มุสลิมผู้ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว ผู้ศรัทธาในอัลลอฮฺ ตะอาลา ว่าเป็นพระเจ้าที่แท้จริงแต่เพียงพระองค์เดียว
มุสลิมผู้ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว
มุสลิม คือ ผู้ศรัทธาในอัลลอฮฺ ตะอาลา ว่าเป็นพระเจ้าที่แท้จริงแต่เพียงพระองค์เดียว และนอบน้อมยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระองค์โดยสิ้นเชิง
ด้วยคำจำกัดความดังกล่าวนี้ มุสลิมจึงเป็นบุคคลใดก็ได้โดยไม่คำนึงถึงสีผิว เผ่าพันธุ์ หรือภาษา และมุสลิมก็มิใช่เพิ่งจะมีขึ้นในสมัยของนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยอิวะซัลลัม เท่านั้น หากแต่มีขึ้นมาในทุกยุคทุกสมัยที่มีนบีหรือศาสดก่อนหน้านั้นแล้ว สิ่งที่จะตัดสินว่าใครเป็นมุสลิมก็คือ การศรัทธาในอัลลอฮฺ ตะอาลา และการปฏิบัติตามคำสอนของนบีที่มาจากพระองค์
นบีอิบรอฮีมมิได้เป็นยิวและมิได้เป็นคริสเตียน
"อิบรอฮีมไม่เคยเป็นยิวและไม่เคยเป็นคริสต์ (คือมิได้ตั้งอยู่ในศาสนายิวและศาสนาคริสต์) แต่ทว่าเป็นผู้หันออกจากความเท็จสู่ความจริง เป็นผู้น้อมตาม (คือน้อมตามบัญญัติของอัลลอฮฺ ตะอาลา โดยปราศจากเงื่อนไข) และเขาก็ไม่เคยอยู่ในหมู่ผู้ให้มีภาคีขึ้น (แก่อัลลออ)" (ซูเราะห์อาลอิมรอน อายะห์ที่ 67)
"ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ โปรดให้ข้าพระองค์ทั้งสองเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์ และโปรดให้มีขึ้นจากลูกหลานของพวกข้าพระองค์ ซึ่งประชาชาติที่นอบน้อมต่อพระองค์ และโปรดแสดงแก่ข้าพระองค์ซึ่งพิธีการทำฮัจญ์ของพวกข้าพระองค์ และโปรดอภัยโทษแก่พวกข้าพระองค์ด้วย แท้จริงพระองค์ทรงเป็นผู้อภัยโทษ ทรงเอ็นดูเมตตา" (ซูเราะห์อัล-บะเกาะเราะห์ อายะห์ที่ 128)
เมื่อนบีอีซา (เยซู) ได้เห็นถึงการปฏิเสธของพวกวงศ์วานอิสรออีล ท่านได้ถามบรรดาสานุศิษย์ของท่านว่า ใครจะเป็นผู้ช่วยเหลือท่านในหนทางของอัลลอฮฺ ตะอาลา บรรดาสานุศิษย์ของท่านก็กล่าวว่า พวกเขาเป็นผู้ช่วยของอัลลอฮฺ ตะอาลา พวกเขาศรัทธาในอัลลอฮฺ ตะอาลา และได้ขอให้ท่านเป็นพยานด้วยว่าพวกเขาเป็นมุสลิม ดังอัลกุรอานความว่า
"ครั้นเมื่ออีซารู้สึกว่ามีการปฏิเสธศรัทธาเกิดขึ้นในหมู่พวกเขา (คือ หมู่พวกยิว) จึงได้กล่าวว่า ใครบ้างจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉันไปสู่อัลลอฮฺ (คือ ไปสู่ศาสนาของพระองค์ บรรดาสาวกผู้บริสุทธิ์ใจกล่าวว่า พวกเราคือผู้ช่วยเหลืออัลลอฮฺ (คือ ช่วยเหลือศาสนาของอัลลอฮฺ ตะอาลา พวกเราศรัทธาต่ออัลลอฮฺแล้วและท่านจงเป็นพยานด้วยว่า แท้จริงพวกเรานั้นคือผู้น้อมตาม" (ซูเราะห์อาลอิมรอน อายะห์ที่ 52)
"และจงรำลึกถึงขณะที่ข้ได้ดลใจแก่อัลฮะวารียีน (คือ ให้ท่านนบีอีซารำลึกถึง ขณะที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ดลใจแก่อัลฮะวารียืน บรรดาผู้เป็นสาวกของท่านนบีอีชาด้วยความบริสุทธิ์ใจ) ว่าจงศรัทธาต่อซ้ำาและต่อรอซูลของข้า(หมายถึง ท่านนบีอีซา อะลัยฮิสสลาม) เถิด พวกเขากล่าวว่า พวกข้าพระองค์ศรัทธากันแล้วและโปรดได้ทรงเป็นพยานด้วยว่า แท้จริงพวกข้าพระองค์นั้น เป็นผู้สวามิภักดิ์ (ต่อพระองค์)" (ซูเราะห์อัล-มาอิดะห์ อายะห์ที่ 111)
ครอบคลุมพฤติกรรมของมนุษย์ในทุกๆ ด้านตั้งแต่เกิดจนตาย นับตั้งแต่เรื่องส่วนตัว ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ โดยมีรากฐานที่มาจากคัมภีร์อัลกุรอานและแบบคำสอนของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั่นเอง
ที่มา: อัลลอฮฺอักบัร ปาฏิหาริย์คัมภีร์อัลกุรอานและ 25 นบีในอัลกุรอาน อ.ประเสริฐ มัสซารี