ในอดีตทิ้งละหมาดฟัรดู 30 ปี ต้องทำอย่างไรดี?

ในอดีตทิ้งละหมาดฟัรดู 30 ปี ต้องทำอย่างไรดี?
ในอดีตผมทิ้งละหมาดฟัรดู จนปัจจุบันผมอายุ 30 ปีแล้ว อยากถามว่า การละหมาดที่ทิ้งไปก่อนหน้านี้ หากผมเตาบะฮฺตัวจะได้ไหม ซึ่งตอนนี้ผมละหมาดครบแล้ว หรือผมต้องทำอย่างไรดีครับ?

ในอดีตทิ้งละหมาดฟัรดู 30 ปี ต้องทำอย่างไรดี?

ในอดีตผมทิ้งละหมาดฟัรดู จนปัจจุบันผมอายุ 30 ปีแล้ว อยากถามว่า การละหมาดที่ทิ้งไปก่อนหน้านี้ หากผมเตาบะฮฺตัวจะได้ไหม ซึ่งตอนนี้ผมละหมาดครบแล้ว หรือผมต้องทำอย่างไรดีครับ?

ตอบโดย: อ.มุรีด ทิมะเสน

การทิ้งละหมาดฟัรดู ถือเป็นบาปใหญ่ เฉกเช่น บาปทำซินา หรือบาปดื่มสุรา เป็นต้น

ในอดีตทิ้งละหมาดฟัรดู 30 ปี ต้องทำอย่างไรดี?

ท่านรสูลุลลอฮฺ กล่าวว่า

بَيْنَ الْعَبْدِ، وَبَيْنَ الْكُفْرِ تَرْكُ الصَّلَاةِ

“ระหว่างบ่าวคนหนึ่งกับการปฏิเสธ (กุฟรฺ) นั้นคือการละทิ้งการละหมาด (ฟัรดู)” [หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดยอบูดาวูด หะดีษที่ 4678]

หะดีษข้างต้นนักวิชาการได้อธิบายว่า การปฏิเสธข้างต้นหมายถึง การปฏิเสธความโปรดปราน (นิอฺมะฮฺ) ของอัลลอฮฺ กล่าวคือ อัลลอฮฺให้ริซกี ให้อากาศหายใจ ฯลฯ แต่ไม่ขอบคุณ ไม่เชื่อฟังพระองค์ ไม่สุญูด เป็นต้น แต่ความมิได้หมายรวมว่า มุสลิมคนหนึ่งทิ้งละหมาดฟัรดู เขาจะสิ้นสภาพการเป็นมุสลิม (ส่วนทัศนะที่ระบุว่าสิ้นสภาพการเป็นมุสลิมก็มีเช่นกัน) แต่ถ้ากรณีเขาปฏิเสธว่าการละหมาดฟัรดูไม่ใช่วาญิบ นั่นแหละถึงจะสิ้นสถาพการเป็นมุสลิม (ตกมุรฺตัด)

ประเด็นถัดมา เมื่อเราทำผิดหลักการ แล้วเตาบะฮฺ (กลับตัว) ยังพระองค์อัลลอฮฺ เช่นนี้เขาย่อมได้รับการอภัยโทษให้ อีกทั้งคนซึ่งกระทำความผิด แล้วขอลุแก่โทษ เช่นนี้ ถือว่าเขายังเป็นบุคคลที่ดีในทัศนะของอิสลามอีกด้วย

ท่านรสูลุลลอฮฺ กล่าวว่า

كُلُّ ابْنِ آدَمَ خَطَّاءٌ وَخَيْرُ الخَطَّائِينَ التَّوَّابُونَ

“ลูกหลานอาดัมทุกคนล้วนมีความผิดทั้งสิ้น และบรรดาบุคคลซึ่งกระทำความผิดที่ดี คือ (ผิดแล้ว) เตาบะฮฺตัว (ขอลุแก่โทษต่ออัลลอฮฺ) นั่นเอง” [หะดีษหะสัน, บันทึกโดยติรฺมิซีย์ หะดีษที่ 2499]

ประการสุดท้าย กรณีในอดีตเราทิ้งละหมาดฟัรดูู ตั้งแต่เราบรรลุศาสนภาวะมา ขณะนี้เราอายุ 30 ปี หรือจะอายุเท่าไรก็ตาม เช่นนี้ให้เราเตาบะฮฺตัวต่ออัลลอฮฺว่า จะไม่ทิ้งนมาซอีกแล้ว จากนั้นให้เราละหมาดครบ 5 เวลาทุกวัน โดยไม่ต้องชดใช้ละหมาดที่ละทิ้งมาก่อนหน้านี้แต่อย่างใด,ทว่าให้เรานมาซสุนนะฮฺเยอะๆ เพราะการละหมาดสุนนะฮฺเยอะๆ จะช่วยให้การละหมาดฟัรฺฎูที่เคยบกพร่องในอดีตเกิดความสมบูรณ์

ท่านรสูลุลลอฮฺ กล่าวว่า

" إِنَّ أَوَّلَ مَا يُحَاسَبُ بِهِ العَبْدُ يَوْمَ القِيَامَةِ مِنْ عَمَلِهِ صَلَاتُهُ، فَإِنْ صَلُحَتْ فَقَدْ أَفْلَحَ وَأَنْجَحَ، وَإِنْ فَسَدَتْ فَقَدْ خَابَ وَخَسِرَ، فَإِنْ انْتَقَصَ مِنْ فَرِيضَتِهِ شَيْءٌ، قَالَ الرَّبُّ عَزَّ وَجَلَّ: انْظُرُوا هَلْ لِعَبْدِي مِنْ تَطَوُّعٍ فَيُكَمَّلَ بِهَا مَا انْتَقَصَ مِنَ الفَرِيضَةِ، ثُمَّ يَكُونُ سَائِرُ عَمَلِهِ عَلَى ذَلِكَ "

“แท้จริงสิ่งแรกที่บ่าว (ของอัลลอฮฺ) จะถูกสอบสวนการงานของเขาในวันกิยามะฮฺคือ การละหมาด (ฟัรฺฎู) ของเขา, หากการละหมาด (ฟัรฺฎู) ของเขาครบถ้วน แน่นอนเขาจะประสบความสำเร็จ และความจำเริญ แต่หากการละหมาด (ฟัรฺฎู) ของเขาบกพร่อง เขาจะประสบกับความสิ้นหวัง และความเสียหาย, ซึ่งหากมีสิ่งหนึ่งทำให้การละหมาดฟัรดูของเขาบกพร่อง, พระผู้อภิบาลจักทรงตรัสขึ้นว่า พวกท่านจงพิจารณาดูเถิดว่า บ่าวของฉันมีละหมาดสุนนะฮฺไหม? (ถ้ามี) จงทำให้ละหมาดฟัรดูที่เคยบกพร่อง สมบูรณ์ด้วยการละหมาดสุนนะฮฺของเขาเถิด, ต่อมาเขาจะถูกสอบสวนการงานอื่นๆ หลังจากนั้น”

[หะดีษเศาะหี้หฺ, บันทึกโดยติรฺมิซีย์ หะดีษที่ 413]

(วัลลอฮุอะอฺลัม)

https://islamhouse.muslimthaipost.com/article/23365