การชดใช้หนี้ในอิสลาม ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอความสุข ความจำเริญและความสันติจงประสบแด่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์
การชดใช้หนี้ในอิสลาม ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอความสุข ความจำเริญและความสันติจงประสบแด่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ เพียงองค์เดียวไม่มีภาคีใด ๆ สำหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่ามุหัมมัด เป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์
ท่านญาบิรฺ บิน อับดุลลอฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า
“ชายคนหนึ่งได้เสียชีวิตลง พวกเราจึงอาบน้ำและห่อศพให้แก่เขา แล้ววางศพลง ณ สถานที่ซึ่งเตรียมไว้เพื่อรอให้ท่านเราะสูล มาละหมาดให้ เมื่อท่านเราะสูล (ซ.ล.) กำลังจะเดินทางมาถึง
ท่านก็ถาม ขึ้นว่า “สหายของพวกท่านมีหนี้สินหรือไม่?”
พวกเขาตอบว่า “ใช่ครับ เขามีหนี้เป็นเงินสองดีนาร์”
ท่านนบี (ซ.ล.) จึงถอยออกมาแล้วกล่าวว่า “พวกท่านจง ละหมาดให้สหายของพวกท่านเถิด”
ชายคนหนึ่งชื่ออบูเกาะตาดะฮฺ จึงกล่าวขึ้นว่า “โอ้ท่านเราะสูลลุลฮฺ ฉันจะรับผิดชอบสองดีนาร์นั่นเอง”
ท่านเราะสูล (ซ.ล.) จึงกล่าวถามว่า “ท่านจะรับผิดชอบชดใช้สองดีนาร์นี้ด้วยทรัพย์สินของท่าน และถือว่าผู้ตายได้หมดภาระหนี้สินไปใช่หรือไม่?”
เขาตอบ ว่า “ครับ”
ท่านนบี (ซ.ล.) จึงละหมาด ให้แก่ผู้ตาย หลังจากนั้นทุกครั้งที่ท่านนบีได้พบเจออบูเกาะตาดะฮฺ
ท่านก็จะถามว่า “ท่านจัดการเงินสองดีนาร์นั้นหรือยัง?”
กระทั่งท้ายที่สุดเขาก็ตอบว่า “ฉันได้ชดใช้หนี้สินเรียบร้อยแล้ว”
ท่านเราะสูล (ซ.ล.) จึงกล่าวว่า “ในที่สุด ท่านก็ทำให้ผิวหนังของเขาเย็นลงเสียที”
(ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน : บันทึกโดยอัลหากิม หะดีษเลขที่ 2393)
- ดุอาอฺปลดหนี้ หนี้เท่าภูเขาก็หมดลงได้ด้วยดุอาอ์บทนี้!
- ซูเราะห์ที่อ่านแล้วรวย ไม่ยากจน อัลลอฮ์จะให้ริสกีแก่เขา
- ดุอาอฺเรียกลูกค้า ดุอาอฺค้าขายดี การค้าขายในอิสลาม
- ทำไมอิสลามจึงห้ามมีการกินดอกเบี้ย?
หะดีษข้างต้นและหะดีษอื่น ๆ อีกมากมายเป็นหลักฐาน ยืนยันอย่างชัดเจนว่า หนี้สินนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งไม่ควรที่จะถูกมองข้าม และยังเป็นเรื่องร้ายแรงที่อิสลามไม่อาจยกเว้นให้ได้ ดังเช่นในหะดีษข้างต้น ถึงแม้จะเป็นเพียงหนี้สินเล็กน้อยก็ตาม ลูกหนี้ที่เสียชีวิตก็จะต้องได้รับบทลงโทษ และความเจ็บปวดในหลุมศพ จนกว่าหนี้สินของเขาจะได้รับการชำระชดใช้
ในช่วงแรกของอิสลามนั้น ท่านนบี จะไม่ละหมาดให้กับศพที่ยังมีหนี้สินค้างคา เพราะหนี้สินถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องได้รับการสะสาง แต่หลังจากที่รัฐอิสลามได้เจริญรุ่งเรืองและมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ท่านนบี ก็รับชำระหนี้สินให้แทน และทำการละหมาดให้แก่ผู้ตาย
ผู้ศรัทธาทุกคนมีภาระผูกพันกับหนี้สินของเขา จนกว่าเขาจะชำระหนี้สินนั้นเสีย อบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า :
“วิญญาณของผู้ศรัทธาจะถูกกักไว้ โดยจะยังไม่ได้รับรางวัลของความดีที่กระทำไว้จนกว่าหนี้สินของเขาจะได้รับการชดใช้”
(ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน : บันทึกโดยอัตติรมิซีย์ หะดีษเลขที่1078และ1079)
อัชเชากานีย์ กล่าวว่า “หะดีษบทนี้ชี้ให้เห็นว่าอิสลามได้ ส่งเสริมให้ทายาทผู้รับมรดกชดใช้หนี้สินแทนผู้ตาย โดยเน้นย้ำว่าผู้ตายที่ยังมีหนี้สินอยู่นั้น จะถูกกักตัวไว้ก่อนจนกว่าหนี้สินของเขาจะได้รับการชำระ ที่กล่าวมานี้เป็นกรณีที่ผู้ตายมีทรัพย์สินเพียงพอแต่หากเป็นผู้ขัดสนซึ่งไม่มีทรัพย์สินและตายไปในสภาพที่เขามีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะชำระหนี้ให้ได้ เช่นนี้อัลลอฮ์ ก็จะทรงชดใช้หนี้สินแทนเขา ดังมีหลักฐานจากหะดีษ มากมายที่ระบุถึงเรื่องนี้” (ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน : นัยลุลเอาฏอร เล่ม 2 หน้า 53)
ทั้งนี้ ผู้ศรัทธานั้นอาจจะถูกกีดกันไม่ให้เข้าสวรรค์ด้วย เหตุที่เขายังมีหนี้สินค้างชำระ ดังมีหะดีษบันทึกโดยอบูดาวูด จากสะมุเราะฮฺ เล่าว่า ท่านเราะสูลลุลอฮฺ (ซ.ล.) ได้กล่าวใน คุฏบะฮฺว่า
“มีผู้ใดในที่นีมาจากเผ่านี้ (ท่านระบุชื่อเผ่าหนึ่ง) ไหม?”
ไม่มีผู้ใดตอบ ท่านจึงกล่าวซ้ำอีกว่า “มีผู้ใดมาจากเผ่านี้ไหม?”
ก็ไม่มีผู้ใดตอบอีก ท่านจึงกล่าวอีก “มีผู้ใดมาจากเผ่านี้ไหม?”
จึงมีชายคนหนึ่งลุกขึ้น และกล่าวว่า “ฉันเอง โอ้ ท่านเราะสูลลุลลอฮฺ”
ท่านจึงกล่าวแก่ชายคนนั้นว่า “เหตุใดเล่าท่านจึงไม่ตอบฉันตั้งแต่สองครั้งแรกที่ฉันถาม ที่จริงแล้วฉันมิได้กล่าวถึงพวกท่านเว้นแต่ในทางที่ดี"
"ฉันจะบอกว่าพี่น้องของท่าน คนหนึ่งยังคงถูกกักตัว (ไม่ได้เข้าสวรรค์) เนื่องจากหนี้สินของเขาที่ยังคงค้างชำระ”
จากนั้นฉันก็เห็นชายคนดังกล่าวช่วยชำระหนี้ให้แก่ผู้ตายจนกระทั่งไม่มีผู้ใดทวงถามให้ชำระอีกต่อไป
(ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน : บันทึก โดยอบูดาวุด หะดษี เลขที่ 3341)
ในอีกรายงานหนึ่งระบุว่า
"ชายคนหนึ่งในหมู่พวกท่านที่เสียชีวิตลง ได้ถูกกักตัวไว้ไม่ให้ เข้าสวรรค์เพราะยังมีหนี้สินยังค้างชำระ หากพวกท่านประสงค์ ก็จงช่วยปลดปล่อยเขาเสีย (ด้วยการชดใช้หนี้แทนเขา) หรือไม่ก็ปล่อยให้เขาต้องเผชิญกับการลงโทษของอัลลอฮ์ไป”
(ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน : บันทึกโดย อัลหากิม หะดีษเลขที่ 2216)
และแม้แต่ชะฮีด (ผู้สละชีพในหนทางของอัลลอฮฺ) ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการลบล้างบาปทั้งหมด ก็ยังถูกยกเว้นในเรื่องหนี้สิน ดังที่ อับดุลลอฮฺ บิน อัมรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี กล่าวว่า
"ทุก ๆ บาปของชะฮีดนั้นจะได้รับการยกโทษ ยกเว้นเรื่องหนี้สิน” (ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน : บันทึกโดยมุสลิม หะดีษเลขที่ 1886)
มุหัมมัด บิน อับดุลลอฮฺ บิน ญะหฺช เล่าว่า
มีชายคนหนึ่งมาหาท่านนบี (ซ.ล.) แล้วกล่าวว่า “โอ้ท่านเราะสูลลุลอฮฺ ฉันจะได้รับสิ่งใดเป็นการตอบ แทนหากว่าฉันถูกฆ่าตายในหนทางของอัลลอฮฺ?”
ท่านตอบว่า “สวรรค์” เมื่อชายคนดังกล่าวหันหลังจะเดินกลับไป
ท่านนบี ก็กล่าวว่า “ยกเว้นในกรณีที่ท่านมีหนี้สินค้างชำระ ญิบรีล อะลัยฮิสลาม เพิ่งกระซิบบอกฉันเมื่อกี้นี้” (ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน : บันทึกโดยอะหฺมัด หะดษีเลขที่17253)
♦ ทั้งนี้ เพราะหนี้สินที่ติดค้างกับมนุษย์ด้วยกันนั้น จำเป็นต้องชดใช้ ไม่ว่าจะในดุนยาหรืออาคิเราะฮฺ และสิ่งที่เป็นสิทธิของมนุษย์ด้วยกันจะไม่ได้รับการยกเว้น นอกเสียจากว่า เจ้าของสิทธิจะยอมยกให้
ชัยคฺ อิบนุ อุษัยมีน เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า การมีหนี้สินนั้นถือเป็นเรื่องที่อันตราย เพราะมันทำให้จิตใจของผู้เป็นหนี้ว้าวุ่น มีชีวิตที่ไม่เป็นสุขอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นเราควรหลีกห่างการกู้หนี้ยีมสิน พยายามใช้จ่ายอย่างประหยัด เราจะเห็นว่า มีผู้ขัดสนมากมายท่ีอยากจะใช้จ่ายเยี่ยงเศรษฐี จึงต้องกู้หนี้ยืมสินจากทุก ๆ ทางที่จะทำได้ ทั้งนี้ในความเป็นจริงแล้ว หากแม้ว่าในหนึ่งวันเขาจะมีเพียงอาหารมื้อเดียวก็ไม่ควรจะไปกู้ยืมใครอีก แต่ควรที่จะอดทน และกล่าวว่า
" โอ้ อัลลอฮ์ ขอพระองค์ประทานความร่ำรวยให้แก่ฉันด้วยเถิด "
อัลลอฮ์ตรัสว่า :
“และหากพวกเจ้ากลัวความยากจน อัลลอฮฺก็จะทรงให้พวกเจ้ามั่งมี ด้วยความกรุณาของพระองค์” (อัตเตาบะฮฺ: 28) (ชัรห์ริยาดุศศอลิหีน เล่ม 5 หน้า 366)
และตัวอย่างของการไม่ให้ความสำคัญกับการมีหนี้สินก็ คือ การท่ีบางคนกู้ยืมเงินจำนวนมากเพ่ือทำธุรกิจหรือเล่นหุ้น แล้วเขาก็ขาดทุนย่อยยับ จนสุดท้ายอาจต้องติดคุกติดตาราง หรือมีหนี้สินล้นพ้นตัว ต้องใช้ชีวิตด้วยความวิตกกังวลและไม่เป็นสุข ทั้งหมดนี้เกิดจากการไม่ให้ความสาคัญกับเรื่องหนี้สิน ทั้งนี้ แม้แต่การตายชะฮีดในหนทางของอัลลอฮ์ ก็ยังมิอาจจะช่วยให้หลุดพ้นจากภาระหนี้สินได้
สำหรับเจ้าหนี้น้ันก่อนที่จะให้ผู้อื่นกู้ยืมทรัพย์สินก็ควรที่จะคำนึงถึงประเด็นต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. ให้กู้ยืมจากทรัพย์สินที่ดีอัลลอฮ์ตรัสว่า
“และพวกเจ้าอย่าได้มุ่งเอาสิ่งเลวจากนั้นมาบริจาคทั้งๆที่พวกเจ้าเองก็ไม่ (อยากจะ) รับสิ่งนั้น ” (อัลบะเกาะเราะฮฺ: 267)
2. ให้ตระหนักเสมอว่า เขาจะได้รับผลบุญจากการช่วยเหลือผู้อื่นในครั้งนี้ มิใช่รู้สึกเป็นบุญคุณแก่ผู้ขอยืม หากคิดเช่นนั้นเขาอาจไม่ได้รับผลบุญใด ๆ อัลลอฮ์ ตรัสว่า
“โอ้บรรดาผู้ศรัทธา พวกเจ้าจงอย่าทำลายการทำทานของพวกเจ้า โดยการลำเลิกและยังความเจ็บปวด” (อัลบะเกาะเราะฮฺ: 264)
และผลบุญของการให้กู้ยืมนั้น ดังเช่นผลบุญของการบริจาคทาน อับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวว่า
"แท้จริงการกู้ยืมนั้น เปรียบได้ดั่งครึ่งหนึ่งของการบริจาคทาน”
(ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน : อิหม่ามอะห์มัด หะดีษเลขที่ 3911)
3. ควรที่จะมีความเห็นอกเห็นใจลูกหนี้ โดยอาจลดหย่อนหนี้สินบางส่วนให้แก่เขา หากเห็นว่าเขามีความยากลำบาก และประสงค์ที่จะชดใช้จริง ๆ อัลลอฮฺ ตรัสว่า
“ถ้าหากลูกหนี้ของสูเจ้าอยู่ในภาวะคับแค้น ก็จงผ่อนปรนให้แก่เขาจนกว่าสถานการณ์ของเขาจะดีขึ้น” (อัลบะเกาะเราะฮฺ: 280)
อบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า :
“มีพ่อค้าคนหนึ่งให้ผู้อื่นยืมเงิน เมื่อใดที่เห็นว่าลูกหนี้ของเขามีความยากลำบาก เขาก็จะกล่าวแก่เด็กรับใช้ของเขาว่า
“พวกเจ้าจงยกหนี้ให้แก่เขาเถิด เผื่อว่าอัลลอฮฺจะทรงผ่อนปรนแก่เรา’ อัลลฮฮฺจึงทรงผ่อนปรนยกโทษให้แก่เขา” (ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน : อัลบุคอรีย์ หะดีษ เลขท่ี 2078 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 1562)
4. ควรที่จะทำสัญญาหนี้เป็นลายลักษณ์อักษรโดยมี พยานรู้เห็น เพื่อหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้ง อัลลอฮฺ ตรัสว่า
“และเจ้าทั้งหลายจงอย่าระอาที่จะทำการบันทึกมันไม่ว่า (หนี้สินนั้น) จะเป็นเพียงจำนวนเล็กน้อย หรือจำนวนมากก็ตาม จนถึงกำหนดของมัน ” (อัลบะเกาะเราะฮฺ: 282)
ส่วนผ้เูป็นหนี้สินก็ควรที่จะปฏิบัตตัวดังต่อไปนี้
1. ต้องมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ท่ีจะชดใช้หนี้สิน อบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“ผู้ใดเอาทรัพย์สินของผู้อื่นไปโดยตั้งใจจะชดใช้คืน อัลลอฮฺจะทรงชดใช้ให้เขา (ด้วยการให้เขาได้มีโอกาสชดใช้) ส่วนคนที่เอาทรัพย์สินของผู้อื่นไป โดยไม่ตั้งใจที่จะชดใช้คืน อัลลอฮฺจะทำให้มันเสียหาย” (ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน : อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 2387)
2. จะต้องรีบเร่งชดใช้หนี้สินไม่ผัดผ่อนชักช้า อบูฮุร็อยเราะฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“การผลัดผ่อนชักช้าของผู้ท่ีมีความสามารถจะใช้หนี้นัน ถือเป็นการอธรรมประการหนึ่ง”
(ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน : อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 2288 และ มุสลิม หะดีษเลขที่1564)
ในหะดีษอีกบทหนึ่งระบุว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ได้เป็นหนี้ชายคนหนึ่งด้วยการขอยืมอูฐตัวผู้อายุน้อยมาตัวหนึ่ง ต่อมาเมื่อมีการรวบรวมอูฐที่เป็น ซะกาตมายังส่วนกลาง ท่านนบี (ซ.ล)จึงสั่งให้ อบูรอฟิอฺเลือกซื้ออูฐตัวผู้อายุน้อยตัวหนึ่งจากอูฐซะกาต เพื่อนำไปใช้คืนแก่ชายคนนั้น
แต่อบูรอฟิอ์ กลับมาหาท่านแล้วรายงานว่า “ฉันพบว่ามีแต่อูฐดีๆ ที่อายุครบหกปีไปแล้ว”
ท่านนบี (ซ.ล) จึงกล่าวว่า “จงให้อูฐที่ดีนั้นแก่เขาไป แท้จริงคนที่ดีที่สุดคือ คนที่ชดใช้สิ่งที่ดีที่สุดในหมู่พวกเขา”
(ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน : อัล-บุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 2288 และ มุสลิม หะดษีเลขที่1564)
กวีคนหนึ่งกล่าวไว้(ในทำนองประชดลูกหนี้) ฉันจะขอผลัดไปวัน ๆ จนกว่าคุณจะเบื่อ และจำใจยอมรับชำระหนี้เพียงครึ่งเดียว
3. ขอความคุ้มครองจากอัลลอฮ์ให้พ้นจากการมีหนี้สิน
" โอ้พระผู้อภิบาลแห่งข้า แท้จริง ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความกังวลใจและความโศกเศร้า ความอ่อนแอ และความเกียจคร้าน ความขลาดกลัวและความตระหนี่ การติดหนี้ท่ีมากมายจนล้นตัว และการถูกกดขี่ข่มเหงจากผู้อธรรม" (ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน : บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 2893)
ได้มีทาสคนหนึ่งมาหาท่านอะลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ และ กล่าวว่า “โอ้ อมีรุลมุอ์มินีน ฉันอยากจะไถ่ตัวฉันจากการเป็นทาสแต่ฉันไม่มีความสามารถ”
ท่านอะลีจึงกล่าวแก่เขาว่า : ฉันจะสอนให้ท่านกล่าวถ้อยคำหนึ่งซึ่ง ท่านเราะสูล (ซ.ล.)ได้เคยสอนฉันไว้ (หากท่านกล่าวแล้ว) แม้ว่าท่าน มีหนี้สินมากมายขนาดภูเขาศีรฺ อัลลอฮฺก็จะทรงช่วยเหลือท่าน ให้สามารถชำระหนี้นั้นได้
ท่านจงกล่าวว่า : "โอ้ อัลลอฮฺ ขอให้ข้าพระองค์มีความรู้สึกเพียงพอกับสิ่งที่พระองค์ทรงอนุมัติด้วยเถิด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปแสวงหาสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม และขอให้ข้าพระองค์มีความมั่งคั่งด้วยความโปรดปรานของพระองค์ โดยไม่ต้องหันไปพึ่งพาผู้ใดนอกจากพระองค์” (ฮาดิษเกี่ยวกับหนี้สิน : บันทึกโดย อัตติรมีซีย์ หะดีษเลขที่ 3563)
แปลโดย : อุศนา พ่วงศิริ / Islamhouse