เมื่อน้ำท่วมหนัก: มุสลิมต้องทำอย่างไรกับศพญาติ? (ความจำเป็นที่ต้องรู้ก่อนการเน่าเปื่อย)

เมื่อน้ำท่วมหนัก: มุสลิมต้องทำอย่างไรกับศพญาติ? (ความจำเป็นที่ต้องรู้ก่อนการเน่าเปื่อย)
เมื่อน้ำท่วมหนัก: มุสลิมต้องทำอย่างไรกับศพญาติ? (ความจำเป็นที่ต้องรู้ก่อนการเน่าเปื่อย)

เมื่อน้ำท่วมหนัก: มุสลิมต้องทำอย่างไรกับศพญาติ? (ความจำเป็นที่ต้องรู้ก่อนการเน่าเปื่อย)

การจัดการศพมุสลิมในภาวะน้ำท่วม (อุทกภัย) ตามหลักศาสนาอิสลาม

การจัดการศพมุสลิมเป็น ฟัรดูกิฟายะฮฺ หรือภารกิจส่วนมหาชน ซึ่งหมายความว่า หากมีมุสลิมกลุ่มหนึ่งดำเนินการจัดการศพครบถ้วนตามขั้นตอนแล้ว มุสลิมที่เหลือก็จะพ้นจากภาระผูกพันนั้น แต่หากไม่มีใครทำเลย ทุกคนในชุมชนที่ทราบก็จะบาป

ขั้นตอนหลักในการจัดการศพตามหลักอิสลาม คือ:

1. การอาบน้ำศพ (ฆุสล์)

2. การห่อศพด้วยผ้าขาว (กะฝั่น)

3. การละหมาดศพ (เศาะลาตุลญะนาซะฮฺ)

4. การฝังศพ โดยเร็วที่สุด (ไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังเสียชีวิต หากไม่มีอุปสรรค)

แนวทางการจัดการศพเมื่อเกิดน้ำท่วม (กุโบร์จมน้ำ)

ในสถานการณ์ที่เกิดอุทกภัยอย่างรุนแรงจนไม่สามารถทำการฝังศพในสุสาน (กุโบร์) ได้ตามปกติ หรือกุโบร์จมน้ำ ซึ่งถือเป็น ภาวะจำเป็น/วิกฤต (ḍarūrah) หลักการสำคัญคือการดำเนินการตามหลักศาสนาให้ครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีแนวทางปฏิบัติที่ได้รับคำแนะนำจากผู้รู้ทางศาสนา (อุละมาอ์) ดังนี้:

1. การเคลื่อนย้ายและการฝังศพ

  • เคลื่อนย้ายศพไปฝังที่ที่ไม่ถูกน้ำท่วม: หากสามารถทำได้ ชุมชนจะพยายามเคลื่อนย้ายศพ (ซึ่งบรรจุในโลงแล้ว) ออกจากพื้นที่น้ำท่วม เพื่อนำไปประกอบพิธีละหมาดและฝังที่กุโบร์ (สุสาน) ที่ไม่มีน้ำท่วมถึง
  • ฝ่ากระแสน้ำไปฝังที่กุโบร์เดิม: ในบางกรณีที่พื้นที่กุโบร์ยังคงสามารถเข้าถึงได้ แม้จะมีน้ำท่วมขังอยู่บนถนนหรือในบริเวณชุมชน ชาวบ้านจะช่วยกันแบกหรือใช้เรือ/พาหนะที่เหมาะสมเพื่อนำศพเคลื่อนลุยน้ำไปประกอบพิธีฝังที่กุโบร์ตามปกติ 

2. การชะลอการฝัง (ในกรณีฉุกเฉิน)

ในสถานการณ์ที่น้ำท่วมสูงจนไม่สามารถนำศพไปฝังได้ทันที หรือไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ที่เหมาะสมได้ อาจมีการพิจารณาแนวทางอื่นเพื่อรักษาศพไว้ก่อนตามความจำเป็นทางศาสนาและสาธารณสุข โดยความเห็นบางส่วนได้เสนอแนวทางในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น:

  • เน้นการดูแลรักษาศพ: หากไม่สามารถนำศพไปฝังในสุสานที่แห้งได้ทันทีเนื่องจากน้ำท่วม จำเป็นต้องหาทาง เก็บรักษาศพ ไว้ในที่ที่ปลอดภัยจากน้ำ ปลอดภัยจากกลิ่น และเชื้อโรค เพื่อชะลอการเน่าเปื่อย
  • ใช้มาตรการชั่วคราว: อาจใช้วิธีการบรรจุศพในโลงศพที่ปิดมิดชิดเพื่อป้องกันน้ำ (แม้โดยปกติอิสลามจะไม่ใช้โลงศพในการฝัง แต่เพื่อการขนส่งและเก็บรักษาชั่วคราวในภาวะวิกฤตสามารถอนุโลมได้) หรือใช้มาตรการทางวิทยาศาสตร์ในการรักษาสภาพศพ หากมีความจำเป็นเร่งด่วน เช่น มีการคาดการณ์ว่าน้ำจะลดลงในเวลาอันสั้น

3. หลักการสำคัญที่ยังคงรักษาไว้

ไม่ว่าจะเกิดอุปสรรคใดก็ตาม ชาวมุสลิมจะยังคงรักษาหลักการสำคัญของการจัดการศพไว้ให้ครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น:

  • การอาบน้ำและห่อศพ: จะพยายามดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้ก่อนการฝังเสมอ

  • การละหมาดศพ: จะมีการละหมาดศพ (ญะนาซะฮ์) ให้แก่ผู้เสียชีวิตก่อนนำไปฝัง

  • การหันหน้าไปยังทิศกิบละฮ์: ในขั้นตอนการฝังศพ จะต้องวางศพให้หันหน้าไปยังทิศกิบละฮ์ (ทิศที่ตั้งของวิหารกะอ์บะฮ์ในนครเมกกะ)

หลักปฏิบัติทั้งหมดในการจัดการศพมุสลิมมีรากฐานมาจากหลักการอิสลามที่เน้นความเรียบง่าย ความเคารพต่อร่างผู้เสียชีวิต และการฝังโดยเร็วที่สุด

1. หลักฐานการเร่งรัดฝังศพ

อิสลามส่งเสริมให้รีบจัดการฝังศพโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้เสียชีวิตและเพื่อประโยชน์ของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่:

“พวกท่านจงรีบเร่งจัดการและนำศพไปฝังเถิด เพราะถ้าผู้ตายเป็นผู้ที่ประกอบคุณงามความดี เขาจะได้มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี แต่ถ้ามิได้เป็นเช่นนั้น พวกท่านก็จะได้วางความชั่วร้ายลงจากบ่าของพวกท่านเสียที” 

(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 1315 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 944) 

หลักฐานนี้ถูกตีความว่าเป็นการเร่งรัดการจัดการศพ เพื่อนำศพที่ดีไปสู่ความสุข หรือนำศพที่ไม่ดีออกไปจากโลกโดยเร็ว 

2. หลักการ "หลีกเลี่ยงความเสียหาย" (การรักษาชีวิต)

ในสถานการณ์ที่การฝังศพตามปกติก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม (เช่น น้ำท่วมทำให้ศพอาจลอยขึ้นมา หรือทำให้เกิดการแพร่เชื้อโรค) หรือไม่สามารถทำได้, หลักการ การหลีกเลี่ยงความเสียหาย มีน้ำหนักมากในนิติศาสตร์อิสลาม (ฟิกฮ์):

"ความจำเป็นทำให้สิ่งที่ห้ามกลายเป็นสิ่งที่อนุญาต (الضرورات تبيح المحظورات)" ดังนั้น หากการฝังศพทันทีเป็นไปไม่ได้และจะนำมาซึ่งความเสียหาย (เช่น การเน่าเปื่อย, การแพร่โรค) การชะลอหรือการใช้มาตรการเก็บรักษาศพชั่วคราวเพื่อรอจนกว่าภาวะวิกฤตจะผ่านพ้นไป จึงเป็นสิ่งที่สามารถอนุโลมได้

สรุปสำหรับภาวะน้ำท่วม

ในทางปฏิบัติเมื่อน้ำท่วมหนักและกุโบร์ใช้การไม่ได้ ผู้รู้ทางศาสนามักแนะนำให้ พยายามเก็บรักษาศพ ในที่ปลอดภัยก่อน โดยดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1-3 (อาบน้ำศพ, ห่อศพ, ละหมาดศพ) ให้เรียบร้อย แล้ว รอจนกว่าน้ำจะลด หรือ ค้นหาสถานที่แห้งอื่น เพื่อทำการฝังศพให้ครบถ้วนตามหลักการ

หากคุณอยู่ในสถานการณ์นี้ ควร ติดต่อมัสยิดหรือคณะกรรมการอิสลามในพื้นที่ โดยทันที เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์จริงและเงื่อนไขของพื้นที่นั้น ๆ