ทำไมท่าน นบี(ศาสนทูต)มูฮัมหมัดจึงได้ทำลาย รูปปั้นสิ่งสักการะทั้งหลาย ที่ตั้งอยู่รอบวิหาร บ้านของพระเจ้า ในเหตุการณ์วันที่ได้ชัยชนะพิชิต เมืองมักกะฮ์
เคยมีผู้ไม่ประสงค์จะออกนามตั้งคำถามฉันว่า ไหนเล่าที่อิสลามบอกว่า ศาสนาของใครก็ของมันเราไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ทำไมท่าน นบี(ศาสนทูต)มูฮัมหมัดจึงได้ทำลาย รูปปั้นสิ่งสักการะทั้งหลาย ที่ตั้งอยู่รอบวิหาร บ้านของพระเจ้า ในเหตุการณ์วันที่ได้ชัยชนะพิชิต เมืองมักกะฮ์อันเป็นเมืองที่เป็นที่ตั้งของกะบะฮ์ (บ้านของพระเจ้า)ที่ตั้งอยู่ที่เมืองนี้เล่า ทำไมไม่ปล่อยเทวรูปของ ศาสนาหรือลัทธิต่างๆของอาหรับไว้ให้อยู่ต่อไปตามแต่ใครชอบว่าจะนับถือศาสนาอะไร นี่ไม่ใช่สิ่งที่บอกหรอกหรือว่าอิสลามนั้นรุกรานความเชื่ออื่น นักเขียนฝรั่งหลายคนก็หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาโจมตีบ่อย ๆ
น้องไลลาคงสังเกตได้ว่าจดหมาย หลายฉบับที่ฉันเขียนนั้น โดยเฉพาะหลายครั้งในฉบับหลังนี้ฉันได้เน้นเรื่อง นบี(ศาสนทูต)อิบรอฮีมหรืออับราฮัม และความสำคัญของสองแผ่นดิน ที่พระเจ้ากล่าวถึงคือ เมืองเยรูซาเล็มศาสดาของพระเจ้าที่มาจากเชื่อสายอิสราเอล และเมืองมักกะฮ์ จนบางครั้งอาจรูสึกน่าเบื่อ ก็เพราะว่าเมื่อมาถึงตอนนี้จะได้เข้าใจว่า แผ่นดินมักกะฮ์นั้น ต่างจากแผ่นดินอื่น และวิหารกะบะฮ์หรือบ้านแห่งพระเจ้า ที่ท่านนบีอิบรอฮีม(อับราฮัม) ได้มาสร้างไว้แต่เริ่ม เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้วนั้นเป็นจุดที่พระเจ้าทรงเลือกให้เป็นสถานที่แห่งการนับถือพระเจ้งองค์เดียวอย่างบริสทุธิ์ใจเท่านั้น แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป วิหารแห่งนี้กลับกลายเป็นสถานที่ตั้งของรูปปั้นต่างๆมากมาย กลายเป็นที่เฉพาะของพวกอาหรับ ที่จะมาแก้บนตามแต่เรื่องที่จะว่ากันบนไว้แม้แต่การแก้ผ้าเดินรอบวิหารตามแต่จะคิด เชือดสัตว์บูชายัญ กราบไหว้รูปปั้นนานาชนิด ทั้งรูปปั้นคน ครึ่งคนครึ่งสัตว์ หรือเป็นสัตว์ จริงๆ มี ดูหมอเสี่ยงทายทำนายโชคชะตา ฯลฯ ตามแบบที่อิสลามเรียกว่าเป็นยุคงมงาย
สถานที่แห่งนี้ห้ามศาสนาจากภายนอกเข้ามาพูดความเชื่อหลักการของศาสนาตนเช่น ศาสนายิวและคริสต์ นั้นจะถูกกีดกันเป็นพิเศษ ตามที่ฉันได้เล่าถึงสภาพโดยทั่วไปในยุคนั้นสำหรับผู้ที่จะเข้าเมืองนี้ ในจดหมายฉบับก่อนๆ ศาสนาพุทธนั้นในยุคของท่าน นบีมูฮัมหมัดนั้น ฉันคิดว่ายังไม่สามารถทะลุเข้ามาในทะเลทรายอารเบียได้ แต่คงเข้ามาถึง เปอร์เชีย หรืออีหร่านและอีรัคแล้ว
ท่านนบีมูฮัมหมัดนั้น มิใช่เป็นเพียง กษัตริย์หรือผู้นำทัพในวันแห่งการพิชิตเมืองมักกะฮ์(เมกกะ)ไม่ แต่ท่านมีภารกิจที่ใหญ่กว่าทุกเรื่อง ก็คือการเป็นศาสนทูตหรือนบีของพระเจ้า ที่นำศาสนาและคัมภีร์เล่มสุดท้ายอันสมบูรณ์มาสู่มนุษย์ชาติ และการกลับมาชำระแผ่นดินนี้ให้บริสุทธิ์ จึงเป็นภาระกิจที่สำคัญยิ่งในความหมายของชัยชนะของศาสนาของพระเจ้า อันบริสุทธิ์ ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่มนุษย์คนแรกที่พระเจ้าทรงสร้างคืออาดัม อันเป็นศาสนทูตของพระเจ้าองค์แรก และท่านนบีมูฮัมหมัดเป็นองค์สุดท้ายจึงเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญยิ่ง และแผ่นดินนี้ จะต้องถูกรักษาให้บริสุทธิ์ ในภาพแห่งการนับถือพระเจ้าองค์เดียวเช่นนี้ ไปตราบวันสิ้นโลก จากวันแห่งการพิชิตเมืองนี้ของท่านนบีมูฮัมหมัด จนถึงทุกวันนี้ วิหารกะบะฮ์ บ้านแห่งพระเจ้าก็ยังถูกรักษาไว้ไม่ให้มีรูปปั้นหรือ สัญลักษณ์ใดๆในความเชื่อให้เข้ามาทำให้แผ่นดินนี้มัวหมองในศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียวอันบริสุทธิ์ของอิสลามอีกเลย
สรุปว่า แผ่นดินนี้และบ้านของพระเจ้าแห่งนี้นั้น มิใช่สถานที่ของบรรดาศาสนาเดียรถีย์ ป่าเถื่อนของพวกอาหรับเผ่าต่างๆที่เอารูปปั้นมาตั้งสืบทอดกันมาแม้จะหลายพันปี เพราะจุดเริ่มประสงค์ ของท่านนบีอิบรอฮีมหรืออับราฮัมที่สร้างนั้นก็เพื่อเป็นสักการะสถาน สำหรับศาสนาที่นับถือพระเจ้าองค์เดียวอันบริสุทธิ์เท่านั้น
เมื่อท่านนบีมูฮัมหมัดได้ กล่าวให้อภัยแก่ประชาชนของเมืองนี้ที่เข้ามารายล้อมท่านแล้ว ท่านนบี ได้เดินเข้าไปในวิหาร กะบะฮ์ ในตอนนั้น ผนังของวิหาร มีภาพเขียนบรรดา เทพทูตสวรรค์ ต่างๆตามจินตนาการของพวกอาหรับ รวมทั้งภาพของ ศาสดาต่างๆในอดีตที่พวกเขาเคยรู้จัก มีภาพของท่านนบีอิบรอฮีม(อับราฮัม)กำลังถือศร สำหรับเสี่ยงทายและรูปนกพิราบอีกตัวหนึ่งที่ทำด้วยกิ่งไม้ ท่านได้จับกิ่งไม้รูปนกพิราบมาหักและทิ้งลงกับพื้น สายตาของท่านมองอยู่ที่ภาพวาดรูปท่านนบีอิบรอฮีม ท่านได้กล่าวว่า
“การสาปแช่งจงมีแก่ชาวมักกะ(เมกกะ)เถิด พวกเขาทำให้บรรพบุรุษของเราเป็นผู้บูชาเจว็ด และเชื่อในบรรดาหมอดูเสียแล้ว ท่านบีอิบรอฮีมไปเกี่ยวข้องอันใดกับบรรดาศรทำนายนั้นเล่า ท่านไม่ได้เป็น ยิวหรือคริสต์หรือเป็นผู้ตั้งภาคีใดเทียบเท่าพระเจ้า แต่ท่านเป็นฮะนีฟ (ผู้มีความเชื่อที่ถูกต้อง) และเป็นมุสลิม(ผู้นอบน้อมศิโรราบต่อพระเจ้าองค์เดียว)”
ส่วนภาพของทูตสวรรค์หรือเทพนั้น พวกอาหรับได้วาดขึ้นเป็นรูปของผู้หญิงสวยแบบนางฟ้า ท่านนบีได้ปฏิเสธว่า
“มลาอิกะฮ์(ทูตสวรรค์) ย่อมไม่มีรูปแบบใดๆภายนอก และไม่ได้เป็นเพศหญิงหรือชาย”
ท่านสั่งให้ลบภาพเหล่านั้นออกให้หมด มีรูปปั้นต่างๆที่ไม่ใหญ่นัก ที่ใช้ตะกั่วเชื่อมติดกับผนัง ซึ่งพวกอาหรับกุรอยช์(กุเรช)ยกย่องบูชาเทียงเท่ากับพระเจ้า และมีรูปปั้น ที่ชื่อ ฮุบัล เป็นรูปใหญ่ที่ถูกตั้งยืนอยู่กลางวิหารเป็นองค์ประธาน ท่านนบีได้ใช้ไม้เท่าของท่านฟาดลงที่รูปปั้นเหล่านั้นทุกตน และท่านได้อ่านโองการในอัลกุรอาน ที่ว่า
“จงกล่าวเถิดว่า เมื่อความจริงได้ปรากฏขึ้นแล้ว ความเท็จก็ย่อมสลายไป และถูกต้องแล้วที่ควรเป็นเช่นนั้น” (อัลกุรอาน 17/81)
รูปปั้นทั้งหลายถูกกระชากลงมาให้แตก บ้านของพระเจ้าได้ถูกทำให้บริสุทธิ์ อีกครั้งหลังจากที่มัวหมองมานับพันปี สิ่งเดียวที่ท่านได้ให้ตั้งไว้ในนั้นก็คือ หินดำ ซึ่งมันมีถูกตั้งไว้ในนี้มานานแล้วนับตั้งแต่ยุคเริ่มสร้างวิหารแห่งนี้โดยท่านนบีอิบรอฮีม และประวัติของหินก้อนนี้ก็เคยอยู่ในวิหารแห่งนี้ตั้งแต่ก่อนยุคน้ำท่วมโลก เป็นสิ่งเดียวในวิหารนี้ ที่ท่านไม่ได้ทำลาย
เกือบยี่สิบปีในการเป็นนบีของพระเจ้า ที่ท่านต้องอพยพหลบหนีไปอยู่เมืองอื่น ด้วยเหตุการณ์ทั้งมวลที่ฉันลำดับเล่ามา จนถึงวันแห่งการพิชิตนี้เมืองมักกะฮ์ บ้านเกิดของท่านเองนี้ ประวัติศาสตร์ความเชื่ออันบริสุทธ์หน้าใหม่ ได้เริ่มจารึกในวันที่ที่แผ่นนี้กลับมาบริสุทธิ์อีกครั้ง จากการชะระของศาสดาองค์สุดท้ายของพระเจ้า จากวันนั้นจนถึงวันนี้ แผ่นดินแห่งนี้ยังคงเป็นที่ที่มีผู้คนเข้ามาละหมาด(นมัส) ต่อเนื่องกันมาจนถึงทุกวัน มิใช่เป็นเพียงร่องรอยของอดีตเท่านั้น แต่แผ่นดินนี้ยังคงมีชีวิตชีวาและเป็นปัจจุบันของอิสลาม อยู่เสมอมา
ที่มา: OKNation