
ตลอดทั้งญุซนี้ เป็นซูเราะฮ์ อันนีซาอ์ ส่วนหนึ่งที่พระองค์ทรงกล่าวไว้ในญุซนี้
สรุปความ อัล-กุรอาน ญุซที่ 5
ตลอดทั้งญุซนี้ เป็นซูเราะฮ์ อันนีซาอ์ ส่วนหนึ่งที่พระองค์ทรงกล่าวไว้ในญุซนี้ :-
____________________
อันนีซาอ์ : 24-25
____________________
อัลลอฮทรงกล่าวถึงการแต่งงาน กล่าวถึงผู้หญิงที่มีสามี และตกเป็นเชลยศึก จึงตกเป็นทาส และมีนายใหม่(ในสมัยก่อน) ที่นายใหม่ของนาง สามารถสมสู่นางได้โดยมิต้องแต่งงาน หากแต่ต้องหลังจากพ้นอิดดะฮ์ของนาง หรือหากมีชายใด จะมาขอนางแต่งงาน ก็สามารถทำได้ แต่ต้องหลังจากพ้นอิดดะฮ์เช่นกัน
พระองค์ ยังได้กล่าวถึง และการแต่งงานของบุคคลทั่วไป ที่เป็นที่อนุมัติ ซึ่งตรงข้าม กับการผิดประเวณี มีการจ่ายค่าสินสอดทองหมั้นแก่ฝ่ายผู้หญิง จะเพิ่มจะลดได้ แม้หลังจากที่ตกลงกันแล้วก็ตาม และหากชายคนหนึ่ง ไม่มีกำลังทรัพย์ ก็จงแต่งงานกันสาวที่เป็นทาส (ในสมัยก่อน) ที่ได้รับการอนุญาตจากนายของนาง ให้นางซึ่งของตอบแทนอันชอบธรรม เพราะว่านางเป็นผู้แต่งงาน มิใช่ผู้ร่วมประเวณี (อัลลอฮทรงยกเกียรติพวกนาง) และใคร ที่สามารถอดกลั้นไว้ได้ (จากการผิดประเวณี - ซีนา) อัลลอฮจะทรงตอบรับผลบุญนั้น แท้จริงพระองค์ทรงเป็นผู้อภัยโทษ และเมตตาเสมอ
____________________
อันนีซาอ์ : 28
____________________
จากนั้นพระองค์ทรงกล่าวถึงมนุษย์นั้น ถูกบังเกิดขึ้น ในสภาพที่อ่อนแอ ((เป็นอีก 1 อายัตในดวงใจ หากใครคิดถึงมัน เขาจะไม่โอหัง ไม่หยิ่ง ไม่ยโส ไม่อวดเบ่ง อะไรใดๆกับใครบนโลกใบนี้เลย เพราะเข้าใจสภาพตนเอง จะมีเพียงใจ ที่นอบน้อม))
____________________
อันนีซาอ์ : 29
____________________
พระองค์ยังทรง ห้ามกินทรัพย์สินคนอื่น โดยมิชอบ ห้ามทำการฆ่าตัวตาย แท้จริง พระองค์ทรงเป็นผู้เมตตาเสมอ
____________________
อันนีซาอ์ : 30-31
____________________
แต่หากใครยังทำ ยังละเมิดโดยเจตนา แน่นอน จะต้องประสบพบกับการลงโทษของพระองค์ ในขณะเดียวกัน ใครที่สามารถออกห่างจากบาปใหญ่เหล่านั้น (และบาปใหญ่อื่นๆ) ได้ พระองค์ก็จะทรงลบบาปเล็กๆอื่นของเขา และเตรียมการตอบแทน อันแสนวิเศษไว้ ในสถานที่ ที่มีเกียรติที่สุด
____________________
อันนีซาอ์ : 32
____________________
พระองค์ทรงพูดถึงชารีอัตของพระองค์ ว่าจงอย่า ปรารถนาได้มากกว่าที่พระองค์กำหนด ผู้ชาย จะได้ตามที่ขวนขวายไว้ ผู้หญิง ก็จะได้ ตามที่ขวนขวายไว้ ดังนั้น จงขอต่อพระองค์ จากความกรุณาของพระองค์เถิด
(ซึ่งครอบคลุมหลายเรื่อง เช่น บางคนจะถามในเรื่องเเบ่งมรดก ทำไม ผู้หญิง มีสิทธิ์รับแค่นี้ น้อยกว่าผู้ชาย 2 เท่า ผู้ชายได้ที่เหลือ แต่เขาไม่ได้คิด ว่าในชารีอัตการจ่ายนัฟเกาะฮ์ของสามีแก่ภรรยา สามีมีเงินเดือนน้อยยังไง ก็วายิบต้องจ่ายให้ภรรยา ภรรยาจะมีเงินมากเพียงใด ไม่ได้วายิบต้องจ่ายให้สามีเลย และเรื่องอื่นๆ ที่พระองค์ทรงมอบให้ ผู้ชาย และ ผู้หญิง ต่างกัน แต่อย่างยุติธรรม)
____________________
อันนีซาอ์ : 34-35
____________________
พระองค์ยังทรงกล่าวต่อไปเรื่อง สามีภรรยา ว่า พระองค์ทรงให้ผู้ชายนั้น มีหน้าที่ในการดูแล ให้ค่าเลี้ยงดู มีสิทธิเหนือฝ่ายหญิง ในขณะเดียวกัน ผู้หญิงนั้น ก็มีหน้าที่ในการรักษาเกียรติของฝ่ายชาย ไม่นำความลับของทั้งสอง ไปเล่าให้ใครฟัง พระองค์ยังทรงพูดถึง หากฝ่ายหญิง(ภรรยานั้น) ดื้อดึง ก็ให้สามีนาง ตักเตือนนาง ไม่ก็ทำการออกห่างจากนางในระยะเวลาหนึ่ง ( การอีลาอ์ คือ การที่ฝ่ายชายสาบานจะไม่ร่วมหลับนอนกับภรรยาของเขา เพื่อเป็นการสั่งสอน ที่ไม่เชื่อฟัง และดื้อดึง โดยมีขอบเขตมากสุดเพียง 4 เดือน ห้ามมากกว่านั้น) แต่หากพวกนาง ยอมรับผิด ก็จงอภัย และอย่าเอาโทษพวกนางอีกเลย แท้จริง อัลลอฮนั้นเป็นผู้ทรงสูงส่ง และเกรียงไกร
____________________
อันนีซาอ์ : 36
____________________
จากนั้น พระองค์ทรงกล่าว ถึงหน้าที่ของเรา ความศรัทธาของเรา ว่าจงเคารพ ภักดีต่อพระองค์ :-
- ทำดีต่อพ่อแม่
- ต่อญาติใกล้ชิด
- ต่อเด็กกำพร้า
- ต่อผู้ขัดสน
- ต่อเพื่อนบ้าน ทั้งใกล้ไกล
- ต่อเพื่อนของเรา
- ต่อผู้เดินทาง และ
- ต่อทาสที่เราครอบครอง (ในสมัยก่อน)
แท้จริง พระองค์ไม่ทรงชอบ ผู้ที่หยิ่งยโส และโอ้อวด
____________________
อันนีซาอ์ : 37
____________________
จากนั้นทรงกล่าวถึง ผู้ที่ขี้เหนียว ปิดบังผู้คนถึงริสกีที่อัลลอฮมอบให้ และใช้ให้คนอื่นขี้เหนียว ไม่บริจาคด้วย หรือบริจาค โดยไม่บริสุทธิ์ใจ พวกเขา จะถูกนำไปสู่การลงโทษ อันแสนอัปยศ ตลอดกาล
____________________
อันนีซาอ์ : 38
____________________
ใครที่เป็นเพื่อนกับชัยฏอน นั่นคือ เพื่อนที่ชั่วร้ายที่สุด
____________________
อันนีซาอ์ : 40
____________________
พระองค์ยังทรงให้กำลังใจแก่ผู้ทำดี ว่าหากความดี มาดแม้นแค่ผงธุลี เล็กเพียงใด อัลลอฮก็จะทรงคิด และตอบแทนให้อย่างไม่บกพร่อง ซึ่ง ณ ที่พระองค์นั้น คือรางวัลอันยิ่งใหญ่ นั่นเอง
____________________
อันนีซาอ์ : 43
____________________
จากนั้น เราจะพบกับอายัต มันซูค (คือ อายัตที่ถูกยกเลิก)
(( อธิบาย : อายัตที่มายกเลิก เรียก นาซิค และอายัตที่ถูกยกเลิก เรียก มันซูค เราเจอตัวอย่าง เรื่อง การเปลี่ยน กิบลัต และการ ถือศีลอดแล้ว ใน ญุซ 2))
ในอายัตนี้ อัลลอฮทรงกล่าว ว่าแท้จริง คนเมานั้นห้ามละหมาด จนกว่าจะสร่างเมา รู้ว่ากำลังพูดอะไร (ซึ่งหมายความว่า ในตอนนั้น สุรายังดื่มได้ แต่ถ้าเมา ก็ห้ามละหมาด และจากนั้น อายัตที่ว่า "แท้จริง สุราเมรัย และการพนัน เป็นการงานของชัยฏอน" มาถึง ถือว่าเป็นการสั่งห้ามดื่มโดยเด็ดขาด - ฮารอม - ก็เป็นการยกเลิกอายัตนี้ไป" ซึ่ง ในวันที่บทบัญญัตินี้ได้ลงมา ชาวมาดีนะฮ์ที่ได้ยิน รีบกลับไปที่บ้าน นำสุราออกมาเทบนพื้นจนหมด เรียกว่า ถนนในเมืองมาดีนะฮ์เต็มไปด้วยสุรา แสดงถึงความภักดีของซอฮาบัต ที่เมื่ออัลลอฮสั่ง ก็ทำตามทันที ไม่ประวิงเวลา!) พระองค์ยังทรงห้ามผู้ที่มีญูนูบ นั้นละหมาด (เช่น ผู้ชายฝันเปียก) จนกว่าจะอาบน้ำ(วาญิบ)
พูดถึงการตะยัมมุม ด้วยดินสะอาดสำหรับคนที่หาน้ำไม่ได้ ไม่ว่าจะในกรณี ป่วย หรือเดินทาง หรือถ่ายทุกข์มา หรือสัมผัสผู้หญิงมา
____________________
อันนีซาอ์ : 45
____________________
จากนั้น พระองค์ทรงกล่าวว่าพระองค์ทรงรู้ดี ถึงศัตรูของพวกเจ้า แน่นอนสำหรับเจ้า อัลลอฮนั้นก็เพียงพอเเล้วที่จะเป็นผู้ช่วยเหลือ
____________________
อันนีซาอ์ : 47
____________________
พระองค์ ยังทรงกล่าวถึง พวกยาฮูดี ที่ละเมิดฝ่าฝืนพระองค์ บิดเบือนคำภีร์ของพระองค์ พระองค์ทรงสาปแช่งพวกเขาแล้ว ดังที่สาปแช่งพวกอัศฮาบุส ซับต์ ที่ละเมิด (อธิบาย คือ พวกวงศ์วานอิสรออีล ที่ไม่ทำตามคำสั่งนบีมูซา (อฮ.) พวกที่ได้ไปสร้างเมืองที่ชายทะเล อัลลอฮทรงสั่งห้ามพวกเขา ไม่ให้ออกหาปลาในวันเสาร์ เพราะความผิดที่พวกเขา มักดื้อ ไม่เชื่อฟังท่านนบีมูซา (อฮ.) แต่วันอื่นทำได้ ทำให้ทุกวันเสาร์ มีปลาชุกชุม จึงมีการล่าวาฬกันในวันศุกร์ เพื่อเก็บกินเผื่อไว้ บางคนอาจสงสัย แค่ไม่หาปลาวันเดียว คนไม่อดตายหรอก แต่ในบางรายงานระบุ ว่าจำนวนคนของที่นี่นั้น มีมากกว่า 80,000 คน!! ... ด้วยจำนวนคนเยอะขนาดนี้ ทำให้เกิดการล่าวาฬ จนสร้างความเสียหาย อีกทั้งสุดท้าย พวกเขาก็ละเมิดบัญญัติที่อัลลอฮทรงสั่งอีก พระองค์จึงสาปแช่งพวกเขา อุมัตนบีมูฮัมหมัด(ซอลฯ) อย่างเราเนี่ย ห้ามบริโภคสุกร ห้ามสัมผัสน้ำลายสุนัข แต่อุมัตนบีมูซา(อฮ.) ห้ามล่าปลาวันเสาร์ นี่เป็นตัวอย่างบทบัญญัติที่ต่างกันของแต่ละประชาชาติ แต่นัศรอนีปัจจุบัน กลับบิดเบือน วันสะบาโตนี้ เป็นอย่างอื่น เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างการบิดเบือนคัมภีร์ของอัลลอฮ นั่นเอง)
____________________
อันนีซาอ์ : 51-52
____________________
จากนั้น อัลลอฮทรงกล่าว ถึงพวกที่ตั้งภาคีต่อพระองค์ สิ่งที่ถูกตั้งภาคี ผู้ที่โกหก ผู้ที่เชื่อในชัยฏอนและความชั่วร้าย พระองค์ จะทรงสาปแช่ง และแน่นอน จะไม่มีความช่วยเหลือใดๆมายังพวกเขาเหล่านั้น
____________________
อันนีซาอ์ : 54-55
____________________
พระองค์ทรงกล่าวว่า พระองค์ทรงประทานสัจธรรมแก่ท่านนบีอิบรอฮีม(อฮ) และวงศ์วานเขาหลังจากนั้น (ดูได้ในญุซ 3) มีผู้ที่ศรัทธา และมีผู้ที่ขัดขวาง ซึ่งกลุ่มหลังนี้ อัลลอฮทรงเตรียมนรกญะฮันนัม อันมีเปลวเพลิงโชติช่วง ร้อนแรง รอไว้อยู่แล้ว
____________________
อันนีซาอ์ : 56
____________________
ใครเข้าไปอยู่ในนรก พระองค์จะทรงเผาไหม้ผิวหนัง เนื้อหนังจนหมด จากนั้น ก็จะให้มันกลับมามี และเผาไหม้ต่อ และกลับมามี และเผาไหม้ต่อ ทรมานอยู่ตลอดกาล
____________________
อันนีซาอ์ : 57
____________________
กลับกันกับผู้ศรัทธา ที่เพลิดเพลินกับความเมตตาของพระองค์ในสวรรค์ มีแม่น้ำไหลริน มีผลไม้ให้เด็ดกิน เต็มไปด้วยความโปรดปราน
____________________
อันนีซาอ์ : 58
____________________
พระองค์ยังทรงสั่งว่า พวกเจ้า จงคืนของแก่ผู้ที่เป็นเจ้าของของมัน
และจงตัดสินความใดๆ ด้วยความยุติธรรม
____________________
อันนีซาอ์ : 59
____________________
จงเชื่อฟังอัลลอฮและรอซูล ของพระองค์ และหากมีการโต้เถียงใดๆกัน ก็จงกลับไปหาอัลลอฮและรอซูล (ใช้กุรอ่าน และฮาดิษ ยุติข้อพิพาท) จงศรัทธาต่ออัลลอฮและวันกียามัต นั่น จะเป็นการกลับไปยังอัลลอฮ ในสภาพที่ดียิ่ง
____________________
อันนีซาอ์ : 64
____________________
จากนั้น พระองค์ทรงกล่าว ว่าจงเชื่อฟังรอซูลที่พระองค์ส่งมา อย่าได้อธรรมใดๆ หากอธรรม ก็จงขออภัยโทษต่ออัลลอฮ และรอซูลจะขออภัยโทษท่านต่ออัลลอฮด้วย และแน่นอน อัลลอฮนั้น ทรงเป็นผู้อภัยโทษ
____________________
อันนีซาอ์ : 66
____________________
พระองค์ยังกล่าวถึง การกำหนดให้ (วงศ์วานอิสรออีล ที่ฝ่าฝืนในขณะนั้น ฆ่าตัวตาย เพื่อเป็นการลบล้างความผิด) ( เรื่องราวของ ซอฮาบัตท่านหนึ่ง ที่ชื่อ ซาบิต อิบนุ ก็อยซ์ (รฎ.) ที่เสวนาอยู่กับ ยาฮูดีคนหนึ่งขณะนั้น ยาฮูดีคนนั้นกล่าวว่า เราแต่ก่อนถูกบัญชา โดยให้ทำการสังหารตนเองเสีย มีคนตายมากถึง 70000 คน ... ท่านซาบิต จึงกล่าวว่า ถ้าอัลลอฮทรงบัญชาเราให้ทำเช่นนั้น เราก็จะปฏิบัติเช่นกัน )
____________________
อันนีซาอ์ : 67
____________________
พระองค์ทรงกล่าว ใครที่ปฏิบัติตามบัญชาของพระองค์แล้ว แน่นอนนั่นเป็นสิ่งที่ดี สำหรับเขา และพระองค์ก็จะตอบแทนเขา ด้วยรางวัลที่ยิ่งใหญ่นั่นเอง
____________________
อันนีซาอ์ : 69
____________________
ใครที่ตามนบีและรอซูล พวกเขา คือผู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้ที่อัลลอฮทรงเมตตา คือ บรรดานบี บรรดาผู้ที่เชื่อฟัง บรรดาผู้ชาฮีด บรรดาผู้ประพฤติดี ชนเหล่านี้เเหละ เป็นบรรดาเพื่อนที่ดี
____________________
อันนีซาอ์ : 71
____________________
จากนั้น พระองค์จะทรงกล่าวถึงการเตรียมตัวในการรบ ว่าจงระมัดระวัง จงออกไปเป็นกลุ่มๆ หรือไปกันกลุ่มเดียว จะมีบางคนชักช้า (พวกมุนาฟิก) และอื่นๆ
( นักวิชาการตัฟซีร ได้ให้ความเห็นว่า อายัตนี้เป็นการกล่าว เพื่อให้มุสลิมเตรียมความพร้อม สำหรับสงคราม อายัตนี้ลงมาใน ฮศ6 ทำให้นักวิชาการกล่าวว่า นี้เป็นความพร้อมสู่สมรภูมิการพิชิต (เมืองมักกะฮ) ปี ฮศ8 ที่เกิดขึ้นหลังสนธิสัญญา ฮุดัยบียะฮ์ และจะถูกฉีกทิ้งในอีก 2 ปีข้างหน้าด้วยฝีมือกุฟฟารมักกะฮ์เอง แต่สุดท้ายสงครามนี้ จบลงด้วยความเป็นสมรภูมิที่มีเกียรติที่สุด ไม่มีการฆ่าฟัน ไม่มีใครตาย กุฟฟารยอมจำนนต่อความยิ่งใหญ่ของมุสลิม จากนั้น จึงทำลายเทวรูปทั้งหมด และเมืองมักกะฮ์ ก็กลับมาบริสุทธิ์ ไร้ซึ่งการตั้งภาคีใดๆจวบจนปัจจุบัน )
____________________
อันนีซาอ์ : 74
____________________
และพระองค์ยังทรงกล่าว ว่าแท้จริง ผู้ที่ตายในหนทางของพระองค์ หรือ ได้รับชัยชนะ พระองค์ทรงเตรียมรางวัล อันใหญ่หลวง ไว้ให้เเก่เขา
____________________
อันนีซาอ์ : 75
____________________
จากนั้น อัลลอฮทรงกล่าว ถึงการมาของสงคราม (ที่ไม่ใช่อยู่ๆ อิสลามก็จะประกาศสงครามกับใครก็ได้) พระองค์ทรงตรัสถาม ทำไมถึงไม่สู้ ในหนทางของอัลลอฮ ทั้งๆที่ คนอ่อนแอ เด็ก หรือผู้หญิงในเมือง ถูกข่มเหง รังแก (นี่เป็นเงื่อนไข ว่าเรานั้นเป็นผู้นอบน้อม แต่ถ้าถูกกระทำ เราก็พร้อมลุกขึ้นประกาศศึก)
____________________
อันนีซาอ์ : 76
____________________
ผู้ศรัทธา จะต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ
ผู้ปฏิเสธศรัทธา จะต่อสู้ในหนทางของฏอฆูต (ความชั่วร้าย - ชัยฏอน)
และพระองค์ทรงกล่าว และแท้จริง แผนการของชัยฏอนนั้น ช่างอ่อนแอ
____________________
อันนีซาอ์ : 77
____________________
ยังกล่าวถึงบางคน ที่ขี้ขลาด หวาดกลัว กลัวมนุษย์เหมือนที่กลัวอัลลอฮ หรือไม่ก็กลัวมนุษย์ มากกว่ากลัวอัลลอฮด้วยซ้ำ พวกนี้จะคิดถึงชีวิตบนโลก แต่แท้จริง ของบนโลกนี้ มีประโยชน์เพียงน้อยนิดเท่านั้น อาคีรัตต่างหาก ที่จีรัง ยั่งยืน
____________________
อันนีซาอ์ : 78
____________________
หากอัลลอฮจะทรงนำความตายมาแก่ใคร แม้จะอยู่ในป้อมปราการสูงตระหง่านเพียงใด พระองค์ก็จะทรงพรากชีวิตเขาไป
____________________
อันนีซาอ์ : 79
____________________
ทุกความดี ล้วนมาจากอัลลอฮ
แต่ทุกความชั่วนั้น มาจากตัวเจ้าเอง
และเพียงพอแล้ว ที่พระองค์ จะทรงเป็นพยาน
____________________
อันนีซาอ์ : 80-81
____________________
พระองค์ยังทรงเล่าถึงพวกมุนาฟิก ที่ปากบอกท่านนบีว่าเชื่อฟัง แต่เมื่อเขาออกมา ก็แอบไปวางแผนกันในตอนกลางคืน อัลลอฮทรงบอกให้ท่านนบี ไม่ต้องลงโทษพวกมัน ปล่อยไป พระองค์ทรงรู้สิ่งที่พวกมันแอบทำ แอบคิดดี ไม่ต้องประจานรายชื่อพวกมัน จงมอบหมายต่ออัลลอฮ และพระองค์คือผู้ทรงคุ้มครอง รักษา
____________________
อันนีซาอ์ : 82
____________________
พระองค์ยังทรงตรัสถาม ว่าพวกเจ้าไม่ได้ดูอัลกุรอ่านนี้ดอกหรือ ถ้ามันไม่ได้มาจากอัลลอฮแล้ว จะต้องพบความขัดแย้งมากมายในนั้น
( ใครเข้าใจภาษาอาหรับ จะพบว่า คำที่อัลลอฮทรงใช้ในอัลกุรอ่าน ก็คือคำที่เราใช้กันปัจจุบันในภาษาอาหรับ หากแต่ไพเราะอย่างน่าเหลือเชื่อ ในการตรัสของพระองค์แต่ละอายัต มีคำเชื่อม คำพ้องเสียง พ้องความหมาย คือ ถ้าเข้าใจ จะรู้ว่ามันสวยมากๆๆๆๆ เหมือนเราอ่านภาษาไทยที่เด็กพิมพ์แชทกัน กับภาษาไทยในบทความดีๆนะ คือคนละระดับจริง แต่แน่นอน ตัวอย่างที่ยกมานั้น ไม่สามารถเอามาเทียบกับความสละสลวย ไพเราะ เพราะพริ้ง ของดำรัสนี้ได้เลย )
____________________
อันนีซาอ์ : 85
____________________
จากนั้น อัลลอฮได้ทรงกำชับ ให้ช่วยเหลือผู้คนในความดี ไม่ใช่ ช่วยทำชั่ว ใครมีส่วนช่วยในความดี เขา ก็จะได้ผลบุญนั้นด้วย ในขณะเดียวกัน ใคร มีส่วนช่วยในความชั่ว แม้ไม่ได้ทำเอง เขา ก็จะรับบาปนั้นไปด้วย !!!
____________________
อันนีซาอ์ : 92
____________________
พระองคยังทรงกล่าว ว่ามุมินคนหนึ่ง ห้ามทำการฆ่ามุมินอีกคน เว้นเสียแต่ จะประจักษ์ซึ่งความผิด (ที่สมควรแก่ความตาย) หากใครพลั้งมือฆ่า ก็จงปล่อยทาสผู้ศรัทธาคนหนึ่ง และจงชดใช้ค่าทำขวัญ แก่ครอบครัวคนผู้นั้น ใครไม่สามารถทำได้ ก็ให้ถือศีลอด 2 เดือน ติดต่อกัน โดยไม่หยุด ขออภัยโทษต่ออัลอฮ และแท้จริง พระองค์ ทรงเป็นผู้อภัยโทษ ทรงรอบรู้ และทรงปรีชาญาน
____________________
อันนีซาอ์ : 93
____________________
แต่หากใคร ที่ฆ่าโดยจงใจ เขาจะถูกอัลลอฮสาปแช่ง พานพบกับความโกรธกริ้วของอัลลอฮ และบทลงโทษแสนสาหัสจากพระองค์
____________________
อันนีซาอ์ : 94
____________________
พระองค์ยังทรงกระชับ ไม่ให้ตัดสินคนจากภายนอก อย่ากล่าวแก่ ผู้ให้สลามแก่เจ้าว่า "ท่าน มิใช่ผู้ศรัทธา" ((อย่าฮุกุ่มคนอื่นว่าไม่ใช่ผู้ศรัทธา)) โดยหวังเพียงผลประโยชน์ บนโลกใบนี้ หากแต่ ความโปรดปราน และริสกี ณ ที่อัลลอฮนั้น มากมายยิ่งกว่า เหลือคณานับ
____________________
อันนีซาอ์ : 95
____________________
อัลลอฮยังทรงกล่าวถึงมุมินที่นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้เสียทรัพย์สินใดๆ มีสถานะไม่เท่ากับมุมิน ที่ออกไปสู้ในหนทางของอัลลอฮ และเสียสละทรัพย์สินของพวกเขาหรอก พวกเขามีสถานะสูงส่งกว่าระดับหนึ่ง อยู่แล้ว และสิ่งที่เสียไปนั้น ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน อัลลอฮทรงตอบแทนมันด้วยสิ่งที่ดีกว่า ด้วยความโปรดปรานของพระองค์ อันมากมาย
____________________
อันนีซาอ์ : 97
____________________
จากนั้น พระองค์ทรงกล่าว ถึงผู้ที่อธรรม ประพฤติชั่ว และตายลงในสภาพนั้น เขาจะพบมลาอีกัตที่มาเอาชีวิตเขา ถามถึงตัวเขา และเขาจะอยู่ในนรกญะฮันนัม
____________________
อันนีซาอ์ : 98
____________________
ในขณะที่หากผู้เสียชีวิตคนนั้น เป็นผู้อ่อนแอ ไม่ว่าจะชายและหญิง และเป็นเด็ก ที่ไม่สามารถวางอุบายใดๆในการประพฤติชั่วนั้น พวกเขา จะได้รับการอภัยโทษ และพระองค์ เป็นผู้ทรงอภัยโทษ เสมอ
____________________
อันนีซาอ์ : 100
____________________
พระองค์ทรงกล่าวถึงผู้ที่อพยพ ไปต่างแดน เพื่อพระองค์ (เช่น บ้านตนมีแต่ผู้หลงผิด จึงอพยพออกไป) และเขาตายลงกลางทาง โดยยังไม่ทันถึงจุดหมาย แน่นอน อัลลอฮทรงเตรียมรางวัลไว้แล้ว พระองค์ทรงเมตตาเสมอ
(ในตอนที่ท่านนบีมูฮัมหมัด (ศอลฯ.) ฮิจเราะฮ์ไปยังมาดีนะฮ์ มีชายชราคนหนึ่ง ที่ชื่อ เฎาะมะเราะฮ์ อิบนุ ญุนดุบ (รฎ.) หรือบางสายรายงานชื่อว่า ญุนดุบ อิบนุ เฎาะมะเราะฮ์ (รฎ.) ที่ไม่สามารถลุกขึ้นเดินได้ จึงได้แต่มองดูบรรดาซอฮาบัตทยอยออกจากเมืองมักกะฮ์ไป โดยที่ตนนั้น ก็ถอดใจที่จะไปแล้ว เพราะสังขารของตัวเอง ... แต่สุดท้าย เขาก็ทิ้งความคิดนั้นไป และลองพยายามถึงที่สุด ลูกๆ ของเขา จึงช่วยกันแบกพ่อของตนออกไป แม้จะเจอพวกกาฟิร หรือจะโดนจับไป ก็ยอม ... ซึ่งเมื่อเขาเดินออกมาแค่ประตูเมืองมักกะฮ์ ท่านเฎาะมะเราะฮ์ ก็เสียชีวิตลง ซึ่ง ถ้าเรามองดูระยะทาง นี่คือ ยังไม่เริ่มออกจากจุดเริ่มต้น เสียด้วยซ้ำ ท่านมลาอีกัตญิบรีล (อฮ.) ได้นำเรื่องนี้ไปบอกท่านนบี (ศอลฯ) ซึ่งอยู่ที่มาดีนะฮ์แล้ว อายัตนี้จึงลงมาเพื่อบอกว่า แม้เเค่เพิ่งออกจากจุดเริ่มต้น แต่ด้วยนียัตเพื่ออัลลอฮ การตายของเรา อัลลอฮทรงรับเป็นชะฮีด นั่นเอง และนี่ จึงเป็นที่มาของฮาดิษ ท่านนบีจึงพูดว่า ทุกการงานนั้น ขึ้นอยู่กับการตั้งเจตนา)
____________________
อันนีซาอ์ : 101
____________________
ในขณะที่หากบางคน อยู่ในเมืองใด แล้วกลัวว่า ผู้ปฏิเสธศรัทธาที่นั้นจะข่มเหง รังแก ทำร้ายเขา อัลลอฮก็ทรงอนุญาตให้เขา สามารถลดการละหมาดลง เพื่อความปลอดภัยแก่ตัวเขาเองได้ แท้จริง พวกปฏิเสธศรัทธานั้น เป็นศัตรูที่ชัดแจ้ง
____________________
อันนีซาอ์ : 102
____________________
จากนั้น พระองค์ทรงพูดถึงการละหมาดในสนามรบ ที่สามารถถืออาวุธไว้ในมือได้ และให้อีกกลุ่ม ยืนคุมเชิง ในขณะอีกกลุ่มนั้นละหมาด และสับเปลี่ยนกัน เพื่อความปลอดภัยจากศัตรู ที่อาจจะโจมตีเข้ามา
____________________
อันนีซาอ์ : 103
____________________
และเมื่อกลับสู่สภาวะปกติแล้ว ก็จงละหมาดให้ครบ ตรงเวลา เพราะแท้จริง การละหมาดนั้น ได้ถูกบัญญัติไว้ตามกำหนดเวลาที่ชัดเจน (ไม่ว่าจะย่ำแย่ขนาดไหน ก็จงละหมาด นับประสาอะไรกับเราตอนนี้ที่สุขสบาย แต่ขี้เกียจละหมาด ขนาดบางคน ปล่อยเวลาเลยผ่านไปโดยไม่รู้สึกผิด!!)
____________________
อันนีซาอ์ : 107
____________________
พระองค์ยังทรงห้ามโต้เถียง แทนบรรดาผู้ฝ่าฝืน ผู้บิดพลิ้ว และแท้จริง พระองค์ไม่ทรงชอบผู้บิดพลิ้ว ที่เคยกระทำกรรมบาป
____________________
อันนีซาอ์ : 108
____________________
บรรดาผู้บิดพลิ้ว ที่หัวใจกลับกลอกนั้น พวกเขาร่วมวางแผนกัน ในตอนกลางดึก แต่หารู้ไม่ อัลลอฮนั้นทรงรอบรู้ พวกเขาจะปกปิดสิ่งนั้นต่อมนุษย์ แต่พวกเขาปกปิดต่ออัลลอฮไม่ได้
____________________
อันนีซาอ์ : 109
____________________
ในวันกียามัต เมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์ ไม่มีใครพูดเถียงแทนพวกเขาได้
____________________
อันนีซาอ์ : 111
____________________
ใครที่แสวงหาบาปกรรม เขานั้นแหละ ที่สร้างภัยให้ตัวของเขาเอง
____________________
อันนีซาอ์ : 112
____________________
และใคร ที่สร้างบาปกรรม ใส่ร้ายแก่ผู้บริสุทธิ์ แน่นอน พระองค์ทรงรอบรู้ การลงโทษอันแสนทรมาน กำลังรอพวกเขา
____________________
อันนีซาอ์ : 113
____________________
พระองค์ทรงประทานคัมภีร์ และทางนำลงมาแล้ว หากใคร ที่ยังหลงผิด แท้จริง เขานั่นแหละ ที่ทำให้ตัวเองนั้น หลงผิด
____________________
อันนีซาอ์ : 114
____________________
การซุบซิบต่างๆนั้น ไม่มีความดีใดๆ นอกจากเป็นการใช้ ให้ทำทาน ให้ทำสิ่งที่ดีๆ พูดกันเพื่อหาวิธีประนีประนอมผู้ที่กำลังทะเลาะกัน ใครทำเช่นนั้น เพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮแล้ว แท้จริงพระองค์ทรงมีรางวัลอันยิ่งใหญ่ รออยู่
____________________
อันนีซาอ์ : 116-119
____________________
พระองค์ทรงกล่าวถึง ผู้ที่ตามชัยฏอน ตามหนทางของชัยฏอน ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ ไม่ได้วิงวอนขอต่ออัลลอฮ แต่วิงวอนขอต่อเจว็ด รูปปั้น ชัยฏอน พวกนี้ถูกชัยฏอนหลอกสัญญา ว่าจะมีรางวัลตอบแทนมากมาย หารู้ไม่ คำสัญญาของชัยฏอนนั้น เป็นคำโกหก ปลิ้นปล้อน ไม่เกิดขึ้นจริง พระองค์ไม่ทรงปล่อยไปแน่ การสาปแช่ง จะถูกนำมาให้คนเหล่านี้ พร้อมการลงโทษอย่างมากมาย
____________________
อันนีซาอ์ : 126
____________________
ทุกสิ่งชิ้น ในชั้นฟ้าและแผ่นดินนั้น ล้วนเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ และพระองค์ ทรงห้อมล้อมทุกอย่างไว้
____________________
อันนีซาอ์ : 127
____________________
จากนั้น พระองค์ จะทรงกล่าวถึง เมื่อท่านนบีมูฮัมหมัด(ซอลฯ) ของเรา ถูกถามเรื่อง มรดก ของผู้หญิง (( รายงานจากท่านหญิง อาอีชะฮ์ (รฎ) ว่ามีผู้มาถามท่านนบี(ซอลฯ) ถึงเรื่อง (มรดก) ของผู้หญิง (ท่านนบีเงียบ ไม่ตอบ) จากนั้น อัลลอฮ์ก็ทรงประทานอายัตนี้ลงมา และกล่าวว่า พระองค์นั้น ได้เป็นผู้ชี้ขาด (ตอบคำถามอย่างครบถ้วนไว้แล้ว)
นั่นคือ ตอนต้น ซูเราะฮ์ อันนีซาอ์ ของเมื่อคืน ญุซ 4 ที่เราพัลวัน สาละวน กับเรื่อง แบ่งมรดก เศษส่วน นั่นโน่นนี่ กันนั่นเอง ))
____________________
อันนีซาอ์ : 128
____________________
อัลลอฮทรงพูดถึงการประนีประนอมของสามีภรรยา ที่หากมีการประนีประนอม ได้นั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
(( ภรรยาของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ที่ชื่อ เซาดะฮ์ บินตุ ซัมอะฮ์ (سَوْدَة بنت زَمْعَة) (รฎ) เป็นหนึ่งในภรรยาท่านนบี ที่แต่งงานกับท่านหลังจากที่ท่านหญิงคอดีญะฮ์ (รฎ) เสียชีวิต
ที่มาของอายัตนี้คือ การประนีประนอม ของท่านหญิงเซาดะฮ์ ใน สิทธิและตำแหน่งของนางในฐานะภรรยาของท่านนบี
โดยการสละสิทธิใน กลางคืน ของตนแก่ท่านหญิงอาอิชะฮ์ (รฎ)
ท่านหญิงเซาดะฮ์เป็นภรรยาที่มีอายุมากกว่าภรรยาคนอื่น ๆ ของท่านนบี
นางตระหนักว่าท่านนบี (ซอลฯ) มีภารกิจมากมายและมีภรรยาหลายคน
เพื่อรักษาสถานะของนางในฐานะภรรยาของท่านนบีและยังคงอยู่ในครอบครัวของท่าน นาง ยินยอมมอบ เวลากลางคืน ที่วันนั้นต้องเป็นของนางให้แก่ท่านหญิงอาอิชะฮ์ (รฎ) ซึ่งเป็นภรรยาที่ท่านนบีรักมากที่สุด
ซึ่งเป็นตัวอย่างของการใช้วิจารณญาณและการเสียสละเพื่อรักษาสถานะครอบครัว
เราได้ ข้อคิดจากเรื่องราวนี้คือ การเสียสละและความเข้าใจ ซึ่งท่านหญิง แสดงให้เห็นถึง ความฉลาดและความเสียสละ โดยเลือกที่จะประนีประนอมเพื่อรักษาสถานะของตน
นี่เป็นตัวอย่างของการใช้เหตุผลและการตัดสินใจที่มุ่งเน้นความสงบสุขของครอบครัว
และ เรื่อง สิทธิและการประนีประนอมในชีวิตสมรส โดย อิสลาม เปิดโอกาสให้คู่สมรส ตกลงกันในเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิของแต่ละฝ่าย หากทั้งสองพึงพอใจ
การสละสิทธิ์ของตนไม่ได้หมายถึงความอ่อนแอ แต่เป็นการใช้สิทธิ์ในการจัดการชีวิตสมรสของตนเอง
____________________
อันนีซาอ์ : 135
____________________
จากนั้น พระองค์ทรงกล่าวว่า จงมีความยุติธรรม จงดำรงไว้ซึ่งความจริง จงเป็นพยาน เพื่ออัลลอฮ แม้มัน จะนำมาซึ่ง ภัย หรืออันตรายแก่ตัวเจ้า หรือแก่พ่อแม่เจ้า หรือแก่ญาติใกล้ชิด หรือใครก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็นคนจน คนรวย แท้จริง อัลลอฮทรงยิ่งใหญ่กว่าพวกเขามากมายนัก
อย่าบิดเบือนความจริง อย่าปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ ของเจ้า แท้จริง อัลลอฮนั้น ทรงรอบรู้
____________________
อันนีซาอ์ : 137
____________________
ทั้งพระองค์ ยังกล่าวโทษ ผู้ที่เคยศรัทธา และละทิ้งการศรัทธานั้น จากนั้น กลับมาศรัทธา และละทิ้งมันไปอีก และยิ่งเพิ่มการฝ่าฝืน พวกนี้ จะไม่ได้รับทางนำ และการอภัยโทษ จากพระองค์
____________________
อันนีซาอ์ : 138
____________________
พระองค์ทรงแจ้งข่าวแก่บรรดามุนาฟิก ว่ามีการลงโทษรออยู่
____________________
อันนีซาอ์ : 139
____________________
ทรงกล่าว ว่าผู้ใด เป็นเพื่อนคบหากับผู้ปฏิเสธศรัทธา เพื่อให้ตนได้มีอำนาจ จงรู้ไว้ อำนาจอันมากมายทั้งหมดนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ ของอัลลอฮ์
____________________
อันนีซาอ์ : 140
____________________
อัลลอฮทรงกล่าวว่า เมื่อท่านนบีนำคัมภีร์มาอ่าน พวกผู้ปฏิเสธศรัทธา มีแต่เย้ยหยัน จงอย่าไปนั่ง ร่วมวงเสวนากับพวกเขาเหล่านั้น *ยกเว้น* หากพวกเจ้า พูดเรื่องอื่นกัน (เป็นเพื่อนกันได้ ในเรื่องโลกนี้ทั่วไป) และบรรดา มุนาฟิก และผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น อัลลอฮจะทรงรวมพวกมัน ไว้ในนรกญะฮันนัม ทั้งหมด
____________________
อันนีซาอ์ : 142
____________________
และพวกมุนาฟิกนั้น คงคิดว่าจะหลอกลวงอัลลอฮได้ แต่ไม่ พวกนี้เวลาละหมาด ก็จะลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน เพียงให้ผู้อื่นเห็นเท่านั้น (เราต้องไม่มีนิสัยเช่นนี้ ไม่งั้นก็ไม่ต่างอะไรกัน) พวกนี้ไม่ได้รำลึกถึงอัลลอฮเลย นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น !!
*** อายัตนี้เรียกว่า โดนผู้คนตอนนี้ ที่โดนโลกนี้หลอกเต็มๆ อัซตัฆฟิรุลลอฮ ***
____________________
อันนีซาอ์ : 143
____________________
พวกนี้จะหลงทาง ไปทางนี้ก็ไม่ได้ ไปทางนั้นก็ไม่ได้ เพราะอัลลอฮ ไม่ได้ทรงชี้นำทางให้พวกเขา และพวกเขาจะไม่พบทางใดๆเลย
____________________
อันนีซาอ์ : 145
____________________
มุนาฟิก - คนกลับกลอก นั้น จะอยู่ในขั้นต่ำสุดของนรก และจะไม่มีความช่วยเหลือใดๆมาเลย
____________________
อันนีซาอ์ : 146-147
____________________
แน่นอน นอกจากว่า เขาจะขออภัยโทษ ต่อความผิดบาปทั้งหมดต่ออัลลอฮ อย่างบริสุทธิ์ใจ อัลลอฮจะทรงลงโทษ ผู้ที่ศรัทธาและกตัญญูต่อพระองค์ทำไม เช่นนั่นแหละ แน่แท้ พระองค์ เป็นผู้ทรงขอบคุณ และผู้ทรงรอบรู้
สารภาพนะ ญุซ 5 นี้ ยากมาก ยังมีหลายประเด็นเลย
เรียกว่าทั้งญุซ เป็นเรื่องราวของชีวิตเลย สามี ภรรยา ผู้ชาย ผู้หญิง การแต่งงาน สงคราม กาฟิร มุนาฟิก ในซูเราะฮ์เดียว อันนีซาอ์
บทความที่น่าสนใจ