ฟิตนะห์ในหลุมศพ เป็นเช่นไร? ฟิตนะห์ มีหลายความหมาย ซึ่งอาจหมายถึงการทดสอบ การตั้งภาคี การเผาหรือลงโทษด้วยกับไฟ ก็ได้
ฟิตนะห์ในหลุมศพ เป็นเช่นไร?
หลุมศพ ความหมาย อัลก๊อบรุ คือ ที่ฝังมนุษย์ยามเมื่อตายแล้ว มีพหูพจน์ว่า อัลกุบู๊ร ส่วนคำว่า อัลมั๊กบะเราะห์ หรือ อัลมั๊กบัร หมายถึงสถานที่ๆ มีหลุมศพซึ่งก็คือ สุสานนั่นเอง
- อาลัมบัรซัค โลกหลังความตาย ที่ทุกคนต้องเจอ!
- เหตุใดเราจึงไม่ได้ยินเสียงร้องของผู้ตายในกุโบร์
- 3 คำถาม ในกุโบร์ ที่ทุกคนต้องโดนสอบสวน
ฟิตนะห์ มีหลายความหมาย ซึ่งอาจหมายถึงการทดสอบ การตั้งภาคี การเผาหรือลงโทษด้วยกับไฟ ก็ได้
ส่วนฟิตนะห์ในหลุมศพนั้น หมายถึง การสอบสวนของมะลาอิกะห์สองท่านที่มีขึ้นในหลุมศพต่อผู้ที่ตายไปแล้ว สิ่งที่มะลาอิกะห์จะสอบถามผู้ตายนั้นคือการถามว่าใครคือพระผู้อภิบาลของเขา และใครคือนะบีของท่าน เขานับถือศาสนาอะไร
สำหรับบรรดาผู้ศรัทธา สามารถตอบได้โดยง่ายคือ อัลลอฮ์คือพระผู้อภิบาลของฉัน ฉันนับถือศาสนาอิสลาม และมุฮัมหมัดคือนะบีของฉัน สำหรับผู้ไม่ดีทั้งหลาย เช่น ผู้ไม่เชื่อมั่นศรัทธา ผู้สงสัย และผู้หน้าไหว้หลังหลอก เขาก็จะตอบไม่ได้ และเขาจะกล่าวเพียงว่าไม่ทราบ หรือไม่ก็กล่าวว่า ผู้อื่นว่าอย่างไรฉันก็ว่าตามนั้น
มีฮะดีษมากมาย กล่าวถึงการสอบสวนในหลุมศพว่า เกิดขึ้นแน่นอน หนึ่งในรายงานดังกล่าวคือ
ความว่า: ท่านบะรออ์ อิบนุ อาซิบเล่าว่า พวกเราเคยออกไปพร้อมกับท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เพื่อไป (ร่วมละหมาดให้แก่ผู้ตาย) ต่อมาท่านได้นั่งลง ณ สุสานนั้น พวกเราก็นั่งลงล้อมท่านไว้ในสภาพที่เสมือนหนึ่งบนศีรษะพวกเรามีนกเกาะอยู่ (นิ่งเงียบ) ซึ่งในขณะนั้นการขุดหลุมยังมิแล้วเสร็จ (ท่านร่อซู้ล ฯ) พลางกล่าวขึ้นสามครั้งติตต่อกันว่า “ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ให้พ้นจากฟิตนะห์ (สอบสวน) ในหลุมศพ”
ฮะดีษข้างต้นมีเนื้อความที่ยาวมาก เล่าเกี่ยวกับวิธีการเอาชีวิตของมะลาอิกะห์ สภาพของผู้ตายที่ถูกสอบสวน และสภาพของคนดีและไม่ดีว่ามีผลต่างกันอย่างไร
อีกฮะดีษหนึ่งมีดังนี้
ความว่า: ท่านอนัส อิบนุ มาลิก ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าฮะดีษให้พวกเขาฟังว่า ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า “ เมื่อบ่าวถูกวางลงในหลุมฝังศพของเขาแล้ว(เมื่อฝังเสร็จแล้ว) มิตรสหายก็จากเขาไป เขาได้ยินเสียงรองเท้าของพวกเขา ทันใดนั้นมลาอิกะห์สองท่านจะมาหาเขาและปลุกเขาให้นั่งและถามเขาว่าเจ้าจะกล่าวอย่างไรเกี่ยวกับชายผู้นั้น หมายถึงมุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หากเขาเป็นผู้ศรัทธา เขาก็สามารกล่าวได้ว่าเขา(มุฮัมหมัด)คือบ่าวและร่อซู้ลของพระองค์ ก็จะมีเสียงกล่าวแก่เขาว่า เจ้าจงมองดูที่อยู่ของเจ้าในนรกแต่อัลลอฮ์ทรงเปลี่ยนมันให้เป็นที่อยู่สำหรับเจ้าในสวรรค์ ซึ่งเขาได้เห็นที่อยู่ทั้งสองของเขาคือทั้งในนรกและสวรรค์
ท่านก่อตาดะห์ผู้เป็นหนึ่งจากสายรายงานเล่า เพิ่มเติมว่า :
เราทราบมาว่า หลุมศพของเขาจะถูกทำให้กว้างขึ้น -ท่านย้อนกลับมาเล่าฮะดีษของท่านอนัสต่อดังนี้- ส่วนมุนาฟิก(หน้าไหว้หลังหลอก) และการฟิร (ผู้ปฏิเสธศรัทธา) ก็จะถูกถามเช่นกันว่าเจ้าจะกล่าวอย่างไรเกี่ยวกับชายผู้นั้น (หมายถึงท่านนบี มุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) เขาจะตอบว่าฉันไม่ทราบ ผู้คนกล่าวเช่นไรฉันก็กล่าวเช่นนั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงกล่าวขึ้นว่า เจ้าไม่รู้และไม่สนใจที่จะรู้ (กระนั้นหรือ) เขาจะถูกตีด้วยค้อนเหล็กและร้องโหยหวนออกมา(สุดเสียง) ผู้ที่อยู่ใกล้เขาจะได้ยิน(เสียงดังกล่าว) ยกเว้นมนุษย์และญิน”
อีกฮะดีษหนึ่ง
ความว่า: ท่านบะร่ออ์ อิบนุ อาซิบ เล่าว่า เราได้ออกไปกับท่านร่อซูลลุ้ลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เพื่อร่วม (ละหมาด) ญะนาซะห์ชายผู้หนึ่ง (เมื่อละหมาดเสร็จแล้ว) เราก็ไปหยุดอยู่ที่กุโบรเพราะหลุมเขาขุดยังไม่แล้วเสร็จ ท่านร่อซูลุลลอฮ์จึงนั่งลงและพวกเราก็นั่งล้อมท่านในสภาพเหมือนบนศีรษะเรามีนกเกาะอยู่(นิ่งสนิท) ในมือของท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์มีไม่เท่าอยู่และท่านก็เคาะมันกับพื้นดิน(โดยก้มหน้ามองพื้น) ทันใดนั้นท่านก็เงยหน้าขึ้นพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าทั้งหลายจงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ให้พ้นจากลงโทษในหลุมฝังศพเถิด ท่านกล่าวถึงสองหรือสามครั้ง
คำว่าสามครั้งปรากฏในรายงานของท่านญาบิร ท่านกล่าวต่อไปว่า เขาจะได้ยินเสียงรองเท้าของผู้คนที่เดินจากไปในขณะที่มีเสียงกล่าวแก่เขาว่า โอ้ผู้นี้ใครคือพระผู้อภิบาลของเจ้า? ศาสนาที่เจ้านับถือคืออะไร? และใครคือนบีของเจ้า?
ท่านฮันาด(ผู้หนึ่งในสายรายงาน) กล่าว(รายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้)
จะมีมะลาอิกะห์สองท่านมาจับเขานั่งและถามเขาว่าใครคือพระผู้อภิบาลของเจ้า เขาตอบว่าว่า “อัลลอฮ์” มะลาอิกะห์ฯ ถามเขาต่อไปว่า แล้วศาสนาของเจ้าคืออะไร ? เขาตอบว่า “อัลอิสลาม” มะลาอิกะห์ฯ ถามต่อไปว่า ใครคือผู้ที่ถูกแต่งตั้งไปยังพวกเจ้า เขาตอบว่าท่านคือร่อซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มะลาอิกะห์ฯ ถามว่าเจ้ารู้ได้อย่างไร? เขาตอบว่า ฉันได้อ่านคัมภีร์ของอัลลอฮ์ ฉันศรัทธาและเชื่อคัมภีร์นั้น
ในรายงายของท่านญาบิรระบุว่าท่านร่อซู้ลกล่าวต่อไปว่า นั่นแหละคือความหมายของอายะห์นี้ “อัลลอฮ์จะทรงทำให้บรรดาผู้ศรัทธามั่นคง (สามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้)”
ต่อมามีผู้ประกาศมาจากฟากฟ้าว่า ”หากบ่าวของฉันสัจจริง ก็จงเปิดประตูไปสู่สวรรค์แก่เขา และหาอาภรณ์จากสวรรค์ให้เขาสวมใส่” ท่านนบีฯ กล่าวต่อไปว่า ความสุขจากสวรรค์จะท้วมท้นมายังเขา หลุมศพของเขาจะถูกขยายกว่างออกสุดสายตา ส่วนกาเฟร(ผู้ปฏิเสธศรัทธา) ท่านเล่าถึงสภาพการตายของเขาและกล่าวว่า ต่อมาวิญญาณจะถูกคืนสู่ร่างเขา จะมีมลาอิกะห์สองท่านจับเขานั่งพร้อมกับกล่าวแก่เขาว่าใครคือพระผู้อภิบาลของเจ้า? เขาก็จะตอบว่าหือ หือ หือ และก็หือ (คือตอบไม่ได้) ฉันไม่ทราบ ทั้งคู่จะถามเขาต่อไปว่าอะไรคือศาสนาของเจ้า? เขาก็จะตอบว่า หือ หือ ฉันไม่ทราบ ทั้งคู่ถามเขาต่อไปว่าชายผู้ที่ถูกแต่งตั้งมายังพวกเจ้าคือใคร? เขาก็จะตอบ(เช่นกัน)ว่า หือ หือ ฉันไม่ทราบ
ทันใดนั้นก็มีผู้ประกาศมาจากฟากฟ้าว่า ”หากบ่าวของฉันกล่าวเท็จ ก็จงปูพื้นแก่เขาจากไฟนรกและจงให้เขาสวมใส่จากไฟนรก อีกทั้งจงเปิดประตูไปยังนรกแก่เขา” ความร้อนและพิษภัยจากนรกจะพรั่งพรูมาหาเขา หลุมศพของเขาจะถูกทำให้แคบลงและบีบอัดกระดูกซี่โครงของเขาจนเข้าประสานกัน ผู้ตาบอดและเป็นใบ้ (มะลาอิกะห์) จะได้รับมอบหมาย(ให้เฝ้าลงโทษเขา) โดยในมือ (มะลาอิกะห์ท่านนี้) มีค้อนเหล็กหากนำไปทุบขุนเขามันก็จะกลายเป็นผงดิน แล้วท่านก็ตีเขาด้วยค้อนเหล็กนั้น เขาจะสงเสียงร้อง(ด้วยความเจ็บปวด)ซึ่งจะได้ยินไปไกลเท่าทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตก เขาถูกตีจนกลายเป็นผงดินแล้วถูกฟื้นคืนชีวิตให้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
- 5 ดุอาอ์เพื่อการตายที่ดีจากอัลกุรอานและอัลหะดีษ
- ดุอาอฺสอนคนที่ใกล้จะตาย
- การสอบสวนผู้ทำความชั่วในกุบูร
ส่วนดุอาอฺที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวเพื่อขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ ให้พ้นจาการลงโทษในหลุมศพก็ดีหรือการสอบสวนก็ดี มีปรากฏชัดเจนทั้งในบันทึกของอิหม่ามบุคอรี มุสลิม อะบูดวู๊ด อัตติรมิซี่ย์ อันนะซาอี่ญ์ และท่านอื่นๆ
ลักษณะมะลาอิกะห์ผู้ทำการสอบสวน
ความว่า: อะบูฮุรอยเราะกล่าวว่า ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “เมื่อผู้ตาย-บางกระแสระบุว่า-เมื่อผู้หนึ่งจากพวกท่าน ถูฝังแล้ว จะมีมะลาอิกะห์สองท่านมาหา ซึ่งมีสีดำออกเขียว ท่านหนึ่งถูกเรียกว่า อัลมุงกัร อีกท่านหนึ่งถูกเรียกว่า อัลนะกีร ทั้งคู่จะถามผู้ตายว่า “เจ้าว่าอย่างไรเกี่ยวกับกับชายผู้นั้น (ท่านนบี) ?”
เขาจะตอบว่า “ก็กล่าวตามที่เคยกล่าวไว้(ครั้งเมื่ออยู่ในดุนยา) ว่า เขาคือบ่าวของอัลลอฮ์ เป็นร่อซู้ลของพระองค์ โดยฉันปฏิญาณว่าไม่มีผู้ที่คู่ควรแก่การเคารพกราบไหว้อื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และมุฮัมหมัดคือบ่าวและร่อซู้ลของพระองค์” มะลาอิกะห์ทั้งสองก็จะกล่าวแก่เขาว่า “เราทราบดีว่าเจ้าเคยกล่าวเช่นนั้น” ต่อมาหลุมศพเขาก็ถูกขยายออกตามกว้างและยาวเจ็ดสิบศอกและถูกทำให้มีแสงสว่างไสว แล้วก็มีเสียงกล่าวแก่เขาว่า “หลับเสียเถิด” เขากล่าวว่า “ฉันจะกลับไปหาครอบครัวเพื่อบอกพวกเขาถึงสิ่งดังกล่าวนี้” แต่ทั้งคู่กล่าวกล่าวแก่เขาว่า “หลับเสียเถิด เหมือนการหลับของเจ้าบ่าวที่ไม่มีผู้ใดมาปลุกเขายกเว้นผู้ที่เขารักที่สุดจากคนครอบครัวของเขา คือจนกว่าอัลลอฮ์จะให้เขาฟื้นคืนชีพจากที่พำนัก(ชั่วคราว)นั้น”
แต่ถ้าหากผู้ตายเป็นหน้าไหว้หลังหลอก(มุนาฟิก) เขาสามารถกล่าวได้เพียงว่า “ฉันเคยได้ยินคนเขากล่าวกันเช่นใดฉันก็กล่าวตามนั้น (จริงๆ) แล้วฉันไม่ทราบ” มะลาอิกะห์ทั้งสองจึงกล่าวแก่เขาว่า “เราก็ทราบดีว่าเจ้ากล่าวเช่นนั้น(ครั้งเมื่ออยู่ดุนยา)” ทันใดนั้น แผ่นดินก็ได้รับคำสั่งให้บีบตัวเข้ามาและบีบอัดผู้ตายนั้นจนกระดูกซี่โคลงวิ่งสลับเข้าหากัน เขาจะถูกทรมานเช่นนั้นตราบวันที่อัลลอฮ์จะฟื้นคืนชีพแก่เขาจากที่พำนัก(ชั่วคราว)นั้น”