เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลาม ศัตรูของท่านไม่ได้มีแต่เฉพาะผู้นำชาวอาหรับที่เกรงว่าตัวเองจะสูญเสียผลประโยชน์และสถานภาพเท่านั้น
เมื่อนบีมุฮัมมัดโดนไสยศาสตร์
บทความโดย: บรรจง บินกาซัน
เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลาม ศัตรูของท่านไม่ได้มีแต่เฉพาะผู้นำชาวอาหรับที่เกรงว่าตัวเองจะสูญเสียผลประโยชน์และสถานภาพเท่านั้น แต่ยังมีชาวยิวที่คิดจะกำจัดท่านทุกวิถีทางตามสำนวนไทยที่กล่าวว่า “ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยเวทมนตร์ ก็เอาด้วยคาถา” และหนึ่งในวิธีการชั่วร้ายนั้นคือการใช้ไสยศาสตร์
ในบันทึกคำบอกเล่าของนางอาอิชะฮ์ ภรรยาของท่านนบีมุฮัมมัดกล่าวว่าในช่วงปลายชีวิต มีคนทำมนตร์ดำใส่ท่านนบีมุฮัมมัดจนกระทั่งท่านคิดไปว่าท่านทำสิ่งที่ท่านไม่ได้ทำ เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านจึงวิงวอนขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้าให้พ้นจากอิทธิพลของมนตร์ดำ
แม้ความหลงลืมจะไม่มีผลกระทบต่อการจดจำคัมภีร์กุรอานที่ท่านได้รับจากพระเจ้า แต่ถ้าหากปล่อยไว้เนิ่นนาน ความหลงลืมของท่านอาจทำให้ผู้คนคลายความเชื่อถือในตัวท่าน ดังนั้น พระเจ้าผู้ทรงคุ้มครองนบีทุกคนของพระองค์จึงทรงคุ้มครองท่านด้วยการส่งทูตสวรรค์มาบอกวิธีการรักษาอาการป่วยของท่าน
นบีมุฮัมมัดเล่าว่าคืนหนึ่งขณะที่ท่านนอนหลับ มีชายสองคนมาหาท่าน คนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้กับศีรษะของท่านและอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงเท้าของท่าน คนหนึ่งกล่าวว่า “อะไรที่ทำให้เขาป่วย?” อีกคนหนึ่งกล่าวว่า “เขาถูกมนตร์ดำ” นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่าคนทำที่มนตร์ดำใส่ท่านคือชาวยิวชื่อละบีดและบอกถึงวิธีการทำด้วย
ชายคนนั้นได้บอกท่านนบีว่ามีคนเอาเส้นผมของท่านที่ติดอยู่กับหวีของท่านไปให้คนทำไสยศาสตร์ หลังจากนั้น เส้นผมของท่านได้ถูกนำไปผูกกับดอกเกสรตัวผู้ของอินทผลัมและนำไปวางไว้ในบ่อน้ำแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าบ่อน้ำซัรฺวาน
เมื่อรู้สึกตัว ท่านนบีมุฮัมมัดจึงได้ไปยังบ่อน้ำแห่งนั้นพร้อมกับสาวกบางคนของท่านและกลับมาเล่าให้ภรรยาของท่านฟังว่า “น้ำในบ่อแห่งนั้นมีสีเหมือนกับน้ำที่ผสมกับใบเฮนนา และยอดของต้นอินทผลัมใกล้บ่อน้ำแห่งนั้นเหมือนกับหัวของซาตาน(กล่าวคือ เหมือนกับหัวของงู)”
ภรรยาของท่านจึงถามว่าทำไมท่านไม่เอาสิ่งที่ท่านพบมาให้ผู้คนได้เห็น ท่านได้กล่าวว่า “เนื่องจากอัลลอฮฺทรงเยียวยารักษาฉันให้หายแล้ว และฉันกลัวว่าถ้าหากเอามันออกมา มันอาจจะนำสิ่งเลวร้ายมาสู่ผู้คน” หลังจากนั้น ท่านได้สั่งให้กลบบ่อน้ำแห่งนั้น
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นพระประสงค์ของอัลลอฮฺที่ให้มันเกิดขึ้นกับตัวของนบีมุฮัมมัดเองเพื่อจะบอกว่าไสยศาสตร์หรือศาสตร์ของซาตานมีจริง แต่ซาตานไม่มีอำนาจเหนือพระเจ้า ผู้ศรัทธาในพระเจ้าต้องไม่เกรงกลัวมันและต้องไม่วิงวอนขอความช่วยเหลือจากมันหรืออาศัยตะกรุด เครื่องรางของขลัง เพราะหากใครทำเช่นนั้นก็เท่ากับทำบาปใหญ่ที่มีผลทำให้สิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิมทันที
ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺจึงได้สอนวิธีการป้องกันไสยศาสตร์หรือมนตร์ดำให้แก่ผู้ศรัทธาในพระองค์ผ่านทางนบีมุฮัมมัดโดยการประทานสองบทสุดท้ายของคัมภีร์กุรอานให้อ่านเพื่อขอความคุ้มครองต่อพระเจ้าก่อนนอน
บทหนึ่งมีความหมายเป็นภาษาไทยดังนี้
“จงกล่าว ฉันขอความคุ้มครองด้วยพระผู้อภิบาลแห่งรุ่งอรุณ ให้พ้นจากความชั่วร้ายของทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง และจากความชั่วแห่งความมืดของกลางคืนเมื่อมันแผ่ลงมา และจากความชั่วของผู้เสกเป่าลงไปบนปมเงื่อนและจากความชั่วของผู้อิจฉาเมื่อเขาอิจฉา” (กุรอาน 113:1-5)
และอีกบทหนึ่งมีความหมายดังนี้ :
“จงกล่าว ‘ฉันขอความคุ้มครองด้วยพระผู้อภิบาลแห่งมนุษยชาติ ราชาแห่งมนุษยชาติ พระเจ้าของมนุษยชาติ ให้พ้นจากความชั่วของผู้แอบเข้ามากระซิบครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้กระซิบเข้าไปในหัวใจของมนุษย์ ทั้งจากพวกญินและมนุษย์’” (กุรอาน 114:1-6)
หลังจากมนตร์ดำถูกทำลายแล้ว ก่อนนอน นบีมุฮัมมัดจะยกฝ่ามือสองข้างขึ้นชนกันและเป่าลมลงไปบนฝ่ามือ หลังจากนั้น ท่านจะอ่านบทขอความคุ้มครองทั้งสองแล้วใช้ฝ่ามือทั้งสองลูบบนศีรษะและทุกส่วนของลำตัวไปจนถึงส่วนที่ฝ่ามือของท่านสามารถไปถึง