ฮาดิษ ลักษณะของมุสลิมผู้ที่มี อีหม่าน ที่สมบูรณ์


4,164 ผู้ชม


ฮาดิษ ลักษณะของมุสลิมผู้ที่มี อีหม่าน ที่สมบูรณ์

เล่าจากอะนัส บินมาลิก ร.ฎ. จากท่านนบี ซ.ล ได้กล่าวว่า ใครก็ตามจากพวกท่านจะ ยังไม่มีอีหม่าน (ที่สมบูรณ์) จนกว่าข้าพเจ้าจะเป็นที่รักของเขายิ่งกว่าผู้บังเกิดเกล้าของเขายิ่งกว่า ลูกของเขา และยิ่งกว่ามนุษย์ทั้งมวล (หะดีษโดย บุคอรี มุสลิม และนะซาอี)

และเล่าจากเขา (อะนัส) จากท่านนบี ซ.ล. ได้กล่าวว่า ใครก็ตามจากพวกท่านจะยังไม่มีอีหม่าน (ที่สมบูรณ์) จนกว่าเขาจะมีความปรารถนาให้พี่น้อง (ร่วมศาสนา) ของเขา ได้รับในสิ่งที่เขามีความปรารถนาให้ตัวเขาเองได้รับ (หะดีษโดย บุคอรี มุสลิม ติรมิซี และนะซาอี)

และเล่าจากเขา (อะนัส) จากท่านนบี ซ.ล.   ได้กล่าวว่า สามประการนี้ ผู้ใดครอบครองไว้ได้ เขาจะพบกับความหวานของอีหม่าน คือ อัลลอฮ์และเราะซูลของอัลลอฮ์ เป็นที่รักของเขายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เขามีความรัก ในคนๆ หนึ่ง เขาจะไม่รักคนๆ นั้นเลย นอกจากรักเพราะอัลลอฮ์ตาอาลา เขาเกลียดที่จะกลับ ไปสู่สภาพอง (กุฟุรฺ) การไม่มีอีหม่านเหมือนเกลียดการที่เขาจะถูกจับโยนลงสู่ขุมนรก (หะดีษโดย บุคอรี มุสลิม ติรมิซี และนะซาอี๗

และเล่าจากเขา (อะนัส) จากท่านนบี ซ.ล. ได้กล่าวว่า เครื่องหมายของอีหม่าน คือ รักพวกอันศอร[1] และเครื่องหมายของการ (เป็นคน) กลับกลอก คือ ชิงชังพวก อันศอร  (รายงานหะดีษโดย บุคอรี มุสลิม และนะซาอี)

เล่าจากอะลี ร.ฎ. ได้กล่าวว่า สาบานต่อผู้ซึ่งให้เมล็ดพืชผลิออกและเจริญงอกงาม และผู้ซึ่งให้กำเนิดชีวิตว่ามันเป็นสัญญาที่ท่านนบี ซ.ล. ได้ให้ไว้แก่ข้าพเจ้าว่า จะไม่มีใครรักข้าพเจ้านอกจากผู้มีอีหม่าน และจะไม่มีใครชิงชังข้าพเจ้านอกจากคนกลับกลอก (รายงานโดย บุคอรี ติรมิซี และนะซาอี)

เล่าจากอับดิลลาห์ บินอัมร์ ร.ฎ. จากท่านนบี ซ.ล.ได้กล่าวว่า ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นมุสลิมนั้นคือ ผู้ที่มุสลิมทั้งหลายปลอดภัยจากลิ้นของเขาและมือของเขา และผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้อพยพนั้น คือ ผู้ที่อพยพจากสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงห้าม (รายงานหะดีษโดย บุคอรี มุสลิม อะบูดาวูด ติรมิซี และนะซาอี)

ท่านติรมีซีและนะซาอีได้รายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ได้ชื่อว่ามี อิหม่านนั้น คือผู้ที่มวลมนุษย์ได้รับความปลอดภัยจากเขาในเลือดเนื้อและทรัพย์สิน ของพวกเขา

และเล่าจากเขา (อับดิลลาห์) ว่า แท้จริงชายผู้หนึ่งได้เรียนถามท่านนบี ซ.ล.ว่า ข้อปฏิบัติอะไรที่ดียิ่งในศาสนาอิสลาม ท่านนบีได้ตอบว่า คือการที่ท่านให้อาหารเป็นทาน และการที่ท่านทักทายด้วยการกล่าวสลาม (อัสสะลามุ อะลัยกุม) ทั้งแก่บุคคลที่ท่านรู้จักและไม่รู้จัก (รายงานหะดีษโดย บุคอรี มุสลิม อะบูดาวูด และนะซาอี)

เล่าจากอะบีฮุรอยเราะห์ ร.ฎ. จากท่านนบี ซ.ล. ได้กล่าวว่า อีหม่านนั้นมีมากกว่าเจ็ดสิบ หรือมากกว่าหกสิบ ระดับที่ดีเยี่ยมที่สุดคือ กล่าวว่าไม่มีพระเจ้าที่ควรแก่การเคารพสักภาระ นอกจากอัลลอฮ์ ที่ต่ำที่สุดคือ การขจัดอันตรายให้พ้นไปจากทางสัญจร และความอายนั้น ก็เป็นระดับหนึ่งของอีหม่าน

เล่าจากตะมีม อัดตารียืน ร.ฎ. จากท่านนบี ซ.ล. ได้กล่าวว่า หลักสำคัญของศาสนาคือ การแนะนำด้วยความจริงใจ พวกเราได้ถามว่า การแนะน้ำนั้นเพื่อใคร ท่านเราะซูลุลลอฮ์ได้ ตอบว่าเพื่ออัลลอฮ์[2] เพื่อคัมภีร์ของพระองค์[3] เพื่อเราะซูลของพระองค์[4] เพื่อผู้นำมุสลิม[5] และเพื่อมุสลิมทั้งมวล[6] (รายงานหะดีษโดย บุคอรี มุสลิม อะบูดาวูด ติรมิซี และนะซาอี)

เล่าจากอัลอับบาส บินอับดิล มุตตอลิบ ร.ฎ. จากท่านนบี ซ.ล. ได้กล่าวว่า ถือว่าได้ลิ้มรสของอิหม่านแล้ว ผู้ที่พอใจยึดเอา อัลลอฮ์เป็นพระเจ้า ยึดเอาอิสลามเป็นศาสนา และยึดเอามุฮัมมัดเป็นศาสนทูต (รายงานหะดีษโดย มุสลิม และติรมิซี) และตามรายงานของอะบูดาวูดว่า ผู้ใดรัก เพราะอัลลอฮ์ โกรธเพราะอัลลอฮ์ ให้เพราะอัลลอฮ์และหวงเพราะอัลลอฮ์ก็ถือได้ว่า เขามีอีหม่านที่สมบูรณ์

เล่าจากอะบี ฮุรอยเราะห์ จากท่านนบี ซ.ล. ได้กล่าวว่า เหล่าศรัทธาชนที่มี อิหม่านสมบูรณ์ยิ่งนั้นคือ ผู้ที่มีนิสัยดี และคนที่ดีที่สุดในหมู่พวกท่าน คือคนที่มีความสุภาพ อ่อนโยนต่อภรรยาของเขา (รายงานหะดีษโดย อะบูดาวูด ติรมิซี)

และเล่าจากเขา (อะบี ฮุรอยเราะห์) จากท่านนบี ซ.ล. ได้กล่าวว่า นับเป็นคุณงามความดี ประการหนึ่งของผู้ที่เข้านับถือศาสนาอิสลาม คือการที่เขาละทิ้งสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์แก่เขา (รายงานโดย ติรมิซี ในเรื่อง "สละโลกีย์" และอิบนุมายะห์)

เล่าจากอะบีสะอีด ร.ฎ. จากท่านนบี ซ.ล.   ได้กล่าวว่า เมื่อพวกท่านเห็นชายคนหนึ่งมา มัสญิดประจำ ท่านทั้งหลายจงเป็นพยานยืนยันให้เขาด้วยว่า เขาเป็นผู้มีอีหม่าน เพราะแท้จริง อัลลอฮ์ตาอาลากล่าวว่า ความจริงผู้ที่จะทำนุบำรุงมัสยิดของอัลลอฮ์นั้น คือผู้มีศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ศรัทธาต่อวันสิ้นโลก คือ ผู้ที่ดำรงละหมาดและจ่ายซะกาต-อ่านจนจบโองการ (รายงานหะดีษโดย ติรมิซี)

อธิบายเพิ่มเติม

[1]พวกอันซอร คือ ชาวเมืองมะดีนะฮ์ที่ให้ความช่วยเหลือแก่ท่านนบีฯ และมวลมุสลิม ในคราวที่อพยบจากนครมักกะฮ์ไปยังมาดีนะฮ์

[2]ด้วยการศรัทธาต่ออัลเลาะห์

[3]ด้วยการศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนของภัมภีร์

[4]ด้วยการเชื่อฟังและปฏิบัติตาม

[5]เพราะการให้เกียรติและเชื่อฟังคำสั่งของพวกเขา เป็นความพอใจของอัลเลาะห์

[6]ด้วยการชักจูงพวกเขามาสู่สิ่งที่จะเป็นความสุขของพวกเขา ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

- ผู้ใดรัก เพราะอัลลอฮ์ โกรธเพราะอัลลอฮ์ ให้เพราะอัลลอฮ์และหวงเพราะอัลลอฮ์ก็ถือได้ว่า เขามีอีหม่านที่สมบูรณ์

- เหล่าศรัทธาชนที่มี อิหม่านสมบูรณ์ยิ่งนั้นคือ ผู้ที่มีนิสัยดี และคนที่ดีที่สุดในหมู่พวกท่าน คือคนที่มีความสุภาพ อ่อนโยนต่อภรรยาของเขา ( อะบูดาวูด ติรมิซี)

- นับเป็นคุณงามความดี ประการหนึ่งของผู้ที่เข้านับถือศาสนาอิสลาม คือการที่เขาละทิ้งสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์แก่เขา ( ติรมิซี ในเรื่อง "สละโลกีย์" และอิบนุมายะห์)

- อัลลอฮ์ตาอาลากล่าวว่า ความจริงผู้ที่จะทำนุบำรุงมัสยิดของอัลลอฮ์นั้น คือผู้มีศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ศรัทธาต่อวันสิ้นโลก คือ ผู้ที่ดำรงละหมาดและจ่ายซะกาต-อ่านจนจบโองการ ( ติรมิซี)

- ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นมุสลิมนั้นคือ ผู้ที่มุสลิมทั้งหลายปลอดภัยจากลิ้นของเขาและมือของtขา และผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้อพยพนั้น คือ ผู้ที่อพยพจากสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงห้าม ( บุคอรี มุสลิม อะบูดาวูด ติรมิซี และนะซาอี)

- ผู้ที่ได้ชื่อว่ามี อิหม่านนั้น คือผู้ที่มวลมนุษย์ได้รับความปลอดภัยจากเขาในเลือดเนื้อและทรัพย์สิน ของพวกเขา (ติรมีซีและนะซาอี)

อัพเดทล่าสุด