เราลองมาดูโทษของผู้ที่ละทิ้งละหมาดบ้างว่า เขาจะโดนลงโทษอย่างไร ? ซึ่งมีทั้งโทษในโลกดุนยา และโลกอาคิเราะห์
ฮุก่มการทิ้งละหมาด โทษของการทิ้งละหมาด 5 เวลา ฮาดิษ ทิ้งละหมาด
ฮุก่มการทิ้งละหมาด
ในมัสฮับของท่านอิหม่ามอะฮฺหมัด รอฮิมะฮุ้ลลอฮ(มัสฮับฮัมบาลีย์) คือ เขา(คนที่ทิ้งละหมาด)จะถูกตัดสินว่าเป็นกาเฟร และเขาก็จะถูกประหาร โดยสิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิม และทัศนะนี้คือทัศนะที่ได้ถูกถ่ายทอดต่อกันมาจากบรรดาสาวกของ ท่านนบีศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม และท่านอิสหาก ได้รายงานอิจมาอฺ(มติเอกฉันท์)สำหรับเรื่องนี้เอาไว้ และเช่นเดียวกับที่ ท่านมุนซีรี่ ได้ถ่ายทอดมัน(อิจมาอฺนี้)ในหนังสือ “อัตตัรฆีบ วัตตัรฮีบ” และในที่อื่นๆ และส่วนหนึ่งจากหลักฐานต่างๆที่บ่งชี้ถึงสิ่งดังกล่าวนี้ ก็คือ ฮะดีษที่รายงานโดย อัลญะมาอะห์ ยกเว้น บุคอรีและ นะซาอีย์ จาก ท่าน ญาบิร รอดิยั้ลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ท่านร่อซู้ลศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม กล่าวว่า :
“หว่างคนๆหนึ่งกับการปฏิเสธศรัทธา คือ การทิ้งละหมาด”
ฮาดิษ ทิ้งละหมาด : ฮาดิษที่รายงานโดยอะฮฺหมัด จากฮาดีษของท่านหญิงอุมมุอัยมัน ฮะดิษมัรฟูอฺ(ฮะดิษที่ศอฮาบะฮ์รายงาน คำพูด การกระทำการยอมรับ ไปถึงถึงท่านนบีศ็อลลั้ลลอฮุลัยฮิวะซั้ลลัม) ว่า :
“ใครก็ตามที่ทิ้งละหมาดโดยเจตนา การคุ้มครองของอัลลอฮและร่อซู้ลของพระองค์ได้หลุดพ้นจากเขาไปแล้ว” (ฮาดิษ ทิ้งละหมาด)
ฮาดีษที่รายงานโดย อัศฮาบุซซุนัน จากฮะดิษของท่าน บุรอยดะห์ บิน ฮุเซน กล่าวว่า ท่านร่อซู้ลศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซ้ลลัมกล่าวว่า :
“พันธะสัญญาระหว่างพวกเรากับพวกเขา(บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา)คือ การละหมาด ดังนั้นใครก็ตามที่ทิ้งมันแน่นอนเขาได้ปฏิเสธศรัทธาแล้ว” (ฮาดิษ ทิ้งละหมาด)
ท่านติรมีซีย์ ได้รายงานจากท่านอับดุลลอฮ บิน ชะกีก ว่า : บรรดาสาวกของท่านร่อซู้ลศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัมไม่ได้เห็นว่าการงานใดที่การละทิ้งมัน ถือว่าเป็นการปฏิเสธศรัทธา นอกเสียจากการละหมาดเท่านั้น
ท่านอิหม่ามมูฮำหมัด บิน นัศรฺ อั้ลมัรวีซี่ย์ กล่าวว่า : ฉันได้ยินท่านอิสหาก กล่าวว่า : มีรายงานที่ถูกต้องจากท่านนบีศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัมว่า
"ผู้ที่ทิ้งละหมาด คือกาเฟร(ผู้ปฏิเสธศรัทธา)" (ฮาดิษ ทิ้งละหมาด)
และเช่นเดียวกัน ทัศนะบรรดาผู้รู้ที่อยู่กับท่านร่อซู้ลศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม มีทัศนะว่า
"แท้จริงแล้วคนที่ทิ้งละหมาดโดยเจตนา ปราศจากอุปสรรคใดๆทั้งสิ้น จนกระทั่งเวลาละหมาดของมันได้ผ่านพ้นไป คือกาเฟร" (ฮาดิษ ทิ้งละหมาด)
ท่าน อิหม่าม อิบนุ ฮัซมฺ ได้กล่าวว่า : เราได้รายงานจากท่าน อุมัร บิน ค็อตตอบ รอดิยั้ลลอฮุอันฮุ ท่าน มุอาซ บิน ญะบั้ล ท่าน อิบนุ มัสอู๊ด และบรรดาสาวกของท่านนบีศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัมกลุ่มหนึ่ง รอดิยั้ลลอฮุอันฮุม และเราก็ได้รายงานจากจาก ท่าน อิบนุ้ลมุบาร็อก อะฮฺหมัด บิน ฮัมบัล อิสหาก บิน รอฮาวัยฮฺ เราะมะตุ้ลลอฮอลัยฮิม และจากศอฮาบะห์ และตาบีอีนถึง 17 คน รอดิยั้ลลอฮุอันฮุม ว่า :
“แท้จริงใครก็ตามที่ละทิ้งการละหมาดฟัรดูเวลาหนึ่งเวลาใด โดยตั้งใจ โดยที่เขานึกขึ้นได้จำได้ไม่ได้หลงลืม จนกระทั่งเวลาของการละหมาดได้หมดไป แน่นอนเขาคือ ผู้ปฏิเสธศรัทธา และสิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิม” (ฮาดิษ ทิ้งละหมาด)
และท่าน อับดุลลอฮ อัลมาญิชูน สหายของอิหม่ามมาลิก ได้กล่าวเกี่ยวกับทัศนะนี้ไว้ และ ท่านอัลดุลลอฮ บิน ฮะบีบ อัลอันดะลูซี่ และท่านอื่นๆ ก็ได้กล่าวทัศนะนี้เช่นกัน”
ดูในหนังสือ “อัลฟัศลฺ” เล่ม 3 หน้าที่ 274 หนังสือ “อัลมุฮั้ลลา” ของอิบนุฮัซมฺ เล่ม 2 หน้าที่ 326 และ หนังสือ “อัตตัมฮีด” ของท่าน อิบนุ อับดิ้ลบัรรฺ เล่ม 4 หน้าที่ 225
โทษของการทิ้งละหมาด 5 เวลา
อิบาดะฮฺ ที่เป็นแก่นของศาสนาคือ การละหมาด ท่านนบี กล่าวไว้ว่า “พันธะระหว่างฉันกับพวกเขาเหล่านั้น คือ การละหมาด ใครที่ทิ้งละหมาดเขาเป็นกาเฟร”
ในฮาดีษอีกบทหนึ่งท่านนบี กล่าวว่า
“ใครที่ละทิ้งละหมาดวันศุกร์ 3 ครั้ง โดยไม่มีเหตุจำเป็น อัลลอฮฺจะปิดหัวใจของเขา”
ฮาดีษนี้ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการละหมาดวันศุกร์ คำว่า โดยไม่มีเหตุจำเป็นนั้น แต่ละคนก็ต้องทราบดีว่าไม่ละหมาดวันศุกร์ จำเป็นจริงหรือเปล่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่จะต้องตอบกับอัลลอฮฺในวันกิยามะฮฺ ท่านนบี กล่าวไว้อีกว่า
“ใครที่ทิ้งละหมาดอัศรฺโดยเจตนา การงานของเขาก็เสียหมด”
นี่คือผลของการละทิ้งการละหมาด ไม่ว่าจะเป็นละหมาดฟัรฎู 5 เวลา หรือละหมาดวันศุกร์ หรือละหมาดเวลาใดเวลาหนึ่งก็ตาม
เราลองมาดูโทษของผู้ที่ละทิ้งละหมาดบ้างว่า เขาจะโดนลงโทษอย่างไร ? ซึ่งมีทั้งโทษในโลกดุนยา และโลกอาคิเราะห์
สำหรับโทษในโลกดุนยานี้ เขาจะมีชีวิตอย่างอึดอัด หม่นหมอง กระวนกระวาย แม้ว่าเขาจะมั่งมีเงินทองมากมายเพียงใดก็ตาม อัลลอฮฺ ตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า
“ใครก็ตามที่หันเหออกจากการรำลึกถึงพระองค์ พวกเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างอึดอัด และเราจะรวมเขาในวันกิยามะฮฺอย่างคนตาบอด เขาจะร้องออกมาว่า “อัลลอฮฺ ทำไมรวมฉันให้ตาบอดทั้งๆที่ฉันเคยมองเห็น”
อัลลอฮฺจะกล่าวแก่เขาว่า “เมื่อโองการต่างๆของฉันมีมายังเจ้า เจ้ากับทำลืมไม่รู้ไม่เห็น วันนี้เจ้าก็ต้องถูกลืมบ้าง” (ตอฮา 20: 124-126)
เมื่อผู้รู้มาเตือน นำโองการต่างๆของพระองค์มาแนะนำเชิญชวนให้ทำการละหมาดแต่กับไม่สนใจ ทำเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่ใส่ใจต่อคำเรียกร้องให้กระทำความดี เมื่อกลับไปในโลกหน้าก็ต้องตาบอด
อีกโองการหนึ่ง อัลลอฮฺ ได้ตรัสว่า
“แท้จริง มนุษย์ถูกบังเกิดมาเป็นคนหวั่นไหว เมื่อความทุกข์ยากประสบแก่เขา ก็ตีโพยตีพาย กลัดกลุ้ม และเมื่อคุณความดีประสบแก่เขา ก็หวงแหน นอกจากบรรดาผู้กระทำละหมาด ผู้ที่ดำรงมั่นอยู่ในการละหมาดเป็นประจำ” (อัลมะอาริจญ 70:19-23)
อายะฮฺนี้ชี้ให้เห็นว่า มนุษย์นั้นเมื่อตกอยู่ในความชั่ว เขาจะตกใจกลัว อึดอัดหวั่นไหว เมื่อได้ดีมักจะลืมตัว ลืมนึกถึงผู้ที่ประทานความดีให้เขา ก็จะละเมิดคำสั่งของอัลลอฮฺ ยกเว้นคนที่ทำละหมาดเป็นประจำ และเป็นคนดีสำนึกในบุญคุณของพระองค์อัลลอฮฺ เขาจะไม่เกิดความกลัว ความกังวลใดๆ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะว่า อัลลอฮฺ จะโปรดปราน แก่ผู้ที่ทำการเคารพภักดีต่อพระองค์ให้เขาได้มีชีวิตอย่างสงบ อบอุ่น ความโปรดปราน ความเมตตาของพระองค์นี้ ไม่มีขายในท้องตลาด ไม่ว่าใครจะมีเงินมากเท่าไหร่ก็หาซื้อไม่ได้ แต่ใครอยากได้ไม่ต้องเสียเงินเสียทอง เพียงแค่ทำการละหมาดอย่างเคร่งครัดถูกต้องและครบถ้วน ก็จะได้รับทันที สำหรับคนที่ทิ้งละหมาดนั้น เขาจะไม่ได้รับ เพราะว่าเขาได้ตัวขาดกับพระองค์อัลลอฮฺ
สำหรับโทษของผู้ที่ทิ้งละหมดในกุบู๊ร อะลัมบัรซัค นั้น ในฮะดีษที่รายงานโดยอิมาม บุคอรีย์ ที่กล่าวถึงสิ่งที่ท่านนบี ฝันเห็นว่า
ท่านนบี กล่าวว่า :
“มะลาอิกะฮฺสองท่านได้มาหาท่าน และกล่าวแก่ท่านว่า ลุกขึ้นไปกับเรา ท่านนบีก็ไปกับทั้งสอง เขาพาไปเห็นชายสองคน คนหนึ่งนอนตะแคงอยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งยืนยกหินก้อนใหญ่ แล้วทุ่มลงไปที่หัวคนที่นอนอยู่ หัวของเขาแตก แล้วหินก็กลิ้งไป ชายผู้นั้นจึงตามไปหยิบหินก้อนนั้น เขาจะไม่กลับไปจนกว่าหัวที่แตกนั้นจะกลับเหมือนเดิน แล้วเขาก็เอาหินทุ่ม ลงไปอีก ทำอยู่อย่างนี้อย่างต่อเนื่อง
ท่านนบี จึงกล่าวว่า (ซุบอานัลลอฮฺ) นี่มันโทษอะไรกันนี่...
ในตอนท้ายของฮะดีษ มะลาอิกะฮฺ ก็เฉลยว่า นั่นแหละ คือโทษของคนอ่านกุรอานแล้วไม่ทำตาม และคนที่นอนไม่ละหมาดฟัรฎู”
นี่เป็นการลงโทษในกุบู๊ร (หลุมศพ) ที่เหมาะสมและรุนแรง เพระว่าไม่ตื่นขึ้นละหมาด หัวของเขาหนัก ก็ต้องโดนทุบหัวให้แตก ให้สาสมกับความขึ้เกียจของเขา
ส่วนโทษในโลกอาคิเราะฮฺนั้น การลงโทษครั้งแรกก็คือ เมื่อมีเสียงประกาศให้สุญูดต่ออัลลอฮฺ เขาไม่สามารถจะสุญูดได้ อัลลอฮฺ ตรัสว่า
“วีรชนที่หน้าแข้งจะถูกเลิกขึ้น (ในวันกิยามะฮฺ วันที่อัลลอฮฺพิพากษา) พวกเขาถูกเรียกให้มาสุญูดต่ออัลลอฮฺ พวกที่ทิ้งละหมาดไม่สามารถสุญูดได้” (อัลกอลัม 68:42)
สำหรับมุสลิมที่ปฏิบัติละหมาดในขณะที่เขาอยู่บนโลกดุนยา จะสุญูดต่ออัลลอฮฺ กันทั้งหมด แต่พวกที่ไม่ละหมาดก็พยายามจะสุญูดต่ออัลลอฮฺ เพื่อจะได้ลบล้างความผิดของเขาที่กระทำไว้อย่างมากได้บ้าง แต่ปรากฏว่าหลังของเขาแข็งเหมือนกระดานก้มลงสุญูดไม่ได้ นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นการลงโทษ ก่อนที่พวกเขาจะไปเจอโทษที่หนักและสาหัสสากรรจ์กว่านี้
โทษของผู้ทิ้งละหมาดต่อไป คือ ตกนรก
อัลลอฮฺ ตรัสว่า..
" ยกเว้นบรรดาผู้อยู่เบื้องขวา อยู่ในสวนสวรรค์หลากหลาย พวกเขาจะไต่ถามซึ่งกันและกัน เกี่ยวกับพวกที่กระทำความผิด อะไรที่นำพวกท่านเข้าสู่กองไฟที่เผาไหม้
พวกเขาเหล่านั้น ก็จะตอบว่า เพราะเรามิได้เป็นผู้ที่ทำการละหมาด เรามิได้ให้อาหารแก่บรรดาผู้ขัดสน และพวกเราเคยมั่วสุมอยู่กับพวกที่มั่วสุมทั้งหลาย หมดมุ่นอยู่กับเรื่องไร้สาระต่างๆ และเราเคยปฏิเสธวันแห่งการตอบแทน จนกระทั่งความตายได้มาเยือนเรา " (อัลมุดดัรซิร 74: 39-47)
เป็นคำถามที่ชาวนรกจะถูกถามว่า ทำไมถึงลงนรก? สิ่งแรกที่จะตอบก็คือ เพราะว่าไม่ได้ละหมาด แต่มารู้ตอนนี้มันก็สายไปแล้ว เพราะว่าลงนรกไปแล้ว ไม่มีโอกาสกลับไปแก้ตัว อีกแล้ว เพราะอัลลอฮฺ ได้ให้เวลาแก่เขาบนโลกนี้เพียงพอแล้ว เขาจึงต้องยอมรับโทษสถานเดียว
อีกอายะฮฺ หนึ่ง อัลลอฮฺ ตรัสว่า
“หลังจากบุคคลที่กล่าวมาแล้วได้มีคนรุ่นหลังสืบต่อมา ที่ได้ละทิ้งการละหมาด และทำตามอารมณ์ ซึ่งต่อไปจะต้องเข้านรก (อัล ฆอย)” (อัลมัรยัม 19:59)
คำว่า “อัลฆอย” หมายถึง ความขาดทุนอย่างย่อยยับ และเป็นชื่อหนึ่งของผู้คุมนรกที่ลึกที่สุด และร้อนที่สุดที่มันจะพ่นเอาความร้อนไปยังนรกขุมอื่นๆ อีกอายะฮฺหนึ่ง อัลลอฮฺ ตรัสว่า
“นรกจงมีแก่คนสับปลับ ที่ทำละหมาดเถิด ซึ่งพวกเขาไม่ใส่ใจตอการละหมาดแต่อย่างใด (ว่าตรงเวลาหรือไม่ ทำเรียบร้อยหรือไม่)” (อัลมาอูน 107:45)
นอกจากนี้แล้ว คนที่ทิ้งละหมาดก็จะไปอยู่ร่วมกับคนที่ข่มเหงรังแกผู้อื่น ที่สร้างความเสื่อมเสียบนโลกมนุษย์จากประชาชาติต่างๆ ก่อนหน้านี้
วันหนึ่ง ท่านนบี ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องละหมาด ท่านได้กล่าวว่า
“ใครที่ปฏิบัติละหมาดอย่างครบถ้วน ละหมาดจะเป็นรัศมีให้แก่เขา เป็นพยานให้แก่เขา และให้เขาปลอดภัยจากไฟนรกในวันกิยามะฮฺ ถ้าใครไม่ละหมาด ละหมาดก็จะไม่เป็นรัศมีให้แก่เขา ไม่เป็นพยานให้ ไม่ปกป้องเขาให้พ้นจากไฟนรก และเขาจะอยู่ในนรกกับ กอรูน ฟิรเอาน์ ฮามาน และอุบัยลูกคอลัฟ”
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นคนที่ชั่วร้ายทั้งสิ้น แต่ละคนนั้นมีความละเลยประจำตัวของเขา มีทั้งคนที่บ้าอำนาจ บ้ายศถาบรรดาศักดิ์ ลุ่มหลงทรัพย์สินเงินทอง ดังนั้นใครที่ลุ่มหลงในทรัพย์สินเงินทองก็ไปอยู่กับกอรูน ใครที่บ้าอำนาจก็ไปอยู่กับฟิรเอาน์ ใครที่บ้าตำแหน่งบ้ายศก็ไปอยู่กับฮามาน และใครที่ยุ่งอยู่กับธุรกิจการค้าจนลืมละหมาดก็ไปอยู่กับอุบัย บิน คอลัฟ ขออัลลอฮฺ ให้เราห่างไกลจากพวกเหล่านี้ด้วยเถิด
เพราะฉะนั้น ใครที่ละทิ้งการละหมาด หรือบกพร่องในหน้าที่ อันนี้ต้องรีบกลับเนื้อกลับตัว หันมาทำละหมาดให้ครบถ้วน ตรงตามเวลา และตั้งใจที่จะไม่ทิ้งละหมาดอีกต่อไปเป็นอันขาด ท่านนบี ได้กล่าวไว้ว่า
“ทุกคนผิดพลาดได้ แต่คนผิดที่ดีนั้น คือ คนที่กลับเนื้อกลับตัว สำนึกในความผิด”
วั้ลลอฮุอะอฺลัม
ที่มา: www.islammore.com
- ละหมาดในบ้านที่ไม่ใช่มุสลิมได้หรือไม่?
- ดุอาอ์ขอให้ได้กลับไปสู่ในความเมตตาในภาวะฮุสนุลคอตีมะห์
- ละหมาดโดยนั่งยืดขา ใช้ได้ไหม?
- ในอดีตทิ้งละหมาดฟัรดู 30 ปี ต้องทำอย่างไรดี?
- แม่เสียชีวิต เราไม่ได้ละหมาดนานถึง 3 ปี เราจะละหมาดให้ได้หรือไม่?
- ถือศีลอดแต่ไม่ ละหมาด มีค่าเท่ากับศูนย์
- กล่าวดุอาอ์เพียง 15 วินาที ครอบคลุมทั้งในอัลกุรอานและซุนนะห์
- ซูเราะห์อัลวากิอะห์ อ่านทุกๆคืน ความยากจนจะไม่ประสบกับเขา