่จิตใจของเราจะทำความดีในเรื่องใหญ่ๆ ได้
อนึ่ง การทำความดีเนี่ย ให้เราทำต่อเนื่อง ทำบ่อยๆ ที่สำคัญทำแล้วอย่าบอกใคร หรืออย่าอวดใครเด็ดขาด โปรดทำความดีอย่างลับๆ เก็บอมพะนำไว้กับตัวเราอย่างภาคภูมิใจเป็นพอ เพราะการทำความดีต่างๆ ของเราแค่ให้พระองค์อัลลอฮฺทรงรับรู้ และรับการงานนั้นๆ ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่ต้องไปอวดความดีของเรากับมนุษย์หน้าไหนบนโลกใบนี้เด็ดขาด เมื่อเราทำความดีเพื่อพระองค์เหตุไฉนเลยต้องไปบอกกับผู้คนด้วยเล่า? ตรองดูเถิด ทำไมพระองค์ทรงให้ร่มเงา ณ วันกิยามะฮฺแก่บุคคลบริจาคมือขวา แต่มือข้างซ้ายอยู่ข้างมือขวาด้วยซ้ำยังไม่รู้เลยว่า มือขวาได้บริจาคไปเมื่อไหร่และจำนวนเท่าใด?
นี่แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งการปกเปิดความดีของเรา อย่าว่าแต่บุคคลอื่นเลย คนใกล้ตัวเราก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ อีกมุมมองหนึ่ง การทำความดีแบบลับๆ นั้น ต้องต่อสู้กับอารมณ์ใฝ่ต่ำ (อัตตา) ความเป็นตัวตนของเรา กับอารมณ์ที่ไม่โอ้อวดอย่างชิงไหวชิงพริบ, เมื่อใดเราเอาชนะความเป็นตัวตน (อัตตา) ของเราได้อย่างราบคาบ เมื่อนั้นเราจะประสบความสำเร็จ ณ พระองค์อย่างไม่ต้องสงสัย ทำความดีเพื่อพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว มีความสุขที่ได้ทำความดีนั้นๆ โดยไม่แยแสเสียงชื่นชมจากภายนอก ตักตวงเฉพาะเสียงชื่นชมจากภายในใจเราที่มีต่ออัลลอฮฺอย่างหมดหัวใจ....แค่นั้นพอแล้ว
โปรดจงทำความดีโดยมิให้ใครล่วงรู้ต่อไปเถิด จงเก็บอมพะนำไปกับตัวเราตลอดไป กอดรัดฟัดเหวี่ยงความดีของเราต่อพระองค์อัลลอฮฺเพียงผู้เดียวเท่านั้น เวลาจะผ่านพ้นไปกี่วันกี่เดือนกี่ปีก็ช่าง เราขอทำความดีแบบลับๆ เยี่ยงนี้ตลอดไป ปล่อยให้ความเป็นตัวตน (อัตตา) ของเรา เสียงกระซิบจากเหล่าร้ายชัยฏอนผิดหวัง และไม่มีโอกาสหรือช่องทางไหนจักทำให้เราต้องอวดความดีของเราให้ผู้อื่นรับรู้ ให้อัตตาและเสียงกระซิบของมารกลบฝังตัวมันเองด้วยความสิ้นหวังไปพร้อมๆ กับการฉลองความสุขที่ทำความดีอย่างลับๆ ของเราโดยมิได้แพร่งพรายความดีของเราให้ใครล่วงรู้ นอกจากพระองค์อัลลอฮฺเพียงองค์เดียวเท่านั้น
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ (เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ) ได้รายงานจากท่านนบี(ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม) กล่าวว่า
“เจ็ด(จำพวก) อัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาได้อยู่ใต้ร่มเงาของพระองค์ในวันที่ไม่มีร่มเงาใด เว้นแต่ร่มเงาของพระองค์
1. ผู้นำยุติธรรม และ
2. หนุ่มสาวที่โตมากับการทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ และ
3. คนที่หัวใจของเขาผูกพันกับมัสยิด และ
4. คนสองคนที่รักกันเพื่ออัลลอฮฺ คบกันและเลิกกันเพื่อพระองค์ และ
5. ชายที่มีหญิงผู้มีความสวยความงามมาชักชวนเขา(ให้ทำซีนา) แต่เขากล่าวว่า แท้จริงฉันกลัวอัลลอฮฺ และ
6. คนที่เขาบริจาคโดยเขาปกปิดมันเอาไว้จนกระทั้งมือซ้ายไม่รู้ว่ามือขวาบริจาคอันใดไป และ
7. คนที่เขารำลึกถึงอัลลอฮฺอยู่ลำพังแล้วน้ำตาของเขาก็เอ่อล้นออกมา” บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ และมุสลิม