สาวกของศาสนาอิสลามคือใคร? บุคคลหรือกลุ่มชนใด? : islamhouses


61,002 ผู้ชม

อิสลามเป็นศาสนาสำคัญศาสนาหนึ่งของโลก เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม นับถือพระเจ้าองค์เดียว คือ พระอัลลอฮ์ โดยมีท่านนบีมุฮัมมัดเป็นศาสดา และเป็นผู้ประกาศศาสนา ศาสนาอิสลาม


ศาสนาอิสลาม

ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาสำคัญศาสนาหนึ่งของโลก เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม นับถือพระเจ้าองค์เดียว คือ พระอัลลอฮฺ โดยมีท่านนบีมุฮัมมัดเป็นศาสดา และเป็นผู้ประกาศศาสนา ศาสนาอิสลาม ไม่มีพระหรือนักบวชเพื่อทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรม และเผยแผ่ศาสนาโดยเฉพาะ เช่น อิหม่ามก็เป็นเพียงผู้นำในการนมัสการพระเจ้าเท่านั้น มิใช่พระที่ทำหน้าที่เป็นกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์

ผู้นับถือ ศาสนาอิสลาม เรียกว่า “มุสลิม” มุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติศาสนากิจเหมือนกันหมด จึงไม่มีนักบวช และมิได้แบ่งแยกแนวทางปฏิบัติ ระหว่างศาสนิกชนกับนักบวช แม้แต่บุคคลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น อิหม่าม หรือ ท่านจุฬาราชมนตรี ก็ถือว่าเป็นผู้นำทางศาสนกิจ และผู้นำมุสลิมในประเทศไทยเท่านั้น มิได้มีฐานะเป็นผู้นำนักบวชแต่อย่างใด

ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาหนึ่งที่มีผู้นับถืออยู่หลายล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศแถบตะวันออกกลาง ประชาชนส่วนใหญ่จะนับถือ ศาสนาอิสลาม ส่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ในประเทศมาเลเซียมีผู้นับถือ ศาสนาอิสลาม มาก สำหรับประเทศไทยมีประชาชนที่นับถือ ศาสนาอิสลาม อยู่ทั่วไป แต่บริเวณที่มากที่สุด คือ ในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้แก่ จังหวัดสงขลา ยะลา สตูล ปัตตานี และนราธิวาส

นิกายสำคัญ

ใน ศาสนาอิสลาม การแยกนิกาย มิได้อยู่ที่ความขัดแย้งเกี่ยวกับความเชื่อในหลักคำสอน หรือในการปฏิบัติศาสนกิจ แต่อยู่ที่ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นสำคัญ กล่าวคือ ก่อนสิ้นชีวิต ท่านเป็นศาสดามูฮัมมัดมิได้ตั้งใครเป็นทายาทสืบแทน หลังมรณกรรมของท่าน ก็มีปัญหาเรื่องการตั้งผู้นำโลกมุสลิม ซึ่งเป็นทั้งผู้นำศาสนจักร และอาณาจักรในเวลาเดียวกัน เหมือนกับที่ท่านศาสดาเคยเป็นกลุ่มคอวาริจญ์เห็นว่าควรเลือกตั้ง กลุ่มชีอะห์ว่าควรเอาผู้สืบเชื้อสายของท่านศาสดา

เหตุการณ์ขัดแย้งเหล่านี้ทำให้เกิดกลุ่มศาสนาขึ้นอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งไม่เห็นด้วยกับกลุ่ม คอวาริจญ์ เรียกว่า ซุนนะห์ ( คนไทยเรียกสุหนี่ ) กลุ่มนี้ไม่เป็นทั้งพวกคอวาริจญ์ และชีอะห์ แต่เป็นพวกที่ถือแนวของอัล - กุรอาน และซุนนะห์ ( ซุนนะห์ หมายถึง แบบแผนที่ได้จากจริยวัตร และโอวาทของท่านศาสดามุฮัมมัด )

โดยสรุปนิกายต่างๆ ของศาสนาอิสลามมีดังนี้

1. นิกายซุนนีหรือซุนนะห์ เคร่งครัดการปฏิบัติตาม คัมภีร์อัล-กุรอาน และซุนนะห์เท่านั้น และยอมรับผู้นำ ๔ คนแรก ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดท่านศาสดา มุสลิมส่วนใหญ่ในโลกรวมทั้งประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทยนับถือนิกายนี้

2. นิกายชีอะห์ ชีอะห์ แปลว่า พรรคพวก หมายถึง พรรคพวกท่านอาลีนั่นเอง นิกายนี้ถือว่าท่านอาลี บุตรเขยของศาสดามูฮัมมัดคนเดียวเท่านั้นเป็นผู้ที่ถูกต้อง ผู้ถือนิกายนี้ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศอิหร่าน อิรัก เยเมน อินเดีย และประเทศในทวีปแอฟริกาด้านตะวันออก

3. นิกายคอวาริจญ์ ถือว่าผู้จะเป็นคอลีฟะห์นั้น ต้องมาจากการเลือกตั้งเสรี นิกายนี้มีผู้นับถือมากในแอลจีเรีย โอมาน คาบสมุทรอาระเบียตอนใต้

4. นิกายวาฮาบี ตั้งขึ้นกลางคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ ถือว่า พระคัมภีร์อัล-กุรอานศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ไม่ยอมรับการตีความ ในเรื่องศาสนาของผู้ใดเคารพพระอัลลอฮ์องค์เดียว ไม่นับถือใครอื่น ไม่เชื่อว่าท่านศาสดามูฮัมมัด เป็นผู้แทนพระอัลลอฮ์ ไม่มีการฉลองวันประสูติของท่านศาสดา ห้ามของฟุ่มเฟือยทุกชนิด นิกายนี้เป็นกลุ่มเล็กๆ มีอยู่บ้างในอินเดีย และแอฟริกาตะวันออก

สาวกของศาสนาอิสลามคือใคร? บุคคลหรือกลุ่มชนใด?

ประวัติศาสดา และ สาวกของศาสนาอิสลาม

ศาสนาอิสลาม  เป็นศาสนาที่มีคนไทยนับถือเป็นอันดับที่สองรองจากพระพุทธศาสนา  ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในแถบจังหวัดชายแดน  ทางภาคใต้มีกระจายอยู่ตามชุมชนต่าง ๆ

ศาสนาอิสลามถือกำเนิดที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย  ศาสดาของศาสนาอิสลาม  คือ  นบีมุฮัมมัดเป็นชาวอาหรับ  เกิดที่เมืองเมกกะในประเทศซาอุดีอาระเบีย  เมื่อประมาณ 1,400  กว่าปีมาแล้ว  ซึ่งตรงกับ ค.ศ. 610  หรือ พ.ศ. 1153

ท่านมุฮัมมัดเป็นผู้ที่ใฝ่ใจในทางศาสนา  ท่านชอบหลบไปหาความสงบและบำเพ็ญสมาธิ  ในช่วงที่ท่านมุฮัมมัดมีชีวิตอยู่นั้น  สภาพสังคมของอาหรับอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม  ท่านมุฮัมมัดได้พยายามแก้ไขปัญหาสังคม  จนกระทั้งวันหนึ่งขณะที่ท่านหลบไปหาความสงบในถ้ำบนภูเขาฮิรอฮ์  ได้มีเทวทูตนำโองการของพระเจ้ามาประทานแก่ท่าน  ท่านจึงเริ่มประกาศศาสนาและนำคำสอนที่ได้รับจากพระเจ้ามาเผยแผ่

ท่านมุฮัมมัดได้เผยแผ่ศาสนาเป็นเวลา 23 ปี  จึงสิ้นพระชนม์เมื่ออายุ 63 ปี  ปัจจุบันมีผู้นับถือศาสนาอิสลามมากมาย  โดยเฉพาะในแถบตะวันออกกลาง

trueplookpanya.com

ศาสดาแห่งอิสลาม

ในศาสนาอิสลาม มีการกล่าวถึง คุณวิเศษของศาสดามุฮัมมัดในลักษณะต่าง ๆ เช่น ท่านไม่รู้หนังสืออ่านเขียนไม่เป็น แต่ทรงแสดงพระวจนะของอัลลอฮฺ (ซบ) ได้อย่างสมบูรณ์หรือรู้จักกันในนามของพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ท่านเป็นผู้มีจริยธรรมสูงส่งดังที่คัมภีร์กล่าวว่า แท้จริงเจ้าเป็นผู้มีจริยธรรมอันสูงส่ง ศาสดาเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตที่สุดจนได้รับฉายานามว่า อามีน หมายถึง รักษาของฝากของทุกคนที่นำมาฝากกับท่าน พวกเขาจะได้รับของคืนโดยไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องหรือได้รับเสียหาย

ศาสดาเป็นคนผิวขาวเปล่งปลั่งออกชมพู จะเห็นได้ชัดเจนบริที่โดนแสงแดดหรืออากาศที่แปรปรวน เช่น ใบหน้า คอ และหูนั้นจะออกสีแดงเรื่อ ส่วนที่มีผ้าปกคลุมั้นเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ใบหน้าของท่านงามกว่าชายใด เปรียบได้กับดวงจันทร์เต็มดวง ท่านมีหน้าปากกว้าง คิ้วดก แต่เรียบบาง ระหว่างคิ้วเป็นสีน้ำเงิน เหลือบดวงตาโตลึกและมีสีเข้มออกแดงนิดหน่อย ขนตาของท่านยาวและหนา จมูกลาดเป็นสันได้สัดส่วน ฟันขาวเป็นเงา ริมฝีปากได้รูปงดงาม แก้มมีเนื้อแน่นไม่อ่อนนิ่ม ใบหน้าค่อนข้างมน เคราหนาหนวดตัดเรียบ หน้าอกกว้าง ไหล่กว้าง มือ แขน ไหล่ และข้อเท้าของท่านมีเนื้อเต็ม ท่านเป็นคนค่อนข้างท้วม แม้มีอายุขึ้นร่างกายท่านก็ยังคงเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและแข็งแรง ดูท่าทางจากภายนอกจะเห็นว่าเป็นคนอ่อนโยนและช่างคิด ท่านมักจะอมยิ้มน้อย ๆ แทนการหัวเราะ ท่านมีนิสัยเรียบง่าย ปกติท่านเป็นคนชอบเครื่องหอมอย่างมาก ท่านมีจิตใจสูงส่ง ประณีต ละเอียดอ่อน และเก็บความรู้สึกได้เป็นเลิศ กล่าวกันว่า ท่านศาสดามุฮัมมัด มีความสงบเสงี่ยมยิ่งกว่าหญิงพรหมจารีย์ที่นั่งอยู่หลังบ้านเสียอีก ท่านศาสดามีความเป็นห่วงเป็นใยบรรดาผู้ศรัทธาทุกคน

มุฮัมมัดอามีน (ซ็อล ฯ) ก่อนค่ำที่ 27 เดือนเราะญับ ท่านได้ขึ้นไปแสดงความเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าบนถ้ำฮิรอ ท่านได้ฝันเห็นบางสิ่งบางอย่างซึ่งตรงกับความเป็นจริงขณะที่ท่านตื่นขึ้นมา ขณะนั้นจิตใจของท่านมีความพร้อมต่อการรับวะฮฺยูของพระผู้เป็นเจ้า และในคืนนั้นเองมลาอิกะฮฺญิบรออีล (มหาเทพกาบีเีรียล) ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้นำโองการมาอ่านแก่ท่านศาสดา และเลือกให้ท่านเป็นศาสดาแห่งพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุได้ ๔๐ ปีพอดี ความนิ่งเงียบ ความโดดเดี่ยว และความตั้งใจมั่นที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า อันเป็นเอกลักษณ์พิเศษของท่านศาสดาทำให้ญิบรออีลต้องขออนุญาต เพื่ออ่านโองการของพระผู้เป็นเจ้าโดยเริ่มต้นที่โองการแรกว่า

จงอ่านด้วยพระนามแห่งพระผู้อภิบาลของเจ้า ผู้ทรงบังเกิด ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด จงอ่านเถิด และพระผู้อภิบาลของเจ้าผู้ทรงใจบุญยิ่ง ผู้ทรงสอนการใช้ปากกา ผู้ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้

ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ไม่เคยเรียนหนังสือท่านไม่ออกและเขียนไม่เป็น ได้กล่าวกับญิบรออีลว่า ฉันอ่านไม่เป็นหรอก ญิบรออีลได้ขอร้องท่านให้อ่่านในเลาฮุน (แผ่นป้ายที่จดบันทึก) ท่านศาสดายืนยันคำตอบเดิม จนกระทั่้งครั้งที่สามท่่านศาสดาเริ่มรู้สึกว่าท่านสามารถอ่่านข้อความที่บันทึกในเลาฮุน ซึ่งอยู่ในมือของญิบรออีล ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นการประกาศสาส์นครั้งแรกของพระผู้เป็นเจ้า ญิบรออีลได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนเสร็จสิ้นแล้ว ท่านศาสดาได้ลงจากภูเขา และตรงไปที่บ้านเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ท่านหญิงเคาะดิญะฮฺผู้เป็นภรรยารับฟัง ท่านหญิงทราบดีว่าภารกิจอันหนักอึ้งของท่านศาสดาได้เริ่มต้นแล้ว ท่านได้พูดจาเอาใจ และให้กำลังใจทุกอย่างแก่ท่านศาสดา โดยกล่าวว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเมตตา ทรงเมตตาท่านอย่างยิ่ง เนื่องจากท่านเป็นผู้เมตตาต่อผู้อื่นและคนยากจนทั้งหลาย ท่านมีความรักและความห่วงใยต่อครอบครัว พระผู้เป็นเจ้าทรงรักและห่วงใยท่าน และทรงช่วยเหลือท่านอย่างแน่นอน

islamshia-w.com

เรื่องที่น่าสนใจ